Summary
รู้จักผู้หญิงเก่ง ผู้เปลี่ยนความรักในผืนผ้าพันคอสู่แบรนด์ผ้าพันคอแฟชั่น คุณฟาน – อสมา ดำเกิงสุรเดช แห่ง แบรนด์ Asama Scarf ที่วางขายมากว่า 13 ปี และการต่อยอดผ้าพันคอสู่แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น Oddinary ใน คิง เพาเวอร์
ย้อนกลับไปเมื่อราวต้นปี 2012 ผ้าพันคอเป็นหนึ่งในแอกเซสซอรียอดนิยมไปทั่วโลก ด้วยความพลิ้วไหว ลวดลายที่สวยงามแตกต่างกันของแต่ละแบรนด์ และฟังก์ชันใช้ที่ลื่นไหล ปรับเปลี่ยนได้หลายสไตล์เป็นแรงผลักดันให้เกิดแบรนด์ผ้าพันคอชื่อ Asama Scarf ขึ้น
แบรนด์ที่เกิดจากความชอบผ้าพันคอของคุณฟาน – อสมา ดำเกิงสุรเดช เจ้าของแบรนด์ อสมา สคาร์ฟ (Asama Scarf) ผ้าพันคอที่เกิดจากความตั้งใจคิด ตั้งใจทำ และตั้งใจให้เป็นของขวัญ แม้ในวันนี้ เทรนด์ผ้าพันคอจะเงียบลง แต่ อสมา สคาร์ฟ ยังอยู่ได้ และการต่อยอดสู่ แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์แคชวล Oddinary ความไม่ธรรมดาที่แสนจะธรรมดา
“ฟานชอบการทำผ้าพันคอ เสื้อผ้าแฟชั่น
เราอยากทำให้ร้านเราดีขึ้นก็ต้องคิดอะไรใหม่ๆ ออกมา
พยายามปรับเปลี่ยนสไตล์ให้เข้ากับความนิยม
ให้ความสำคัญกับความหลากหลายเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก”
ฟาน – อสมา ดำเกิงสุรเดช เจ้าของแบรนด์ Oddinary
ที่เกิดขึ้นจากแบรนด์ตั้งต้นคือ อสมา สคาร์ฟ (Asama Scarf)
หยิบความชอบมาลองทำ เล็กๆ ก่อนค่อยขยาย
ก่อนหน้าที่คุณฟานจะมาเริ่มจับธุรกิจ เธอเป็นนักนิเทศศาสตร์คนหนึ่งมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งตัดสินใจอยากทำธุรกิจ โดยมีความหลงใหลผ้าพันคอเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลัง
“ฟานจบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่หลังจากทำงานได้สักสองสามปีก็คิดอยากจะทำธุรกิจของตัวเอง ส่วนตัวเป็นคนชอบผ้าพันคออยู่แล้วก็เลยลองมาเริ่มต้นทำดู ตอนแรกเริ่มจากทำผ้าลายเดียว ทำเล็กๆ ลองขาย”
ตอนที่เริ่มต้นทำในช่วงปี 2012 ผ้าพันคอยังเป็นแค่เครื่องประดับ add-on ในร้านแฟชั่น น้อยคนจะทำแบรนด์ที่มุ่งจำหน่ายผ้าพันคอจริงจัง แต่นี่คือโอกาส “ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีร้านที่เน้นขายผ้าพันคอเลย ส่วนมากจะขายในร้านเสื้อผ้า ก็เลยคิดว่าถ้าทำเป็นร้านผ้าพันคอเลยน่าจะโอเค ทำให้มีหลายไซส์ หลากหลายลาย”
เริ่มต้นจากความชอบผ้าพันคอเกิดเป็นคอลเลกชันแรกที่สะท้อนตัวตน เล่าเรื่องราวบนโต๊ะเครื่องแป้งผู้หญิงที่มีเครื่องสำอางหลากหลาย ลิปสติก ตลับแป้ง สร้อยข้อมือ เกิดเป็นลายแรกของแบรนด์วางขายทางออนไลน์
“เราทำคอลเลกชันแรก ที่มีแค่ลายเดียว สีเดียวเลย ตอนนั้นก็ขายได้อยู่ จากนั้นค่อยๆ ขยาย ทำลายผ้าต่อมาเรื่อยๆ ลายต่อมาก็เป็นลาย Bon Voyage เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก อันนี้เราเริ่มคิดจะทำให้มันเป็นของขวัญได้แล้ว”
พลิกมุมมอง ใส่ความเป็นตัวเองลงไปเป็นของขวัญห่มใจ
“เรารู้สึกว่าผ้าพันคอสามารถซื้อเป็นของขวัญได้ เพราะเป็นของฟรีไซส์ ให้เป็นของขวัญก็น่าประทับใจ เราเลยพยายามออกแบบลายที่มีธีมเป็นของขวัญได้”
