Summary
จุดเริ่มต้นจากความสงสัยและแรงบันดาลใจ นำมาซึ่งการทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง “ภูตะวัน” ได้พัฒนาจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเล็กๆ สู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมออร์แกนิกไทย ไม่เพียงแต่เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพ แต่ยังมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงผู้คนกับธรรมชาติ และส่งเสริมความยั่งยืนในสังคม วันนี้ “ภูตะวัน” ได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นไปได้ ที่พลังคนไทย พาแบรนด์ไทยเติบโตสู่เวทีระดับโลก
“ผมอยากเห็นแบรนด์ไทยเป็นที่ยอมรับ อยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนต่างชาติ ไม่ใช่แค่ของฝากจากเมืองไทย” …คำบอกเล่าความฝันที่กำลังค่อยๆ เติมเต็มสู่ความสมบูรณ์ของ คุณกัส – ฉัตรชัย วงศ์มานะโรจน์ศรี Brand Founder บริษัท ภูตะวัน เฮิร์บ แอนด์ คอสเมติค จำกัด
ฟังดูเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยพลัง มาทำความรู้จักตัวตนของเขาผ่านแบรนด์ภูตะวัน แบรนด์ไทยที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและอะโรมาเทอราพีจากธรรมชาติ
✔ “โฟกัส” กับสิ่งที่ทำ เป้าหมายชัดเจน
ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออก ช่วยให้สำเร็จเร็วขึ้น
จุดประกายจากความสงสัย สู่เส้นทางของกลิ่น
คุณกัสพาเราย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เริ่มต้นจากเด็กคนหนึ่งที่ชอบทดลอง และค้นพบว่าตัวเองชอบค้าขาย รู้สึกว่าการรับเงิน ทอนเงินเป็นเรื่องสนุก เขาลงทุนเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ที่บ้าน จากเงินลงทุนหลักร้อยเติบโตกลายเป็นหลักพัน และหลายหมื่นบาท ก่อนจะปิดตัวลงเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ เงินก้อนนี้พาคุณกัสไปเรียนรู้อีกหลายธุรกิจ จนกระทั่งพบว่า “สบู่” เหมาะที่สุดในการลงทุน ด้วยสังเกตเห็นสบู่ของคุณแม่ในห้องน้ำที่ทุกคนในบ้านต้องใช้
ภาพจาก FB: Phutawan
“สบู่ใช้แล้วหมดไป ใช้แล้วเกิดการซื้อซ้ำ ซึ่งผมไม่เคยเห็นสบู่ของแม่โฆษณาที่ไหนมาก่อน มันน่าจะมีสรรพคุณบางอย่าง ถ้าของมันใช้ดี ก็จะเกิดการบอกต่ออัตโนมัติ” คุณกัสเริ่มเรียนรู้ศาสตร์ของกลิ่นหอม และอยากนำพืชสมุนไพรต่างๆ ของไทยใส่ลงไป เป็นสบู่ข้าวหอมมะลิ สบู่ตะไคร้ จึงเริ่มคิดค้นส่วนผสมตามแบบฉบับนักทดลอง หาความรู้ครบทุกมิติ ทั้งจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต อบรมสัมมนา และแม้แต่งานแฟร์ ค่อยๆ connect the dots ไปเรื่อยๆ
• สบู่ก้อนแรกวางจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ นากาโน่ ตามกระแสนิยมในชื่อต่างประเทศ ต่อมาจึงเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับผลิตภัณฑ์และตลาด
• ภูตะวัน ชื่อนี้เกิดจากภาพความประทับใจของภูเขาและดวงตะวัน ระหว่างเดินทางที่คุณกัสท่องเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอน จึงนำทั้งสองคำมารวมกัน และใช้ชื่อนี้นับแต่นั้นมา
“เวลาเรารู้เป้าหมายของเราชัด เราเดินเร็วขึ้นเยอะ
