Passion

ดาวดวงใหม่ ถือกำเนิดแล้ว!
กับ SANDY วงดนตรีป็อปเสียงหวาน

ภัทราภรณ์ เตชะธรรมวงศ์ 18 Aug 2025
Views: 510

Summary

“ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ” เพลง ศรัทธา ในตำนานจากเสียงร้องของพี่โป่ง หิน เหล็ก ไฟ เนื้อหาเหมาะมากกับเรื่องราวของพวกเขา ดังก้องอยู่ในหัวเราตลอด…หลังจบการพูดคุยกับวง SANDY ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศจากสนามโซนนิ่งจังหวัดภูเก็ต…แบบเรียกได้ว่ากลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี คว้าตั๋วใบเดียวสำหรับรุ่นบุคคลทั่วไปจากที่นี่ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

จากความผิดหวังที่สนามขอนแก่น นำพาสมาชิกบางส่วนของวง CIPPER 4 คน ให้ฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง โดยสมาชิกในวงเดิมมีปรับไปเล็กน้อย พร้อมกลับมาอีกครั้งในนามวง SANDY อะไรคือกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากที่ผ่านมาในสนามภูเก็ตนี้ พร้อมเรื่องเบื้องหลัง…ที่กว่าจะได้คลิปส่งประกวด ไปติดตามกันเลย!

Thaipower.co ได้มีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกทั้ง 6 คนจากวง SANDY อุดรธานี ในบรรยากาศสุดครึกครื้น มู้ดของทุกคนกำลังดีเพราะรู้ตัวแล้วว่าได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของรุ่นบุคคลทั่วไป สมาชิกรุ่นก่อตั้งทั้ง 4 คน เดิมมาจากวง CIPPER สนามขอนแก่น ประกอบด้วย ดิว – นพพล นรินทร์สรศักดิ์ (คีย์บอร์ด) เมฆ – อิทธิพล สาสาย (แซกโซโฟน) และสองพี่น้องฝาแฝด หนึ่ง – ตุลธร ชารีพร (กลอง) กับ สอง – ตุลกูล ชารีพร (เบส) สำหรับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประกวดในรายการนี้ครั้งแรก ได้แก่ แซนด์ – ยอเกียรติ สระศรี (ร้องนำ) และ ตง – อติเทพ โพธิ์ศรีทอง (กีตาร์) ย้อนอ่านเรื่องราวของวง CIPPER ที่สนามขอนแก่น ผ่านการพูดคุยกับ ยูฟ่า (ร้องนำ) ในครั้งนั้น คลิก และ เมฆ (แซกโซโฟน) คนนี้ คลิก

แซนด์ (ร้องนำ) – เมฆ (แซกโซโฟน)

เมฆ (แซกโซโฟน): ก็เคยคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามาแข่งไกลจากอุดรฯ ขนาดนี้ วงเราไม่ได้เข้ารอบขึ้นมา พวกเราก็คงไปนั่งกอดเข่าริมทะเล นั่งกินปูกันแล้วละครับ

แซนด์ (ร้องนำ): มันเป็นชื่อทริปที่พวกเราเรียกกันเล่นๆ ค่ะ ว่า “SANDY ไปดูปูที่ภูเก็ต” ก็คิดกันว่าถ้าไม่ผ่านเข้ารอบ จะไปนั่งจิ้มทรายดูปูเหงาๆ ด้วยกันริมทะเล

Thaipower.co: แล้วถ้าสมมติไม่เข้ารอบที่สนามนี้ จะไปแข่งที่สนามกรุงเทพฯ ต่ออีกไหม?

ทั้งวง: ไม่ครับ (น้ำเสียงหนักแน่นมาก)

สอง (เบส): มันน่าจะชัดเจนแล้วครับ ถ้าไม่ผ่าน 2 สนาม ก็น่าจะรู้ตัวได้แล้ว (หัวเราะ)

Thaipower.co: งั้นสนามนี้ก็เหมือนตั๋วใบสุดท้ายของวงพวกเราเลยใช่ไหม?