หลายคนอาจคิดถึงผ้าพันคอในฐานะเครื่องประดับสะท้อนตัวตน แต่คุณฟานมองอีกแบบ วิสัยทัศน์ของเธอมุ่งไปที่การสร้างสรรค์ลวดลายที่จะสามารถซื้อเป็นของขวัญส่งต่อให้ผู้รับก็น่าประทับใจ จึงเกิดเป็นลวดลายตามธีมต่างๆ ทั้งธีมสะท้อนความเป็นไทย ช้าง ตุ๊กๆ ขายดีในหมู่ชาวต่างชาติ หรือธีมวันเกิดเพื่อเป็นของขวัญวันเกิด
“บางลายก็เป็นธีมเกี่ยวกับศาสตร์ตามราศี ออกลาย 12 นักษัตรมาเป็น 12 ลาย 12 ผืนเลย เราเน้นออกแบบลายที่ให้เป็นของขวัญได้ ใช้เองก็น่ารัก ให้เป็นของขวัญก็ดี คิดไปจนถึงกล่องสำหรับผ้าพันคอด้วย”
สีสันบนผืนผ้ายังสะท้อนถึงความเป็นคุณฟานที่เป็นคนชอบสีสันสดใส ลวดลายบนผ้าจึงออกมาจัดจ้าน “มาจากความชอบของตัวเองเป็นหลัก ฟานเป็นคนชอบสีจัดๆ ก็ทำไปในสไตล์นั้น เน้นสีสดๆ คอลเลกชัน ที่ชอบจะเป็นลายเสือมีพื้นหลังเป็นตารางหมากรุกเข้ากับปีเสือ ประกอบกับเป็นคนชอบลายเสืออยู่แล้วด้วย ลายนั้นก็ขายดีด้วย”
คุณฟานเล่าว่าในช่วงที่ผ้าพันคอฮิตติดลมบนผนวกกับความชอบในผ้าพันคออยู่แล้ว อสมา สคาร์ฟ ถึงกับออกลายใหม่แทบทุกเดือน และเธอยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับองค์กรต่างๆ ด้วย นับว่าเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ผ้าพันคอเฉิดฉายขึ้นจากเครื่องประดับในร้านเสื้อผ้า ให้ขึ้นมาเป็นสินค้าหลักในร้านผ้าพันคอได้
ถอดรหัสความสุข…ความสำเร็จ
ตามรอยคุณฟาน อสมา
• รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และลงมือทำ
ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เลยว่าไอเดียนั้นจะสำเร็จหรือไม่
• เริ่มต้นจากเล็กๆ ค่อยขยายอย่างยั่งยืน
• ปรับตัวให้ไวตามกระแส
เพื่อให้ธุรกิจยังเดินไปต่อได้อย่างสวยงาม
• หาความแตกต่างในสินค้าของตัวเองให้เจอ
• เพื่อให้สามารถต่อสู้กับแบรนด์อื่นๆ และสินค้าราคาถูกใจปัจจุบันได้
• มีความสุขอยู่กับปัจจุบันและพยายามทำให้ดีที่สุด
Suggestion
แพสชันในแฟชั่นต่อยอดผลงานไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ
“กระแสของผ้าพันคอในตอนนี้ไม่ได้ฮิตเหมือนสมัยก่อน มันดรอปลงจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก ช่วงปี 2012-2019 เป็นช่วงที่ผ้าพันคอฮิตมาก ขายดีเลย แต่หลังจากนั้นกระแสผ้าพันคอก็ลดลง ยิ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาดก็ถือว่าเป็นช่วงแย่เลยเพราะนักท่องเที่ยวก็ไม่มีด้วย”
แม้กระแสของผ้าพันคอจะลดลง แต่ผ้าพันคอของ อสมา สคาร์ฟ ยังมีวางจำหน่ายอยู่ ปัจจุบันวางจำหน่ายที่คิง เพาเวอร์ ศรีวารีเป็นหลัก เป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ไต้หวัน นำเสนอผลงานศิลปะบนผืนผ้า ความสวยที่สะท้อนผ้าสายตาของคุณฟาน เจ้าของแบรนด์
นอกจากแพสชันในผ้าพันคอแล้ว ไฟในการทำธุรกิจในตัวคุณฟานยังพุ่งแรงแตกธุรกิจออกเป็นแบรนด์เสื้อผ้า Oddinary แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น เน้นเสื้อผ้าสไตล์แคชวลสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ทำควบคู่ไปกับแบรนด์ อสมา สคาร์ฟ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของเธอจำหน่ายใน คิง เพาเวอร์ รางน้ำและสาขาอื่นๆ อีกด้วยเช่นกัน