เพราะได้ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป ภูตะวันเดินนานถึง 25 ปี
เราไม่ได้เดินเร็ว แต่เราเดินให้นานและอยู่ให้ได้ มันเป็นสิ่งที่เรามีความสุข”
ฉัตรชัย วงศ์มานะโรจน์ศรี
ผู้ประกอบการ แบรนด์ภูตะวัน
คุณกัสศึกษาต่อด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี ซึ่งสนับสนุนสิ่งที่เขาทำอยู่ ทุกสุดสัปดาห์จะต้องนั่งรถกลับบ้านที่สมุทรปราการเพื่อมาดูแลร้านที่ตลาดชุมชน ซื้อวัตถุดิบ และผลิตสินค้าในสไตล์โฮมเมด เป็นแบบนั้นตลอดช่วงเวลาการเป็นนักศึกษา
“ผมไม่รู้สึกว่าขาดอะไร ผมมีความสุข แฮปปีดี… พอได้ทำธุรกิจ มันคือความสนุก ได้ลองผิดลองถูก ได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ ทำให้ผมเจอสิ่งที่ใช่เร็วขึ้น”
หลังเรียนจบคุณกัสเลือกเปิดสาขา 2 ที่ตลาดนัดจตุจักร ไม่ใช่เพราะขายดีจนต้องขยาย แต่เพราะมองเห็นโอกาสที่ชาวต่างชาติจะได้พบเจอสินค้าของเราเพิ่มขึ้น
ยึดมั่นในธรรมชาติและออร์แกนิก
“เวลาเรายืนอยู่จุดไหน เราจะมองหาเป้าหมายต่อไปเสมอ” คุณกัสเดินหน้าพัฒนา ภูตะวัน ให้เป็น Organic Skin Care & Aroma Therapy ในวันที่คนยังไม่ค่อยรู้จักคำว่า ออร์แกนิก ด้วยวิสัยทัศน์ของนักทดลองที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เห็นเทรนด์การตลาด กล้าคิดต่าง และเลือกใช้วัตถุดิบปลอดภัย ปราศจากสารเคมี ได้การรับรองมาตรฐานออร์แกนิกจาก USDA Organic และ ECOCERTแต่ความท้าทายคือ ความรู้สึกของผู้บริโภค ที่มีต่อเนื้อสัมผัส กลิ่น และผลลัพธ์หลังใช้งาน ส่วนใหญ่ยังคุ้นชินกับสินค้าที่มีสารเคมีทำให้กลิ่นหอม หรือใช้แล้วผมไม่ชี้ฟู การสร้างสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความพึงพอใจจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องมุ่งมั่นพัฒนา
“ภูตะวันเป็นแบรนด์ไทยแท้ แต่เราเรียนรู้จากแบรนด์ต่างประเทศ นำความสำเร็จของเขามาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของคนไทย เพื่อให้เกิดการยอมรับ เชื่อมั่นในคุณภาพและเข้าถึงใจของผู้บริโภค”
แนวคิดแบรนด์ไทยเติบโตไกลสู่เวทีระดับโลก
ตามแบบอย่าง ภูตะวัน
• สร้างจุดร่วมในความเป็นมนุษย์ ไม่มีแบ่งแยก
• ย่อยความเป็นไทยให้นานาประเทศสามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย
• เรียนรู้วัฒนธรรมและบริบทของแต่ละประเทศ
สินค้าเป็นเพียงสะพานที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติ
หนึ่งจุดเด่นของภูตะวันที่ครองใจลูกค้ามายาวนาน คือความเป็นออร์แกนิก “เราเป็นสะพานที่ทอดไปหาลูกค้า เราส่งมอบการแก้ปัญหา ประสบการณ์ อารมณ์ความรู้สึกมากกว่าการเป็นแค่โปรดักต์” ภายในร้านของภูตะวัน จะสัมผัสได้ถึงวัตถุดิบธรรมชาติที่มาจากชุมชน ไม่ใช่แค่แชมพู หรือบอดีสครับ แต่คือเรื่องราวของผู้คนและวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด “Natural Connect People” ให้ธรรมชาติเชื่อมโยงผู้คน ใช้ธรรมชาติจากประเทศไทย รวมทั้งวัตถุดิบและวัฒนธรรมไทย สินค้าอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ การเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกผ่านสินค้าและกิจกรรมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
