Passion

ลภาพิม “LARINN BY DOUBLE P”
ความสำเร็จที่วัดผลด้วยความสุข

ภิรญา นริศชาติ 19 Jun 2025
Views: 506

Summary

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไทย “LARINN BY DOUBLE P” ที่ตัวอักษร LA มาจากตัวแรกของคุณแป้ง ลภาพิม ชัยรัชนิกร และ RINN มาจากอักษรตัวท้ายของคุณปอย – อรภาริน ชัยรัชนิกร ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์ 2 สองพี่น้อง อดีตนักโฆษณาที่หลงรักผ้าไทยเมืองเหนือสู่กำลังสำคัญที่ช่วยชุมชนให้มีงานทำ

ด้วยความชื่นชอบผลงานผ้าทอที่เริ่มต้นจากการทำรองเท้า ! ของสองพี่น้อง…สืบเนื่องมาจนถึงการทำแบรนด์ LARINN (LARINN BY DOUBLE P) ที่ดำเนินไปด้วยความรักในสิ่งที่ทำมาจนปัจจุบันโดยคุณแป้ง – ลภาพิม ชัยรัชนิกร

ความหลงใหลเสน่ห์ของผ้าไทยของเธอ หรือจะเรียกว่าผ้าไทยสไตล์เมืองเหนือ เพราะคุณแม่ คุณตา

และคุณยาย เป็นคนลำพูน เธอจึงซึมซับวัฒนธรรมเมืองเหนือมาถ่ายทอดเป็นผลงานของแบรนด์ ทั้งของใช้กระจุกกระจิกน่ารักๆ อย่างพวงกุญแจ ของที่ระลึก และเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย

ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

“ทำอะไรแล้วมีความสุข เราจะทำได้ดี

ถึงไม่สำเร็จ แต่เราได้ลองทำ
แม้อาจจะไม่เหมาะกับเรา ก็แค่เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น

ที่เหมาะกว่า ดีกว่าไม่ได้ลองทำเลย”

             ลภาพิม ชัยรัชนิกร
เจ้าของแบรนด์ LARINN BY DOUBLE P

 

พี่น้อง ความชอบ ความสุข

คุณแป้งเล่าย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของ LARINN BY DOUBLE P เมื่อ 10 ปีก่อนว่า เธอกับน้องสาวเริ่มจากการทำรองเท้า ด้วยคลุกคลีกับผ้าไทยสมัยยังเด็ก จึงอยากนำผ้าเหล่านั้นมาต่อยอดกับสิ่งที่ชอบ ออกมาเป็นรองเท้าผ้าทอ และแตกไลน์สินค้า เพิ่มเสื้อผ้ากับตุ๊กตาเข้าไป ทำให้สินค้าของ LARINN มีความหลากหลายมากขึ้น

ขอบคุณภาพจาก LARINN by Double P

“Product ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากตอนแรกที่ทำของตามแบบที่เราชอบ ของกระจุกกระจิก น่ารักๆ พอบวกกับผ้าไทยปุ๊บ สินค้าเลยเริ่ม niche มีกลุ่มเฉพาะมากขึ้น เราอยากสานต่อการทอผ้า และตั้งใจใช้ผ้าทุกชิ้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด” เศษผ้าที่เหลือจากการตัดเสื้อผ้า จะนำมาทำเป็นตุ๊กตา พวงกุญแจ ที่มีขนาดตัวเล็กลง ลดหลั่นกันไปจนแทบไม่เหลือเศษผ้าอีกเลย

“แป้งกับปอยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากแบบกัดกันทุกวัน” เสียงหัวเราะตามมาพร้อมกับเราที่พยักหน้าเห็นด้วยว่าเป็นกันทุกบ้าน แต่แอบห่วงใยกันเสมอ เวลาเจออะไรที่คิดว่าดีก็จะซื้อเผื่อกัน แชร์ประสบการณ์กัน เอาอันนั้นมา adapt กับอันนี้ นิสัยเหมือนบ้างต่างบ้าง แม้ทั้งคู่เรียนโฆษณาเหมือนกัน และต่างก็มีความฝันเป็นของตัวเอง