หนึ่ง (กลอง): ไม่ใช่ตั๋วครับ เป็นเงินก้อนสุดท้ายของวงมากกว่าครับ

ดิว (คีย์บอร์ด) – หนึ่ง (กลอง) , สอง (เบส)

ตง (กีตาร์)

…คำตอบหักมุมแบบ 360 องศา กลับเรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกกันเองได้รอบวง แค่เปิดการพูดคุยมาเท่านี้ ก็รู้เลยว่าสมาชิกแต่ละคนไม่ธรรมดา พกพาความมั่นใจและความฮามาแบบเต็มเปี่ยม สมฐานะวงที่ก้าวข้ามความผิดหวัง อุปสรรค และปัญหา พร้อมเดินหน้ากลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง กับสมาชิกใหม่และชื่อวงใหม่ SANDY จากรุ่นบุคคลทั่วไป (Professional Class: Road to Artist) ใน THE POWER BAND 2025 SEASON 5 การประกวดดนตรีสากลประจำปี 2568 โดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือพันธมิตรจากหลายๆ ค่ายเพลงชั้นนำระดับประเทศ และ Multiply by Eight ภายใต้คอนเซปต์ MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES พลังดนตรี เป็นไปได้ ไม่สิ้นสุด

รู้สึกว่าต้องชื่นชมพวกเราจริงๆ นะครับ

ที่ตาถึงเลือกแซนด์มาเป็นนักร้องนำ (หัวเราะ)

และทำให้วงของเราผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ดิว มือคีย์บอร์ด วง SANDY อุดรธานี
รุ่นบุคคลทั่วไป (Professional Class: Road to Artist)

 

รับฟัง เปิดใจ แก้ไข ปรับปรุง

ในการประกวดที่สนามภูเก็ตครั้งนี้ วง SANDY เลือกใช้ 2 เพลงบนเวที จากนักร้องคนโปรดคือเพลง พบรัก (INK WARUNTORN) และเพลง บานปลาย (BOWKYLION) มาโชว์เสียงหวานๆ ทรงเสน่ห์ที่ฟังแล้วใจสั่น มาพร้อมกับดนตรีป็อปฟังสบาย เข้าใจง่าย แต่แฝงด้วยลูกเล่นกลิ่นอายแจ๊สเล็กๆ จากคีย์บอร์ดและแซกโซโฟน เสริมดนตรีร็อกหน่อยๆ จากกีตาร์ ช่วยเบรกความดุเดือดในระหว่างแข่งขันให้เบาบางลง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งฟังเพลงในบาร์ตอนเริ่มชิลล์ หรือตอนนั่งเพลินๆ ดูคอนเสิร์ตจาก YouTube อยู่ที่บ้าน เช็กผลผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศ THE POWER BAND SEASON 5 จากสนามภูเก็ตพร้อมเก็บตกบรรยากาศจากเวทีในวันนั้น คลิกเลยที่นี่

 

รู้หรือไม่?

• วง SANDY มีคุณครูทั้งหมด 5 คน
และจบจากคณะสถาปัตย์ฯ 1 คน
ทุกคนเป็นนักร้องและนักดนตรีอาชีพด้วย

• คำที่น่ากลัวที่สุดของวง SANDY คือ “กำลังไป”
กำลังไปของแต่ละคนไม่เท่ากัน ให้ตีไว้ก่อน 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

• สมาชิกทุกคน เรียนจบจาก / กำลังศึกษา
ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

• เพลงที่ใช้ประกวดในสนามภูเก็ต คือ
พบรัก (INK WARUNTORN)
และ บานปลาย (BOWKYLION)

“พวกเราที่พลาดโอกาสมาจากสนามขอนแก่น ได้นำคำติชมของคณะกรรมการมาปรับปรุงโชว์ให้ดีขึ้นในสนามภูเก็ตนี้ครับ” สอง มือเบสของวงที่มาในลุคเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเกตหนังสีดำ จนโดนเพื่อนๆ ในวงล้อว่า ‘เจฟฟ์ ซาเตอร์’ มาเอง ก็เริ่มอธิบายถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ “อย่างแรกเลยก็คือนักร้องนำของวง จะต้องมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ มีความเป็นศิลปิน เป็นเรื่องที่พวกเราให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ก็เลยค่อนข้างใช้เวลาในการเฟ้นหานักร้องนำที่รู้สึกว่าใช่จริงๆ นานมากครับ”

“อย่างที่สองก็คือเรามีก็ศึกษาวงคู่แข่งมาบ้าง รู้สึกว่าเก่งทุกวงเลยค่ะ ส่วนใหญ่เขาจะออกแนวร็อก แต่ของเรามาในแบบป็อปเบาๆ หวานๆ มาเลย และใช้ความเป็นตัวเองเข้าสู้ ทำให้วงเราแตกต่างจากวงอื่นๆ และรู้สึกว่าทุกคนดูเล่นแบบสบายๆ ขึ้น น่าจะเป็นเพราะว่าผ่านสนามขอนแก่นมาแล้ว มีประสบการณ์มากขึ้น เลยทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น เวลาเล่นเลยชิลล์ขึ้น” แซนด์ นักร้องสาวคนเดียวของวงกล่าวเสริม

“สุดท้ายคงเป็นเรื่องของเพลงที่เลือกมาใช้ประกวดครับ เราพยายามนำมาเรียบเรียงใหม่ให้แสดงความเป็นตัวตนของวงเราได้มากที่สุด โดยยึดจากสไตล์ของแซนด์นักร้องนำเป็นหลัก แล้วค่อยปรับแก้ให้เป็นไปในทิศทางนั้น พยายามใส่ลูกเล่นลงไปในจุดต่างๆ เพื่อให้ดนตรีมีสีสันมากขึ้น เราเอาคำติชมทั้งหมดของกรรมการจากรอบที่แล้ว มาปรับแก้ตามทั้งหมด พยายามลดอีโก้ของตัวเองลง เปิดใจรับฟังให้มากขึ้น และปรับปรุงแก้ไข ก็รู้สึกว่าพอแก้ไขแล้วมันก็ดีขึ้นจริงๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่พวกเราวางไว้ และทำให้พวกเราได้ผ่านเข้ารอบครับ” ดิว มือคีย์บอร์ด พี่ใหญ่ของวงปิดท้าย

ไอดอลของคุณคือใคร?

เมฆ (แซกโซโฟน): The Darkest Romance
ดนตรีเพลงของเขาค่อนข้างสื่อสารอารมณ์กับคนฟังได้ดี
ทั้งที่ลึกซึ้งแถมแต่ละเพลงยาวมาก

สอง (เบส): BOWKYLION
ชอบสไตล์และเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เขา

ตง (กีตาร์): LITTLE JOHN
เพราะผมชอบดนตรีร็อกครับ
เป็นวงร็อกน้องใหม่ที่น่าจับตามอง

 

#ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากครับ

ถ้าได้ชมการแสดงสดรอบโซนนิ่งสนามภูเก็ตของวง SANDY จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนกำลัง ‘ดูเวทีเดบิวต์แจ้งเกิดของศิลปินกลุ่มหนึ่งอยู่’ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของนักร้องนำ และความเป็นตัวเองที่โดดเด่นทำให้คว้าชัยชนะมาได้ กลายเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวของสนามนี้ และที่สำคัญกรรมการยังให้คำชมแบบไม่มีกั๊ก “ขอบคุณที่กลับมา ภาพลักษณ์ศิลปินชัดมาก นักร้องทำได้ดีและเป็นธรรมชาติมาก” แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังและจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดขึ้นในระยะเพียงไม่ถึงหนึ่งวันเท่านั้น

“วันนั้นตอนกลับจากสนามขอนแก่นในรถตู้เงียบเลยครับ แต่ละคนนั่งซึม หน้าตาผิดหวังกันมาเลย เพราะเวลามาแข่งเราก็คาดหวังว่าผลลัพธ์จะออกมาดี แต่พอมันไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ก็รู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา ตอนนั้นก็สองจิตสองใจ จะไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่รู้สึกว่าไฟมันก็ยังมีอยู่ ผมยังอยากเล่นอยู่ และปีหน้าพวกเราทุกคนจะฝึกสอนเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะยังรวมตัวแบบนี้ได้อยู่หรือเปล่า จะได้เจอสมาชิกแบบนี้อีกไหม ก็เลยเอาวะ…มาแข่งอีกสักรอบดีกว่า ทำปีนี้ให้ดีที่สุดละกัน แล้วปีหน้าจะเป็นอย่างไรไว้ค่อยว่ากันใหม่” เมฆ มือเป่าแซกโซโฟนเล่าย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้แข่งขันในรายการ THE POWER BAND และได้รับความผิดหวังกลับบ้านไป…แต่ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่ยอมแพ้

พอรวมตัวคนที่อยากกลับมาแข่งใหม่ได้อีกครั้ง มีผม เมฆ หนึ่ง และสอง พวกก็เริ่มทำเพลงใหม่เพื่อใช้ประกวดกันตั้งแต่กลับไปเลย ตอนนั้นยังขาดมือกีตาร์กับนักร้องนำอยู่ สองก็เลยไปชวนตงที่เคยเล่นด้วยกันอีกวงมาก่อน ให้มาเป็นมือกีตาร์ของวง SANDY” ดิว คีย์บอร์ด ผู้ร่วมอุดมการณ์คนที่สองเริ่มต้นเล่าถึงที่มาที่ไปของการรวมตัวอีกครั้งเป็นวง SANDY

“แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงนักร้องนำ ที่พยายามหาว่าจะเป็นใครดีที่จะเหมาะกับพวกเรามากที่สุด จนวันนั้นจำได้ว่าผมโทร.หาแซนด์ตอน 5 โมงเย็นว่าเอาด้วยไหม มาประกวดด้วยกันไหม พอแซนด์ตอบตกลงก็คือส่งเพลงที่เรียบเรียงใหม่แบบยังไม่เสร็จดีให้ฟัง รู้สึกว่าแซนด์มีเวลาเตรียมตัวแค่นี้เอง แซนด์ยังสู้เลย แล้วทำไมพวกเราไม่ลองลุยไปเลย ก็เลยชวนแซนด์มาร้อง แล้วอัดคลิปส่งเลยเพราะวันนั้นคือเดดไลน์การส่งคลิปเข้าประกวดแล้ว อาจจะฟังดูเวอร์ๆ นิดหนึ่ง แต่ตอนนั้นคือใช้ความเชื่อใจล้วนๆ เพราะผมรู้ว่าแซนด์ร้องได้แน่นอน ก็เลยอัดคลิปส่งประกวดกันเลย วันนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก”

“แค่นั้นยังไม่พอค่ะ ขอเมาท์เพิ่มอีกนิดหนึ่ง วันนั้นต้องอัดคลิปกันทั้งหมด 2 เพลง เลยไปยืมสถานที่ในมหาวิทยาลัยเพื่ออัดคลิป เริ่มอัดตอนดึกๆ อัดไปอัดมาประมาณรอบที่ 4 – 5 ปรากฏว่าเพิ่งร้องเพลง พบรัก ไปได้คำเดียว ตำรวจก็ขึ้นมาบนตึก บอกว่าพวกเราเสียงดังในยามวิกาลนะครับ พวกเราก็เลยขอร้องค่ะ อ้อนวอนว่าขออัดคลิปเพลงนี้เป็นรอบสุดท้าย เพราะว่ามันได้เท่านี้จริงๆ พวกเราจะไม่มีเวลาแล้ว เจ้าหน้าที่เขาก็โอเค อะ…ให้รอบสุดท้ายนะ แล้วเขาก็ยืนกอดอกฟังพวกเราร้องเพลงอยู่ตรงนั้น ร้องไปก็เกร็งไป แต่โชคดีที่ก่อนหน้านั้นเรามีอัดไปบ้างแล้ว ก็เลยยังพอมีตัวเลือกว่าจะส่งคลิปที่ดีที่สุดไป เพราะคลิปนั้นถึงอัดไปก็ใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะทุกคนหน้าก็เหวอ หน้าเป็นกังวลมาก คลิปนั้นก็เลยไม่ได้ส่งเข้ามาประกวด (หัวเราะ)” แซนด์ นักร้องนำ เล่าเรื่องสุดฮาปิดท้าย

เห็นถึงความตั้งใจของทุกคนในวงมาก

ก็พยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด

พยายามคิดว่าเรามาจอยๆ กับทุกคน

อันไหนที่เราช่วยได้เราก็ช่วยกันไป

ทำหน้าที่ Frontman ของวงให้ดีที่สุด

แซนด์ นักร้องนำ วง SANDY อุดรธานี
รุ่นบุคคลทั่วไป (Professional Class: Road to Artist)

 