ขอบคุณภาพจาก Phutawan
• นิทรรศการน่าสนใจที่ภูตะวันเคยจัดขึ้น มีชื่อว่า “Dream – แค่อยากมีฝันกับเขาบ้าง” ถ้าอยากประสบความสำเร็จกับฝันในโลกความจริง ต้องรักตัวเองและให้ความสำคัญกับการนอน แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นในผลิตภัณฑ์ สเปรย์ฉีดหมอน ที่ไม่ได้แค่หอม แต่ยังส่งต่อแง่คิดการรักตัวเอง ใส่ใจการพักผ่อนและดูแลตัวเองให้มากขึ้น
✔ ไม่เน้นโตเร็ว
แต่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคง
กลับไปสู่ราก เชื่อมโยงชุมชน เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
คุณกัสเล่าถึงโอกาสครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ภูตะวัน ที่อยากทำอะไรให้เป็นมากกว่าการเป็นแค่ผู้ผลิต เริ่มจากค้นหาวัตถุดิบใหม่ๆ แล้วชื่อ ภูตะวัน ก็ดึงความสนใจไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์
เขาเริ่มศึกษาถึงวัตถุดิบหรือพืชพรรณที่สามารถต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรม จนได้พบกับตะไคร้แดง พืชท้องถิ่นที่มีศักยภาพ แต่การรับซื้อวัตถุดิบอย่างเดียวอาจเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนได้ยากและไม่ยั่งยืน จึงสนับสนุนเครื่องกลั่นน้ำมันหอมระเหยให้แก่ชุมชน อันเป็นที่มาของความร่วมมือกับกลุ่มเกษตรยิ้มออร์แกนิก กลุ่มเกษตรกรชาวไทยภูเขาที่รวมตัวกันเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีพื้นฐานความรู้การทำออร์แกนิกพืชเชิงเดี่ยว และการสกัดน้ำมันหอมระเหย
ภูตะวันเข้าไปเสริมในส่วนของข้อมูลและความรู้ต่างๆ ปรับปรุงโรงเรือน สร้างมาตรฐาน เพื่อวัตถุดิบจะได้เข้าสู่โรงงานผู้ผลิตแบบมีเอกสารรับรอง ในระดับสากล “เราไม่ได้ผูกขาดการซื้อขายกับเราเจ้าเดียว เขาสามารถขายได้อย่างอิสระ” ผลจากความร่วมมือนี้ออกมาเป็น ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ตะไคร้แดง และน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้ทั้งหมดของภูตะวันส่งตรงมาจากแม่ฮ่องสอนเช่นกัน
กลิ่นหอมจากภูตะวัน ที่อยากแนะนำ
• กลิ่นจัสมิน
ช่วยปรับสมดุลจิตใจ คลายความเหนื่อยล้า
• กลิ่นลาเวนเดอร์ คาโมมายล์ มาร์จอแรม
ช่วยผ่อนคลายลดความตึงเครียด
• กลิ่นตระกูลซิตรัส
สำหรับความคิดสร้างสรรค์ ค้นหาแรงบันดาลใจ
• กลิ่นโรสแมรี
ช่วยเสริมความจำ สร้างสมาธิ ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย
“ผมชอบกลิ่นหญ้าแฝก หรือกลิ่นประเภทป่า ใบไม้ ให้ความรู้สึกสดชื่นดี” นอกจากนี้ยังช่วยให้ใจสงบ เพิ่มสมาธิอีกด้วย
ภูตะวันได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ จึงมีอีกมากมายหลายกลิ่นให้เลือก ซึ่งมีสรรพคุณแตกต่างกันไป มีทั้งกลิ่นที่สกัดเองและนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อให้มีความหลากหลาย “หลายครั้งมาจากกลิ่นที่ผมชอบเป็นหลัก ผสมรวมกับทีมงาน” แล้ววางโครงตลาดและกลุ่มเป้าหมาย จากนั้น R&D จะนำไปพัฒนาต่อ ส่งให้กลุ่มทดลอง ก่อนจะผลิตเป็นสินค้าออกสู่ตลาด
แบ่งปันเป้าหมายของแบรนด์ภูตะวันล่าสุด
• เป็น Organic Skin Care & Aroma Therapy ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อกับธรรมชาติและผู้คน