หลังเรียนจบเธอทำงานด้านโฆษณาควบคู่ไปกับการเรียนต่อปริญญาโท พร้อมกับทำรองเท้าออกมาขายออนไลน์ด้วย คำถามคือ จัดสรรชีวิตอย่างไร

เวลาเราชอบอะไรมากๆ พอขลุกอยู่ด้วย มันจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นงาน แต่จะสนุกไปกับมัน ผ่อนคลายไปในตัวเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบ” และเมื่อความสุขตรงนี้มากพอ เธอก็จึงตัดสินใจลาออกมาทำ LARINN เต็มเวลา

ปอยและแป้ง สองพี่น้อง

จุดเริ่มต้นแบรนด์ LARINN by Double P
ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

เมื่อถึงเวลาที่น้องสาวอย่างคุณปอยต้องแยกออกไปเดินตามความฝันของตัวเองบ้าง คุณแป้งก็ได้คุณแม่มาช่วยสานต่อความตั้งใจและเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ

“แป้งกับน้องมีความต่างกันในเรื่องของการแต่งตัว น้องจะแต่งตัวเก่ง ตามแฟชั่น ในขณะที่แป้งชอบใส่เสื้อผ้าสีพื้น เรียบๆ กางเกงสะดอ (กางเกงพื้นเมือง) พอน้องไม่ได้ทำ งานเลยกลายเป็นออกมาเป็นตัวแป้งมากขึ้น เรียบง่าย ไม่จัดจ้านไทยจ๋า มีความ simple กับ casual มากขึ้น และ target group ก็กว้างขึ้นด้วย”

 

ซึมซับ สืบสาน ส่งต่อ

คุณแป้งเล่าถึงความทรงจำวัยเด็กว่า คุณแม่เป็นคนลำพูน ทุกๆ ปิดเทอมและวันหยุดยาว ครอบครัวจะพากันไปเยี่ยมบ้านคุณตาคุณยายที่ อ.ป่าซาง เสมอ ทำให้มีโอกาสได้เห็นวิถีชีวิตชนบท มีแม่ๆ ป้าๆ ที่ว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา จะมานั่งทอผ้า ประสบการณ์วัยเยาว์นั้นนำมาสู่ความเป็นไปได้ในวันนี้

เธอบอกว่าตอนนั้นไม่ชอบผ้าด้วยซ้ำ เวลาคุณแม่ไปเลือกผ้า เธอกับน้องจะวิ่งเล่นซ่อนแอบกัน ไม่คิดเลยว่าจะได้มาทำงานผ้า “บางทีประสบการณ์วัยเด็กที่เราคิดว่าไม่ชอบ แต่กลับเป็นการซึมซับแบบไม่รู้ตัว มันค่อยๆ สะสม จนเกิดสิ่งที่เราคิดว่าอาจจะเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้… เรารู้สึกอยากทำตรงนี้ให้มันดีขึ้น อยากช่วยคนในชุมชนกลุ่มนี้ให้มีงานไปเรื่อยๆ บวกกับสิ่งที่เราทำได้

เราอาจจะไม่ต้องชอบสิ่งที่เราทำทั้งหมดก็ได้ แต่ถ้าเรายึดจุดๆ หนึ่งว่า เราชอบอะไรในสิ่งที่เราทำ มันจะมีแรงฮึดในการผลักดันให้เราทำงานต่อไปได้

ขอบคุณภาพจาก LARINN by Double P

คุณยาย (คุณแม่ของคุณแป้งเป็นชาวลำพูน)
กับหลานๆ สวมผ้าไทยของแบรนด์

“อยากให้คนหันมาใช้ผ้าพื้นเมืองกันเยอะๆ โดยผ่านประสบการณ์ของเรา” นี่คือความตั้งใจแต่แรกเริ่มที่คุณแป้งสนใจทำงานเกี่ยวกับผ้าไทย เพราะมองเห็นว่าปัจจุบันเครื่องจักรและการผลิตแบบอุตสาหกรรมทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ ในขณะที่ผ้าทอมือซึ่งเป็นงานคราฟต์ งานแฮนด์เมด มีราคาค่อนข้างสูง และยุ่งยากในการผลิต ส่งผลให้คนใช้ผ้าทอ หรือสินค้าธรรมชาติลดน้อยลง

“ไม่ต้องใช้แบรนด์เราก็ได้ แค่เขาเห็นถึงความน่ารัก ได้เห็นว่าเสื้อผ้าของเราเป็นผ้าไทยที่สามารถใส่ได้จริงในทุกๆ วัน หรือแค่เห็นตุ๊กตา พวงกุญแจที่แต่งตัวพื้นเมือง เพียงเขาสงสัย สอบถาม หรืออ่านจากแท็กที่ติดไปกับสินค้าของเราซึ่งอธิบายเกี่ยวกับผ้าไทย เท่านี้ถือว่าได้ต่อยอดให้มันอยู่ได้นานขึ้นอีกนิดก็ยังดี”

ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

ผ้าไทยกับความท้าทาย

ที่ต้องลงสนามพร้อมกับฟาสต์แฟชั่น

เสน่ห์ของผ้าไทยสำหรับคุณแป้ง “มันคือชีวิตกับวัฒนธรรมของคุณรุ่นเก่าส่งต่อให้คนรุ่นใหม่” กว่าจะได้ผ้าสักผืนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านกระบวนการปลูกฝ้าย รีดฝ้าย ปั่นด้าย ย้อมสี แล้วเอามาทอเป็นผืน มันคือความตั้งใจของคนทำ เราซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่จึงอยากสานต่อภูมิปัญญานี้ไปสู่คนรุ่นหลัง ให้มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวนี้ต่อไปเรื่อยๆ

คุณแป้งเล่าถึงความเข้าใจเกี่ยวกับผ้าไทยสมัยก่อน คือ การใส่ชุดสไบ ผ้าถุง วันศุกร์ (ที่เคยมีการกำหนดให้ใส่ชุดผ้าไทย) เทศกาลวันลอยกระทง และคนสูงวัย

คีย์เวิร์ดเหล่านี้นำมาสู่การออกแบบเสื้อผ้าให้ต่างออกไป เป็นชุดผ้าไทยที่ไม่เหมือนผ้าไทย ปรับแบบเสื้อผ้าเล็กน้อย เปลี่ยนมุมมอง เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกวัน ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยตัวแบบอายุน้อย เป็นคนรุ่นใหม่ เพิ่มสตอรีเข้าไป เหมาะกับทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงนางแบบตัวน้อย ลูกสาววัย 2 ขวบ และ 5 ขวบของคุณแป้งด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อผ้าไทยในคนทั่วไปให้รู้สึกทันสมัยยิ่งขึ้น

ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

 

ข้อคิดเสริมพลังบวกให้ตัวเอง

• ในวันที่ท้อ คิดเสียว่า
เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ต้องเจอ

• เมื่อแพสชันกลายมาเป็นงานหลักที่ต้องเลี้ยงปากท้อง
เงินคือปัจจัยหลักในการทำแบรนด์

• ทำตัวเองให้รอดก่อน
จึงจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้
ซึ่งหมายถึง คนทอผ้า คนตัด คนเย็บ ที่รองานเราอยู่

• “หม่าม้าตุ๊กตาน่ารักจัง”
คำพูดจากลูกสาว ถือเป็นแรงผลักดันและกำลังใจที่สำคัญ

•  ข้อความจากลูกค้าต่างชาติ
ที่ซื้อของเราจาก คิง เพาเวอร์
ที่มีทั้งคำชมและต้องการซื้อเพิ่ม

ขอบคุณภาพจาก LARINN by Double P

เธอยังเล่าให้เราฟังอีกว่า การมีโอกาสได้ขายสินค้าใน คิง เพาเวอร์ ช่วยสร้างงานให้กับชาวบ้านได้มาก ที่นั่นเธอเลือกนำตุ๊กตาไปวางขายเป็นหลัก มีตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาเด็กแต่งชุดพื้นเมือง เพราะเหมาะแก่การเป็นของที่ระลึก สื่อถึงความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์จากเมืองไทย “ต้องขอบคุณ คิง เพาเวอร์ ที่มีส่วนส่งต่อวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก”

ก่อนหน้านี้เธอคิดเพียงอยากสานต่อผ้าทอ อยากช่วยชุมชน แต่ด้วยเป็นเพียงแบรนด์เล็กๆ ไม่มีหน้าร้าน อาศัยขายออนไลน์และออกงานแฟร์ แรงอาจจะไม่พอ แล้ว คิง เพาเวอร์ ก็กลายมาเป็นคำตอบที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย “เรามีคู่ค้าที่ดี ได้เจอฝ่ายจัดซื้อที่น่ารัก ช่วยเราเต็มที่ ช่วยพัฒนาในสิ่งที่เราต้องทำ”

ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

 

เข้าใจเขา เข้าใจเรา

คุณแป้งติดต่อกับชุมชนด้วยตัวเอง ทั้งกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มวิสาหกิจ ความท้าทายคือการดีลกับคน หลายคนก็หลากหลายความคิด และวัฒนธรรมประเพณีก็มีส่วน โดยเฉพาะทางภาคเหนือ มักมีงานที่คนในหมู่บ้านต้องไปช่วยกันทำ ทั้งงานบุญ งานบวช งานขาวดำ ทำให้บางครั้งเกิดความล่าช้าในการทำงาน

“เราทำงานด้วยใจ แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องของเวลา ต้องขอบคุณที่ได้เจอหัวหน้ากลุ่มที่เข้าใจเรา ช่วยเร่งช่วยตามงานให้ส่งทันตามกำหนด” นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแรงงานฝีมือ คนเก่งๆ ก็ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปตามอายุขัย คนรุ่นใหม่ไม่ทำต่อ เมื่อผ้าทอหายากขึ้น และยังอยากใช้ผ้าไทยเป็นวัสดุหลัก จึงเลือกแซมผ้าอุตสาหกรรมเพิ่มเข้าไปในชิ้นงาน แต่ยังคงความเป็นผ้าจากเส้นใยธรรมชาติทั้งหมดอยู่

ขอบคุณภาพจาก LARINN by Double P

 

รุ่นพี่อย่างคุณแป้ง – ลภาพิม

บอกต่อรุ่นน้องเรื่องของธุรกิจ

• มีแพสชัน
ให้เริ่มต้นจากความชอบ
เพราะในวันที่ท้อจะยังมีแรงฮึดอยู่

• คิดแล้วทำเลย
ไม่ต้องรอให้พร้อมทุกอย่างก็ได้
“ถ้าถามแป้งว่า ประสบความสำเร็จหรือยัง
มันยังไม่ 100% ถ้าถามว่าพอใจกับสิ่งที่เราทำ ณ ตอนนี้หรือยัง
อาจจะไม่ทั้งหมด แต่กับ คิง เพาเวอร์
ที่ทำให้สามารถช่วยคนได้เยอะมากๆ
ทีมงานเราได้รับผลตอนแทน เราก็ได้ด้วย แบบนี้ happy แล้ว”

ขอบคุณภาพจากคุณลภาพิม

 

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย

คลิก: LARINN 

 

สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา

Author

ภิรญา นริศชาติ

Author

นักเขียนอิสระที่โตมากับนวนิยายของแก้วเก้า ยังคงจดบันทึกลงสมุด และทำงานกล่องดนตรีที่รัก เพราะเชื่อว่าแรงบันดาลใจสำคัญพอๆ กับจินตนาการ

Web Editor

ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ

Web Editor

บรรณาธิการเว็บ Thaipower.co อดีตบรรณาธิการบางสำนัก นักข่าวและคอลัมนิสต์จำเป็น โกสต์ไรเตอร์...ผู้รักการเดินทาง หลงใหลกลิ่นกาแฟ และเป็นมูฟวีเลิฟเวอร์