“ฟานยังชอบการทำผ้าพันคอ เสื้อผ้าแฟชั่น ยังมุ่งไปทางธุรกิจที่ทำอยู่ เรายังอยากทำให้ร้านเราดีขึ้น ขายดีขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะต้องคิดอะไรใหม่ๆ ออกมา แบรนด์ Oddinary เราพยายามปรับเปลี่ยนสไตล์ให้เข้ากับความนิยม ณ ขณะนั้น ช่วงนี้จะเป็นผ้าใยธรรมชาติ ผ้าลินิน ผ้าคอตตอนที่ชาวต่างชาติชอบ เราให้ความสำคัญกับความหลากหลายเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก เมื่อเป็นผู้ประกอบการก็จะต้องพยายามคิดทำให้มันหลากหลาย”
การต่อสู้ที่ไม่มีวันหยุดของคนเป็นเจ้าของแบรนด์
“ทุกวันนี้แบรนด์เสื้อผ้า แบรนด์เครื่องประดับมีเยอะมาก คนทำธุรกิจสายนี้ก็ต้องแข่งขันสูงมากๆ แต่เราก็ต้องทำสินค้าของตัวเองให้แตกต่าง”
นอกจากการแข่งขันในการสร้างแบรนด์ ขายสินค้ากับแบรนด์อื่นๆ แล้ว ในมุมการเป็นผู้ประกอบการ ยังต้องเจอกับความท้าทายหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการต่อสู้กับสินค้าราคาถูกที่คุณฟานมองว่า สิ่งสำคัญคือหากลุ่มลูกค้าของตัวเองให้เจอ
“ยุคนี้มีสินค้าราคาถูกนำเข้ามาเยอะมาก มันอาจจะขายยากแต่เราต้องสร้างความแตกต่าง ถึงยังไงสินค้าก็ไม่เหมือนกัน มันก็อยู่ที่คนซื้อว่าเขาจะชอบสินค้าของเราไหม เราก็ต้องหาลูกค้าที่มีความชอบตรงกับสไตล์ของแบรนด์ แล้วเขาจะให้คุณค่ากับของจากแบรนด์เรา”
วันนี้ถึงคุณฟานจะรับบทหนัก บริหารทั้งแบรนด์ผ้าพันคอและแบรนด์เสื้อผ้า เป็นความพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดในขณะเดียวกันก็มีความสุขในเรื่องที่ง่ายดายไปด้วย “สำหรับฟานแค่ไม่มีเรื่องเครียดอะไรก็แฮปปีแล้วนะ อาจจะไม่ได้ต้องสุขอะไรมากมาย แค่ไม่มีเรื่องเครียดทุกข์ใจก็โอเคแล้ว อยู่กับปัจจุบันแล้วก็พยายามตั้งใจทำร้านให้มันดี”
เราถามคุณฟานส่งท้าย เนื่องจากเห็นว่าเธอเป็นหนึ่งในคนที่เริ่มต้นธุรกิจจากความชอบล้วนๆ ประสบความสำเร็จและต่อยอดเรื่อยมาจากความหลงใหลที่มาจากภายในตัวเอง ว่าสุดท้ายแล้วการเริ่มต้นทำแบรนด์ต้องเริ่มต้นจากอะไร คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจต้องเริ่มจากลองผิดลองถูกไหม?
“มันอยู่ที่ว่าจะทำอะไรและอยู่ที่อายุด้วย ตอนที่เริ่มทำ อสมา สคาร์ฟ อายุเรายังไม่เยอะมากก็ลองผิดลองถูกมา มันยังเป็นช่วงอายุที่ลองได้ แต่ถ้าอายุเยอะแล้วบางทีอาจจะต้องลองคิดให้ดีก่อน แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าคิดว่าอยากจะทำจริงๆ มันก็ต้องลองทำ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเวิร์กหรือไม่เวิร์ก เริ่มต้นจากเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายออกมา”
การได้คุยกับคุณฟานทำให้เรามองเห็นมุมความท้าทายของการจับธุรกิจแฟชั่นที่มีปัจจัยด้านเวลาและความนิยม ณ ขณะนั้น แต่คุณฟานก็มีพลังบวกและพยายามทดลองทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอตามอินเนอร์ที่อยู่ภายในตัวเอง ซึ่งเราเชื่อว่าวันหนึ่งที่ผ้าพันคอกลับมาฮิตติดลมบนอีกครั้ง อสมา สคาร์ฟ จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนรักผ้าพันคอนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ แน่นอน