• ให้ผลิตภัณฑ์ถ่ายทอดประสบการณ์ในด้านอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านนิทรรศการและศิลปะ
• “Phutawan Life” คอนเซปต์สโตร์ที่ผสมผสาน Living, Healing Sense และ Inner Nourishment เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
• บุกตลาดต่างประเทศ เพิ่มร้านสาขา และสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ
• เข้าร่วม Osaka World Expo 2025 ณ ประเทศญี่ปุ่น
ภาพจาก FB: Phutawan
เมื่อเป้าหมายคือการปักธงไว้ที่ต่างประเทศ “ผมใช้ประตูของประเทศทั้งเข้าและออก ทั้งสนามบิน และ คิง เพาเวอร์ การได้วางจำหน่ายที่ คิง เพาเวอร์ ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับอินเตอร์”
✔ เรียนรู้จากความล้มเหลว
ถ้าผิดพลาดก็แค่ทำใหม่
เมื่อชื่อของเราไม่ใช่ของเรา
คุณกัสมองเรื่องส่วนตัวกับงานเป็นเรื่องเดียวกัน “เมื่อมีปัญหากับงาน ก็ยังเหลือตัวเอง… ผมเป็นคนคุยกับตัวเองรู้เรื่อง รักตัวเองในเรื่องของความรู้สึก… ถ้าข้างนอกมันทำให้ burn out ผมก็แค่กลับเข้ามาอยู่กับตัวเองสักพักก็พอ”
ในขณะที่ภูตะวันเริ่มขยายแบรนด์สู่ต่างประเทศ กลับพบกับบททดสอบครั้งใหญ่เรื่องเครื่องหมายการค้า ด้วยช่วงแรกยังขาดความรู้ คุณกัสเล่าว่า ถูกคู่ค้าจดทะเบียนชื่อ ภูตะวัน ที่สหภาพยุโรป และครั้งไปออกร้านที่จีน มีคนมาถ่ายรูปสินค้าของเราเยอะมาก ปรากฏว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น ชื่อของเราถูกนำไปจดทะเบียนที่จีนก่อนที่เราจะยื่นเอกสาร ทำให้ ภูตะวัน ต้องกลายเป็นผู้เช่าชื่อแบรนด์ตัวเองในตลาดจีนอยู่หลายปี และเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ คุณกัสจึงสร้างอีกแบรนด์ในชื่อ อินทรี (Intree) ขึ้นมาด้วย
“เราอยากเป็นแบรนด์ที่ไปเติบโตในต่างประเทศ พอประเมินแล้วว่า จีนและยุโรปเป็นตลาดสำคัญ และการบริหารหลายแบรนด์ยากต่อการจัดการ” อีกทั้งความรู้สึกไม่มั่นคงและยุ่งยากในการทำตลาดบนแพลตฟอร์มจีน จึงตัดสินใจซื้อชื่อกลับคืนมาในที่สุด
คุณกัสมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ผ่านการร่วมมือกันของแบรนด์ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น แบรนด์น้ำพริกเผาคอลแลบกับแบรนด์ไอศกรีม “ผมว่าน่าสนุก ในอนาคตจะมีการคอลแลบแบบนี้อีกเยอะ” สำหรับภูตะวันมีคอลแลบกับหลายแบรนด์แต่ยังคงสอดคล้องกันอยู่ หากมีโอกาสร่วมกับแบรนด์อื่นในรูปแบบที่แตกต่างมากๆ ก็น่าสนใจ เพราะโลกยุคใหม่ “อะไรก็เป็นไปได้”
เคล็ดลับความสำเร็จของคุณกัส ฉัตรชัย
ที่ทำให้ภูตะวันเติบโตต่อเนื่องมากว่า 25 ปี
✔ “โฟกัส” กับสิ่งที่ทำ เป้าหมายชัดเจน ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออก ช่วยให้สำเร็จเร็วขึ้น
✔ เรียนรู้จากความล้มเหลว ถ้าผิดพลาดก็แค่ทำใหม่
✔ ไม่เน้นโตเร็ว แต่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคง
ภูตะวัน (PHUTAWAN)
บริษัท ภูตะวัน เฮิร์บ แอนด์ คอสเมติค จำกัด
ที่ตั้ง: 918 หมู่ 2 ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10270
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย
คลิก: PHUTAWAN
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา