Summary
เปิดตัว 5 นักดนตรีฝีไม้ลายมือดี ลีลาดนตรีมีทีเด็ด! ของ 5 วงจากรุ่นบุคคลทั่วไปบนเวที THE POWER BAND 2025 SEASON 5 สนามขอนแก่น…ความเก่ง ความเป็นตัวตน และเทคนิคการฝึกฝนของแต่ละคน น่าสนใจแค่ไหน Thaipower.co จะไปทำความรู้จักกับวงเก่งของพวกเขาให้มากขึ้นอีกนิด ผ่านเรื่องราวของนักดนตรีเหล่านี้ อ่านที่บทความนี้กันเลย…
กล้า Long Black (เพอร์คัชชัน) – เมฆ CIPPER (แซกฯ) – ต้าฟู่ PUPPY LOVE (เบส)
ฤดูกาล THE POWER BAND เดินทางมาถึงเกินครึ่งทางของซีซันนี้กันแล้ว…THE POWER BAND 2025 SEASON 5 จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมพันธมิตรค่ายเพลงระดับแนวหน้าของประเทศ และ Multiply by Eight ภายใต้คอนเซปต์ MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES พลังดนตรี เป็นไปได้ ไม่สิ้นสุด ก็พาเราออกเดินทางไปทุกภูมิภาค เพื่อเฟ้นหาสุดยอดวงดนตรี นักร้อง และนักดนตรี รวมทั้งพาพวกเขาเดินทางไปให้ถึงฝัน
สนามภูมิภาคสนามแรกอย่างขอนแก่นที่ดุเดือด เร้าใจ และสนุกสนานสุดๆ จนเป็นที่พูดถึงมาจนถึงรอบโซนนิงในสนามต่อๆ มานั้น ทำให้เราได้พบกับนักเหล่าดนตรีลีลาเหลือร้าย ที่ภูมิใจนำเสนอทั้ง 5 หนุ่ม จาก 5 วงดนตรีสุดร้อนแรง ในรุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปิน (Professional Class: Road to Artist) เช็กผลการแข่งขันผู้เข้ารอบ THE POWER BAND 2025 SEASON 5 จากสนามขอนแก่น พร้อมอ่านบรรยากาศแบบเกาะขอบเวทีจากสนามนี้ คลิกเลยที่นี่
พงศ์ AMIKA (คีย์บอร์ด) – เบสท์ SUNTOY (กีตาร์)
แม้จะต่างรูปแบบ ต่างสไตล์กัน แต่พวกเขาต่างมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ เป็นแชมป์! เท่านั้น!! และนักดนตรีที่ลีลามีทีเด็ดจนขอชวนมาพูดคุยครั้งนี้…มี กล้า (เพอร์คัชชัน) ผู้สร้างสีสัน จากวง Long Black เมฆ (แซกโซโฟน) ที่แสนนุ่มนวล จากวง CIPPER ต้าฟู่ (เบส) สุดสนุกสนาน จากวง PUPPY LOVE พงศ์ (คีย์บอร์ด) สุดสร้างสรรค์ จากวง AMIKA และ เบสท์ (กีตาร์) สุดเฟี้ยว จากวง SUNTOY
• กล้า – กฤตยชญ์ แก้วฝ่ายนอก
มือเพอร์คัชชัน วง Long Black กรุงเทพฯ
“เวลาเล่นเพอร์คัชชัน
สีหน้าท่าทางของผมดึงดูดให้คนหันมามองได้”
THE POWER BAND 2024 SEASON 4 กล้าเป็นนักดนตรีมาในนามวง BLACK COFFEE (รุ่นบุคคลทั่วไป) อ่านเรื่องของวง BLACK COFFEE คลิกที่นี่ และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ปีนี้เขากลับมากับวงใหม่และสมาชิกใหม่ (มีออร์แกน ร้องนำที่จูงมือกันมาจากวงเดิมด้วย) กล้ายังคงอยู่ในตำแหน่งเพอร์คัชชันเช่นเดิม เพราะเขาชอบบทบาทของเพอร์คัชชัน “ผมว่าเพอร์คัชชันเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว เราสร้างสรรค์ได้ มันทำให้เพลงมีสีสัน แบบฟังเพลงไปเรื่อยๆ อาจจะ เอ๊ะ! เสียงอะไร แล้วเพอร์คัชชันก็เหมาะกับตัวผมด้วย เพราะผมเป็นคนชอบเติมนิดเติมหน่อย ให้เพลงมีมิติที่ต่างออกไป”
อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้วคือ “ผมได้มาเรียนดนตรีสากล ที่มหาวิทยาลัยจันทร์เกษม ก็มีรุ่นพี่ช่วยหล่อหลอมให้ผมหาตัวตนเจอ แนะนำให้ไปฟังเพลงที่เหมาะจะเรียนรู้เรื่องเพอร์คัชชัน รวมถึงแนะนำเทคนิคการเล่นเพิ่มเติมด้วย” เขาและออร์แกน ตั้งวงนี้ขึ้นและมองหาเพื่อนๆ ที่จะเดินไปในแนวทางเดียวกัน แต่ก็ยากไม่น้อย “เราเลยมองแนวทางที่ต่างไปว่า ถ้าเป็นแนวดนตรีอื่นล่ะ มันมีอะไรที่ใกล้เคียงกับสไตล์กรูฟหรือฟังก์ไหม เพราะเราจะยึดแนวดนตรีนี้เป็นหลัก” ในที่สุดก็ได้มาเป็นวง Long Black ที่สมบูรณ์ในวันนี้
อย่างที่กล้าบอก ขณะที่เขาเล่นเพอร์คัชชัน เราไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย “บนเวทีผมรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตัน รู้สึกแบบ ‘ได้เล่นสักทีวะ’ เพราะพวกเราทำเพลงกันเอง เหนื่อยมาด้วยกันตลอด”
ประสบการณ์ในการประกวดเวทีนี้ 2 ปีซ้อนทำให้กล้าพูดได้เต็มปากว่า “เวทีนี้ให้อะไรเยอะมาก เช่น เรื่องการล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ ที่กรรมการบอกในซีซันที่แล้ว ผมเอามาพัฒนาและประยุกต์กับวงใหม่ และเป็นรายการที่มีคุณภาพทำให้นักดนตรีที่ได้มาแข่ง ได้ความรู้กลับบ้านไปพัฒนาตัวเองด้วย”
• เมฆ – อิทธิพล สาสาย
มือแซกโซโฟน วง CIPPER อุดรธานี
“มีคนบอกว่าผมเป่าแซกโซโฟนเพราะ
แต่ผมไม่เชื่อ”
อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ “เขาน่าจะชมตามมารยาทนะครับ เพราะผมยังเล่นไม่ค่อยดีเท่าไร” ช่างเป็นคนที่ถ่อมตัวเสียเหลือเกิน แต่เราว่าที่เขาชมนั้น ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย เพราะเสียงแซกโซโฟนอันนุ่มนวลที่เมฆเป่า สะท้อนเข้าไปในหู สะเทือนเข้าไปในใจเลย ทำให้คนเป่าที่หล่ออยู่แล้ว…ดูหล่อยิ่งขึ้นไปอีก (อันนี้เราก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงเช่นกัน เพราะพี่เป้ กรรมการก็เห็นและกล่าวเช่นนี้ด้วย)
“บนเวทีผมจะดูอารมณ์เพลงเป็นพื้นฐาน และดูว่าผมอยากจะสื่อสารด้วยเสียงและอารมณ์แบบไหน”
เมฆเริ่มเล่นกีตาร์ตอน ม.1 เพราะเขาอยากเป็นมือกีตาร์โซโล แต่วันหนึ่งครูชักชวนให้ไปเป่าแซกโซโฟน ในวงโยธวาทิต แม้ตัวเองอาจจะงงๆ แต่เพราะอยากเล่นดนตรีเมฆเลยตกลง จนไปเห็นวงสตริงของรุ่นพี่ที่มีมือแซกโซโฟนร่วมวงด้วย เขาก็เริ่มสนใจ และครูอีกเช่นกันที่พาเขามาร่วมวงสตริง พอเมฆเป่าแซกโซโฟน เขาก็ไม่ได้จับกีตาร์อีกเลย “ผมเริ่มรู้สึกชอบแซกโซโฟน เพราะได้ลองคิดเพลงแต่งเพลงกับเพื่อน ผมรู้สึกว่าแซกโซโฟนไม่ค่อยมีคนเล่น และผมก็อยากทำให้วงดูน่าสนใจขึ้น”
เมฆเล่าว่า โลกแห่งดนตรีและการประกวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเวที THE POWER BAND นี้ ถือเป็นการเปิดโลกใหม่สำหรับเขา “การประกวดทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น ได้ลองทำอะไรหลายอย่าง ได้รู้จักผู้คน ได้รู้จักโลกของดนตรีมากขึ้น บางทีเราคิดว่าเราน่าจะโอเคแล้ว แต่พอได้ไปเปิดโลกมากขึ้น มีคนที่เก่งกว่าเราอีกมาก มีโลกแบบที่เราไม่เคยคิดว่าจะมี”
เมฆอยากเป็นศิลปิน แต่เขาไม่ได้เลือกเรียนด้านดนตรีโดยตรง เขาเลือกเรียนครู ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี “ผมคิดว่าการจะเป็นศิลปินไม่จำเป็นต้องเรียนดนตรีอย่างเดียว ถ้าเรียนครูก็จะเป็นการเพิ่มโอกาส เราสามารถหาความรู้ได้ด้วยตัวเองและเป็นศิลปินได้เหมือนกัน”
Suggestion
• ต้าฟู่ – กษิดิศ ชัยทัศน์
มือเบส วง PUPPY LOVE กรุงเทพฯ
“ผมคือมือเบสหน้าหวาน
สายเอนเตอร์เทน”
ปี 2024 ต้าฟู่หนึ่งในสมาชิกวง DS.RU.BAND โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพฯ คว้ารางวัลชนะเลิศ รุ่นมัธยมศึกษามาแล้ว ปีนี้เขาและเพื่อนๆ สมาชิกจากวงเดิม มาท้าทายตัวเองครั้งใหม่ในรุ่นบุคคลทั่วไป ในชื่อใหม่วง PUPPY LOVE แม้จะเป็นสมาชิกเพื่อนๆ คนเดิมกัน แต่หลายอย่างก็เปลี่ยนไป ที่เห็นชัดๆ คือการแสดงฝีมือบนเวทีของพวกเขา “ปีนี้จะเน้นที่ฟีลลิงหรือความเป็นศิลปินมากกว่า ตอนมัธยมเน้นสกิล โน้ตหรือสัดส่วนจะต้องเป๊ะ แต่ปีนี้จะเน้นที่ความดึงดูดผู้ชมมากกว่า” อ่านเรื่องราวของวง DS.RU.BAND คลิกที่นี่
ใน THE POWER BAND 2025 SEASON 5 นี้ เขาคาดหวังจะคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง “ปีนี้มั่นใจมาก ว่าจะต้องได้รางวัลครับ เพราะเราเล่นดนตรีแบบมองตาก็รู้ใจกับเพื่อนมากขึ้น ไปด้วยกันได้ดี” มิน่าล่ะ ทุกอย่างบนเวทีถึงดูราบรื่นไปหมด ต้าฟู่คิดว่าเสน่ห์ของตัวเขาเวลาเล่นเบสคือความเป็นธรรมชาติ “ผมเล่นเบสแล้วสนุก สามารถทำให้คนดูสนุกไปด้วยกันได้”…ความสนุกส่งต่อกันได้แบบนี้เอง
แต่กว่าจะมีวันนี้ชีวิตต้าฟู่ก็หักมุมไม่น้อย ตอนแรกเขาไม่ได้ชอบเล่นดนตรีแต่เป็นนักกีฬาปิงปอง จนมาค้นหาตัวเองด้านดนตรี และมีแพสชันกับดนตรีที่เล่นมากขึ้นทุกวัน ที่ต้องเป็นเล่นเบสก็เพราะเขาคิดเห็นไม่เหมือนใครแบบอารมณ์ขัน “เบสกับกีตาร์คล้ายกันครับ แต่เบสจะยาวและใหญ่กว่า ความยาวของเบสมันดูเท่ เวลาที่เล่นเบส เราจะดูยิ่งใหญ่ไปด้วย และด้วยเสียงโทนต่ำของเบสมันดูเป็นผู้คุมวงดีครับ” อ้อ นี่หรือคือเหตุผลที่หลงเสน่ห์เบสตัวโต (ฮา)
ต้าฟู่อยู่กับเบสมาตั้งแต่ ม.3 ตลอด 2 ปี เขาฝึกหนักตามตารางซ้อมของอาจารย์บอส (อาจารย์ผู้ควบคุมวง) อ่านเรื่องของอาจารย์บอส คลิกที่นี่ และพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายนี้ต้าฟู่มีความในใจแอบบอกอาจารย์ด้วย “ขอบคุณอาจารย์บอสที่ดูแลและสอนพวกเรามาตลอด อาจารย์เก่งมากครับ” ด้วยความรัก แพสชัน และการทำงานหนักในการฝึกซ้อมจะพาเขาไปถึงศิลปินตามที่ฝันได้ไม่มากก็น้อย…เราเชื่ออย่างนั้น
• พงศ์ – ชิษณุพงศ์ ลอยสูงเนิน
มือคีย์บอร์ด วง AMIKA มหาสารคาม
“ใครๆ ก็เรียกผมว่า ‘จารย์พงศ์’ “
เพราะว่าพงศ์จะเป็นคนคอยแนะนำเรื่องคอร์ดและซาวนด์ดนตรีให้เพื่อนเสมอ เพื่อนๆ เลยยกย่องว่าเขาคือ ‘จารย์พงศ์’ ของทุกคน แต่อนาคตอันใกล้เขาใกล้จะได้เป็นอาจารย์พงศ์จริง เพราะเขากำลังเรียนครุศาสตร์ดนตรีศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทั้งที่ตอนแรกพงศ์ไม่ได้อยากเป็นครูขนาดนั้น “แต่พอได้เรียน ได้ฝึกสอน ก็รู้สึกอยากจะมอบความรู้ที่มีให้เด็กๆ ต่อไป”
บนเวทีพงศ์และวง AMIKA โดดเด่น สะดุดตา สะดุดหู ด้วยเพลงและซาวนด์ดนตรีที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากเพลงที่คัฟเวอร์ผลงานของศิลปินตามโจทย์ของการประกวดแล้ว ยังมีเพลงที่พวกเขาสร้างสรรค์กันเองมาขึ้นเวทีด้วยอีก 1 เพลง ที่เป็นแบบนั้นอาจเป็นเพราะพงศ์เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เขาสร้างซาวนด์ที่แปลกใหม่ ออกแบบคอนเซปต์เพลง และทำดาต้าในเพลงโดยใช้คีย์บอร์ดที่เขาถนัด “เสน่ห์ของคีย์บอร์ดคือ การโปรเกรสชันคอร์ด (ทางเดินคอร์ด) การอินเวอร์ชันคอร์ด (การกลับคอร์ด) เล่นได้หลากหลาย และมีซาวนด์เยอะ” ขนาดกรรมการยังชมเลยว่าเพลงเพราะและอยากฟังเพลงอื่นๆ ด้วย หวังว่าในอนาคตเราจะได้ฟังเพลงดีๆ จากวง AMIKA อีกเรื่อยๆ
นอกจากฝึกสอนพงศ์ยังเป็นนักดนตรีด้วย เขาเล่าว่าทางวงจะอัปเดตเพลงใหม่ 5 – 6 เพลงในหนึ่งอาทิตย์ เวลาแกะเพลงใหม่หรือซ้อมเขาจะไม่เปิดคอร์ดดู “ผมจะพยายามฟังเอาว่าเป็นคอร์ดไหน เพื่อที่จะได้รู้ทิศทางคอร์ด เป็นการเพิ่ม Ear Training ของเราครับ”
พงศ์เคยมาแข่ง THE POWER BAND เมื่อ SEASON 3 และ 4 ในนามวง Ride (ใน Season 4 วง Ride คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด้วย) ย้อนกลับไปอ่านเรื่องของวง Ride คลิกที่นี่ ปีนี้วงมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกและกลับมาสนาม THE POWER BAND อีกในนาม AMIKA ความรู้สึกของการแข่งขันในปีนี้พงศ์บอกว่าทำดีที่สุดคือดีที่สุด “ไม่ได้กังวลครับ คงเพราะเล่นดนตรีกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เราแค่มาแสดงถึงความเป็นตัวตนของพวกเรา” ส่วนเวทีนี้ให้ประสบการณ์หลายอย่าง รวมถึง “เป็นกระบอกเสียงผ่านสื่อโซเชียลสู่สาธารณะให้คนได้รู้จักวงและเพลงของเราอีกทางหนึ่ง”
• เบสท์ – ดนตรี ม่อมพะเนาว์
มือกีตาร์ วง SUNTOY มหาสารคาม
“ผมคือมือกีตาร์สุดเฟี้ยว”
ใช่แล้วเรากำลังคุยกับเบสท์ ผู้เล่นกีตาร์ (ไม่ใช่เบส – ฮา)…เมื่อเบสท์จับกีตาร์เขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนมีวิญญาณนักดนตรีเข้าสิง บางทีเขาก็ไม่รู้ตัว จนมาเห็นคลิปของตัวเอง “เฮ้ย เรานี่มันก็เฟี้ยวใช้ได้นะ” เบสท์เป็นคนเท่ๆ เล่นกีตาร์เพราะอยากเท่ เพราะแค่ได้จับกีตาร์ก็เท่แล้ว
แต่กว่าจะเท่ขนาดนี้ เขาฝึกฝนและทุ่มเทมานาน “เราต้องฝึกฝนด้วยตัวเองครับ มันจะคนละแบบกับการไปซ้อมกับเพื่อน ถ้าเรามีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ เราต้องเริ่มจากตัวเอง” เทคนิคการพัฒนาตัวเองของเบสท์คือซ้อมให้หนัก
เบสท์เคยเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต “ผมเป็นเด็กขี้เกียจ พ่อสอนให้เล่นดนตรีผมก็ไม่ค่อยสนใจ” จนพี่ชายเข้าวงโยธวาทิต เบสท์ก็เริ่มสนใจดนตรีและไปหัดเป่าทรอมโบน โดยมีพี่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเก่งและพัฒนาตัวเอง “พอได้ลองเล่นดนตรีก็รู้สึกสนุกดี เริ่มชอบ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมจริงจังกับอะไรสักอย่างในชีวิต” หลังจากนั้นเบสท์ก็เข้าวงสตริงและขึ้นเวทีประกวดมาตลอด
การประกวดนั้นทำให้เขาได้รับสิ่งดีๆ หลายอย่างในชีวิต “การได้ประกวดให้อะไรเยอะมากครับ ให้ความกล้า ให้เราได้เจออะไรใหม่ๆ เจอเพื่อน เจอรุ่นพี่ที่เก่งกว่าเรา เจอสังคมนักดนตรี” วันนี้เขากับเพื่อนๆ ก็ชวนกันมาประกวดอีกครั้ง ที่เวที THE POWER BAND แห่งนี้ การที่เคยผ่านเวทีมามากกว่าเพื่อนๆ เบสท์จึงมีคำแนะนำดังนี้ “ผมบอกทุกคนว่า เราต้องซ้อมด้วยกันบ่อยๆ อยู่ด้วยกันให้มาก และเข้าใจกันให้มากขึ้น”
ทุกวันนี้เบสท์เล่นดนตรีเป็นอาชีพ เป็นแบ็กอัปให้ศิลปิน แม้จะไม่ค่อยมีเวลา แต่สิ่งที่เขาพยายามทำอยู่เสมอคือการเล่นดนตรีกับเพื่อน เพราะนี่คือเป้าหมายและความสนุกในชีวิต “ที่ตรงนี้มันอุ่นใจและดีที่สุดสำหรับผมครับ” แน่นอนว่าทุกคนสัมผัสสิ่งนั้นได้ผ่านการเล่นดนตรีของวง SUNTOY ที่สนุกสุดๆ ทั้งพวกเขาเองบนเวทีและทุกคนที่ได้ชม ชวนอ่านมิตรภาพทางดนตรีของวง SUNTOY คลิกที่นี่
ภาพโดย Expert Kit
วงประกวด THE POWER BAND SEASON 5 รุ่นบุคคลทั่วไป สนามขอนแก่น
กับเพลงที่พวกเขาใช้ขึ้นเวทีประกวด มีดังนี้…
• วงLong Black – กรุงเทพฯ กับเพลง วาดไว้ (Bowkylion) และ เพลง มันเป็นใคร (POLYCAT)
• วงCIPPER – อุดรธานีกับเพลง ให้ลืมได้ไง (SLAPKISS) และ เพลง วันครบเลิก (NONT)
• วงPUPPY LOVE – กรุงเทพฯ กับเพลง พอเถอะ (MEAN) และ เพลง พบรัก (INK WARUNTHORN)
• วงAMIKA – มหาสารคาม กับเพลง ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (INK WARUNTHORN) และ เพลง ปล่อยให้ฉัน (เพลงแต่งโดยวง AMIKA)
• วงSUNTOY – มหาสารคามกับเพลง SuperCarCare (TATTOO COLOUR feat. D GERRARD) และ เพลง DejaYou (PiXXiE)