ถึงนอนน้อย…แต่นอน เอ๊ย ซ้อมนะ

ด้วยความที่สมาชิกแต่ละคนในวงมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบนอกเหนือจากการเตรียมตัวเพื่อเข้าประกวดในรายการ THE POWER BAND ทำให้มีเวลาว่างไม่ตรงกัน ส่งผลให้การฝึกซ้อมน้อยลงตามไปด้วย แต่ทุกคนก็ยังสู้สุดใจ พยายามหาเวลามาเจอกันให้ได้ ถ้าว่างไม่ตรงกันก็พยายามฝึกซ้อมด้วยตัวเอง

“วงของพวกผมมีทั้งคนที่เรียนจบไปแล้วและคนที่ยังเรียนอยู่ อย่างพี่ดิวและพี่แซนด์ตอนนี้ก็เป็นคุณครูอยู่ และเล่นดนตรีกลางคืนด้วย ส่วนพี่ตงก็เป็นนักดนตรีอาชีพ พวกผม 3 คน ยังเรียนอยู่ที่คณะครุศาสตร์ สาขาดนตรี แต่ว่าช่วงนี้ก็ต้องไปเป็นครูฝึกสอน ตอนเย็นก็ไปเล่นดนตรีที่ร้าน ทำให้เวลาที่จะมาซ้อมรวมกันค่อนข้างน้อยมากครับ” สอง มือเบสเริ่มต้นเล่าถึงแบ็กกราวด์ของแต่ละคนเพิ่มเติมในเรื่องของการแบ่งเวลา

“ตอนทำพาร์ตดนตรีก็พยายามเรียบเรียงและซ้อมให้จบ เพราะว่าถ้าดนตรีจบ นักร้องก็จะทำงานง่าย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าพี่แซนด์เขาร้องได้อยู่แล้ว ระหว่างทางก่อนที่จะได้พี่แซนด์มาเป็นนักร้องนำ ก็คือพวกเราทำดนตรีและซ้อมส่วนตัวกันหนักมาก เพราะว่าทุกคนมีงานประจำ ตอนเช้าก็ต้องไปทำงานกัน เรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันคนละอย่าง เลยทำให้มีเวลาซ้อมประมาณช่วง 4 – 6 โมงเย็นเท่านั้นที่จะมารวมตัวกัน เพราะหลังจากนั้น ก็ต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อออกไปเล่นดนตรีกลางคืนต่อ เลยมีเวลาเตรียมตัวสั้นๆ ก่อนจะมาแข่งที่สนามภูเก็ต ประมาณ 2 อาทิตย์เองครับ” หนึ่ง มือกลอง เสริมเพิ่มเติมจากน้องชายฝาแฝด

“อย่างผมเพิ่งจะเข้ามาใหม่ในวง ก็รู้สึกตื่นเต้นดีครับ เพราะนี่คือการมาประกวดครั้งแรกในรอบ 10 ปีได้เลยมั้ง ไม่ได้รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ มือเย็นก่อนขึ้นเวทีแบบนี้มานานแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะเล่นดนตรีเป็นอาชีพอยู่แล้ว แต่ตอนอยู่บนเวทีประกวดก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี ดีใจที่น้องๆ ชวนมาประกวดด้วยกัน แม้เวลาซ้อมจะน้อยมากอย่างที่หนึ่งกับสองพูดไว้จริงๆ ก็พยายามเต็มที่ ทำในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดครับ” ตง มือกีตาร์หนุ่มพูดน้อยกล่าวปิดท้าย

 

ไอดอลของคุณคือใคร?

แซนด์ (ร้องนำ): อิ้งค์ วรันธร
กับ Laufey ชอบความแจ๊สๆ หน่อยๆ ของเขา

ดิว (คีย์บอร์ด): Jeff Satur
แนวเพลงของเขาจะเป็นป็อปที่มีกลิ่นอาย
ของดนตรีสไตล์อื่นๆ ผสมอยู่ เช่น นีโอโซล ฟิวชัน อาร์แอนด์บี

หนึ่ง (กลอง): NONT
เวลาพี่เขาร้องสดจะมีการเรียบเรียงดนตรีใหม่ให้น่าสนใจขึ้น
ทำให้เกิดไอเดียเอามาใช้ในโชว์ของเราได้

อ่านเรื่องราวของ INK WARUNTORN ล่าสุด คลิกที่นี่

อ่านเรื่องราวของ Jeff Satur คลิกที่นี่

 

สร้างพลังบวก ด้วยพลังแห่งดนตรี

พลังแห่งดนตรีคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยเปิดประตูสู่ความเป็นได้ต่างๆ ในชีวิต สามารถเพิ่มพลังบวกฮีลใจในวันที่ท้อแท้ เป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้เกิดสิ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ บนโลกใบนี้ ช่วยเพิ่มระดับสารแห่งความสุขและเอเนอร์จีที่ซ้อนอยู่ในตัวเรา เหมือนอย่างสมาชิกวง SANDY ที่ใช้พลังแห่งดนตรี ช่วยหล่อเลี้ยงแพสชันไม่ให้มอดดับไป ไม่ยอมแพ้ พร้อมเดินทางสู่เป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้

ดิว (คีย์บอร์ด): ดนตรีทำให้ผมได้ไปที่ชอบที่ชอบ (ไม่ใช่!…ฮา!!) แต่ที่ที่ได้ไปก็ชอบหลายที่อยู่เหมือนกันครับ (หัวเราะ) เช่น ได้ไปเล่นดนตรีบนเรือสำราญ หรือมาเล่นดนตรีที่ภูเก็ต ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเล่นดนตรีที่นี่

สอง (เบส): ดนตรีทำให้ได้พบนักดนตรีเก่งๆ มากมาย ทำให้โลกของเรากว้างขึ้น เพราะได้ออกไปเห็นโลกภายนอกมากขึ้นครับ

หนึ่ง (กลอง): ดนตรีทำให้เราขยันหมั่นฝึกซ้อมตัวเองอยู่เสมอ เพื่ออัปสกิลทางด้านดนตรีของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพราะโลกทุกวันนี้หมุนเร็วและก็ไปไกลมาก ผมก็พยายามตามโลกให้ทัน เพื่อที่เราจะได้ไม่ล้าหลัง หรือถูกทิ้งไว้ครับ

เมฆ (แซกโซโฟน): ดนตรีทำให้ผมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นครับ จากที่เคยกดดันตัวเองมากๆ จนตอนนี้ก็ปล่อยวางได้มากขึ้น ช่างมันบ้างก็ได้ ไม่ต้องไปแคร์คนอื่นมากนัก ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นเขาจะมองเรายังไง ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ โดยที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร เพราะดนตรีคือความอิสระ ไม่มีถูกผิดครับ

ตง (กีตาร์): แม้ว่าผมจะเรียนจบสถาปัตย์ฯ มา แต่พอได้รู้จักกับดนตรี ดนตรีมันไม่มีข้อจำกัด สามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบ มันไม่มีกรอบมาครอบตัวเราและความคิดของเราว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ห้ามเล่นแบบอื่น เราสามารถใส่จินตนาการทุกอย่างลงไปในดนตรีได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดสไตล์ดนตรีใหม่ๆ ขึ้นมา ผมชอบตรงจุดนี้ของดนตรีมากครับ

แซนด์ (ร้องนำ): ตอนนี้คือมีงานประจำเป็นคุณครู ถามว่าหนักไหมก็หนักอยู่ แต่ด้วยพลังของดนตรีทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีความสุขกับมันได้ มันทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ เป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยที่ยังมีความสุขได้ มีพื้นที่ให้หลบหนีเวลาที่เราเหนื่อย มีพื้นที่ให้เราได้เติมไฟให้ตัวเองอีกครั้ง ชาร์จพลังกลับไปสู้ใหม่ค่ะ

Author

ภัทราภรณ์ เตชะธรรมวงศ์

Author

เด็กวิทย์หัวใจศิลป์ | คิดนอกกรอบแต่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ | ทาสแมวที่ไม่เลี้ยงแมว | เมื่อทุนนิยมเอาความจริงฟาดหน้า เลยชอบหาเวลาอยู่กับตัวเอง | เป็น Introvert ที่ชอบ Extrovert | มนุษย์ดองหนังสือ ชอบซื้อแต่ไม่มีเวลาอ่าน | ยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้าน เปิด Slow Bar จิบกาแฟยามเช้าทุกวัน

Web Editor

ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ

Web Editor

บรรณาธิการเว็บ Thaipower.co อดีตบรรณาธิการบางสำนัก นักข่าวและคอลัมนิสต์จำเป็น โกสต์ไรเตอร์...ผู้รักการเดินทาง หลงใหลกลิ่นกาแฟ และเป็นมูฟวีเลิฟเวอร์

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