Summary
พาไปทำความรู้จัก “หลังบ้าน” ของวงประกวด THE POWER BAND ซึ่งสำคัญไม่แพ้ “หน้าบ้าน” สมาชิกนักร้อง นักดนตรีผู้ขึ้นเวที หรือครูผู้คุมวง เบื้องหลังอีกด้านหนึ่ง…เราขอพาไปเกาะติดมุมมองและความทุ่มเทซัปพอร์ตของพ่อๆ แม่ๆ – ผู้ปกครอง ผู้เป็นอีกหนึ่ง “ลมใต้ปีก” สำคัญ ในการสนับสนุนความฝันทางดนตรีของเยาวชนเหล่านี้
ก่อนที่ THE POWER BAND 2025 SEASON 5 จะเริ่มเปิดเวทีการแข่งขันขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวของพวกเขาที่เดินตามฝัน มองหาโอกาสแจ้งเกิดบนเส้นทางศิลปินในนามสมาชิกวง Nothing Matters ผ่านเวที THE POWER BAND เมื่อซีซันที่ผ่านมา เรื่องนี้น่าจะเป็นประกายแห่งแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนได้
แม้คนดนตรีกลุ่มนี้จะยังคว้ารางวัลมาได้ไม่สำเร็จ แต่พวกเขาแต่ละคนต่างก็ยังคงเดินหน้าฝัน…โดยชีวิตที่ก้าวเดินต่อจาก THE POWER BAND ที่ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พันธมิตรส่งเสริมให้นักดนตรีรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพดนตรี กับการประกวดดนตรีเวทีคุณภาพแห่งนี้
นับจากวันนั้นที่พวกเขามาประกวด THE POWER BAND …วันนี้พวกเขาก็ยังอยู่กับดนตรีที่พวกเขารัก
แม้คนสำคัญ “หน้าบ้าน” คือบรรดานักดนตรีหน้าใหม่ที่โลดแล่นบนเวที และครูๆ ที่เราเคยคุยด้วยต่างบอกว่าความรักความสามารถทางดนตรีของเด็กเองสำคัญ แต่แรงสนับสนุนจากครอบครัวก็สำคัญไม่แพ้กัน…อย่างที่พ่อแม่ของสมาชิกวงดนตรี Nothing Matters ที่เคยมาประกวดเขาเอ่ยไว้ว่า “ถ้าเบื้องหลังยูเป็นรูเป็นแผลนะ ยูจะไม่สามารถอยู่เบื้องหน้าได้เลย”…ต้องไปฟังต่อกันเต็มๆ เสียแล้วล่ะ
“ความฝัน สิ่งที่ชอบ การใช้ชีวิต ความสำเร็จ” ไม่มีใครรับประกันได้ว่าทุกคนจะพบพานทั้งหมด แต่ลึกๆ แล้ว ทุกสิ่งที่เอ่ยมามีจุดมุ่งหมายก็คือ ความสุข ซึ่งก็ผันแปรไปในแต่ละช่วงวัยของชีวิต
จิตรกรเอกหลายท่านดูเหมือนอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในช่วงชีวิตของเขา นักเขียนบางคนก็น้อมรับความแร้นแค้น แต่ไม่ยอมทิ้งความฝันหากนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่สามารถนับรอบปีในโลกแห่งเสียงเพลงได้ด้วยจำนวนนิ้วที่มี…เล่นแล้วมีความสุข…นับว่าเป็นช่วงเวลาที่งดงาม
“กลัวลูกจะไม่มีอะไรกิน…ถ้าเล่นดนตรี” คุณแม่นักดนตรีคนหนึ่งในวงเอ่ยขึ้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ถ้าพ่อแม่ที่เดินทางสายวิชาการจะห่วงใยลูกที่รัก
“แม่เคยอยากร้องเพลงมาก่อน แต่คิดว่าทางมันคงตันสำหรับเรา” เมื่อมีฝันแต่ไม่พบโอกาสได้โลดแล่น ก็ไม่แปลกอะไรที่จะฝากฝันให้คนรุ่นใหม่ช่วยไปคว้าแทน
แต่ทั้งหมด ต้องฟังกัน!!! เรื่องราวที่บอกเล่าความรักในดนตรีของทั้งบ้าน
ฟังให้ได้ยินถึงความสุขที่ซ่อนอยู่ใต้บทสนทนา ที่ไม่ได้มีคำว่า “ความสุข” หลุดออกมาด้วยซ้ำ
“เวลารวมวงกัน เราไม่ได้รักแค่ลูกตัวเอง
แต่เหมือนทุกบ้านมีลูกกัน 5 คนเลย”
พ่อๆ แม่ๆ สมาชิกวง Nothing Matters
วงเคยประกวด THE POWER BAND รุ่นบุคคลทั่วไป
“เขาเกิดมาเพื่อ…สิ่งนั้น”
ใน THE POWER BAND ซีซันที่ผ่านมา วง Nothing Matters ได้ลงประกวดที่สนามกรุงเทพมหานคร สมาชิกของวงทั้ง 5 คน มาจาก 5 สถาบันการศึกษา ได้แก่ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนนานาชาติเด่นหล้า โรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัย ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ทุกวันในช่วงเตรียมขึ้นเวที พวกเขาเดินทางจาก 5 ทิศมาเพื่อซ้อมดนตรี!!! 5 คน 5 คาแรกเตอร์ มัดรวมกันไว้ด้วยความชอบเดียวกัน…คือความรักดนตรี โดยมีพ่อๆ แม่ๆ ของแต่ละบ้านช่วยกันคอยดูแลทั้งความฝันของลูกๆ แต่ละบ้านและทั้งมวลรวมของวงที่ทุกบ้านมารวมตัวกัน
แม่อุ๊ – ลูกเอเธนส์ (มือกลอง)
พ่อแม่…ขอสนับสนุนทุกสิ่งที่ลูกเลือก แค่ขอทำให้ดีจนสุดทาง
ลูก…เคยบอกไม่ชอบดนตรี เพราะลงแข่งแล้วเห็นแม่จริงจังจนกังวล
แต่แล้วเขาก็ขออยู่กับดนตรีที่รักได้ตลอดทั้งวัน
เอเธนส์ – ปัณณทัต เจนจบเขตต์ (กลอง)
ด้วยความเชื่อในคอนเซปต์ของความเป็นไปได้ “THE POWER OF POSSIBILITIES พลังแห่งความเป็นไปได้…ในดนตรี เรารู้สึกได้ถึงความทุ่มเทนี้
“หลังเลิกเรียนเด็กๆ มาจากคนละมุมเมือง เจอกันหกโมงเย็นค่ะ ซ้อมยาวไปถึง 2-3 ทุ่ม พอเลิกก็แยกกลับบ้านกันคนละทิศคนละทาง” แม่อุ๊ – ฤฌัชชา ตรีเพ็ญมาลย์ คุณแม่ของ เอเธนส์ – ปัณณทัต เจนจบเขตต์ มือกลองมาดนิ่ง ผู้เป็นเสาหลักในการตั้งวงครั้งนั้นเล่า “ถ้าเขาเลือกแล้วว่าอยากทำอะไร แม่สนับสนุนทุกอย่าง ขออย่างเดียว…ถ้าทำแล้วต้องดี ต้องไปให้สุด”
สนับสนุนสุดทางก็อาจให้ผลอีกแบบ
เอเธนส์รู้สึกว่าแม่จริงจังมาก ซื้อกลองให้เล่นตั้งแต่ 8 ขวบ และแม่ไม่ค่อยยิ้มเวลาเขาลงแข่งดนตรีเพราะดีกรีความจริงจังสูงกว่าระดับความสุขของลูก จนเขาเคยหยุดรวมวงกับคนอื่นมาแล้ว
“เขาเคยบอกว่าไม่ชอบดนตรี ไม่อยากเรียนดนตรี เพราะทุกครั้งที่ลงแข่งเขาเห็นแม่ไม่มีความสุข แต่กลับกันสิ่งที่แม่เห็นคือ เขาอยู่กับมันได้ข้ามวันข้ามคืน เขาตีกลองได้เป็นสิบชั่วโมง”
สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดสำคัญจริงๆ…
พ่อเขียว – แม่เจี๊ยบ – ลูกนนท์ (กีตาร์)
พ่อเป็นหมอ แม่เป็นพยาบาล ลูกจะเลือกเรียนหมอ
พ่อแม่ตั้งใจให้ลูกผ่อนคลายด้วยดนตรี
ในที่สุดความสุขที่ลูกเลือกเป็นอนาคตของเขา
โดยพ่อแม่คอยซัปพอร์ต คือ…เล่นดนตรี
นนท์ – ณนทวรรษ ขำดี (กีตาร์)
“ตั้งแต่เล็กๆ นนท์เขาเคยบอกว่าอยากเป็นหมอ ตอน ม.2 เขายังใส่ชุดฝึกงานที่ รพ.รามาฯ อยู่เลย” พ่อเขียว – ผศ.ดร.จัตุรงค์ ขำดี อาจารย์คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล คุณพ่อของ นนท์ – ณนทวรรษ ขำดี มือกีตาร์คนเก่ง เล่าให้ฟัง “ผมเป็นคนอยากสอนเขาเล่นกีตาร์เอง อยากให้เขาได้ผ่อนคลาย แต่ตอนแรกเขาบอกไม่เอา ไม่อยากเล่น” ผ่านไปสักพัก นนท์เดินมาบอกเองว่าจะไปเล่นกีตาร์กับเพื่อน คุณพ่อก็จัดกีตาร์ให้ เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็เล่นได้ “ผมก็เซอร์ไพรส์เลย เขาถ่ายวิดีโอที่เขาเล่นกับเพื่อนส่งไปที่โรงเรียนแล้วผ่านคัดเลือก ได้เล่นดนตรีในงานกีฬาสาธิตฯ”
จบ ม.3 นนท์เปลี่ยนใจไม่เป็นหมอ ขอที่บ้านเรียนมัธยมปลายในเอกดุริยางค์ สาธิต มศว.ประสานมิตร “เป็นปีที่เครียดมาก เพราะเราไม่รู้จักวงการนี้เลย กลัวเขาไม่เก่งจริงแล้วจะไปไม่ถึงที่สุด กลัวเขาจะโดดเดี่ยว” แม่เจี๊ยบ – พว.สินีนุช ขำดี อยู่กับงานพยาบาลมาตลอด อดเป็นห่วงลูกไม่ได้ “ถึงขั้นถกเถียงกับลูกเลย แต่สุดท้ายพ่อเขาบอกว่า ถ้าลูกเลือกมันก็คือชีวิตของลูก”
เพราะพ่อเคยเห็นลูกเล่นกีตาร์ เห็นความสุขของเขา “คนเรียนหมอหมอน่ะ เรียนแล้วทุกข์ก็มี ถ้าเขาเป็นนักดนตรีแล้วมีความสุข ก็ต้องให้เขาใช้ชีวิตในแบบเขา”
ไม่ได้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นได้ง่ายเหมือนที่พ่อแม่เล่าหรอก แต่สิ่งที่นนท์ทำได้และเขาไม่ได้โดดเดี่ยวน่าจะเป็นข้อพิสูจน์ที่มากมายกว่าคำพูดใด
แม่วี – ลูกปั้น (กีตาร์) – ลูกเป้ง (เบส)
แม่เลือกเรียนนิเทศฯ ในตอนที่ไม่รู้ความชอบของตัวเอง
ลูกชายสองคนเลือกเล่นดนตรี…ที่บ้านเห็นเขามีความสุข
จึงสนับสนุนสิ่งที่ลูกชอบ
ชีวิตที่ลูกๆ เลือกคือเขาขอมีดนตรีในชีวิต…ทั้งพี่ทั้งน้อง
ปั้น – อินทนนท์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา (กีตาร์)
และ เป้ง – อินทนิล เกษมสันต์ ณ อยุธยา (เบส)
Suggestion
“ความฝันสำคัญไฉน”
สมาชิก Nothing Matters ทั้ง 5 เคยเรียนดนตรีที่ MCGP หรือศูนย์ศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ห้างดังกลางสยามกันมาก่อน พอถึงวันที่อยากรวมวงจึงคุยกันไม่ยากนัก
“ตัวแม่เองโตมาแบบไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร” แม่วี – วีณา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เล่าถึงเส้นทางดนตรีของ ปั้น – อินทนนท์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา (กีตาร์) และ เป้ง – อินทนิล เกษมสันต์ ณ อยุธยา (เบส) แม้คุณแม่จะเรียนมาทางสายนิเทศศาสตร์แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่ฝันจริงไหม “เรายึดหลักว่าความสุขมาก่อน ถ้าเห็นลูกชอบอะไร ทำแล้วเขามีความสุข เราสนับสนุนหมดเลย ยิ่งเด็กๆ รู้ตัวไวว่าชอบอะไร มันช่างเป็นโชคดีของเขาจริงๆ”
ปั้น มือกีตาร์ เข้าเรียนดนตรีในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว ส่วนเป้ง มือเบสยังไม่จบมัธยมต้น “อนาคตเป็นสิ่งที่เขาต้องตัดสินใจเอง แล้วแต่เขาเลย”
แม่อั้ม – ลูกมินา (ร้องนำ)
แม่เคยมีฝันวัยเด็กอยากเป็นนักร้อง
ลูกสาวแอบเข้าชมรมร้องเพลง
ดนตรีผลักดันให้เธอก้าวไปข้างหน้า
ที่บ้านเลยขอสนับสนุนเต็มที่ให้ลูกได้ทำสิ่งที่รัก…ด้วยความเข้าใจ
มินา – จันทรรัตน์ วิจิตรโกเมน (ร้องนำ)
นักร้องเสียงใส มินา – จันทรรัตน์ วิจิตรโกเมน ได้รับการสนับสนุนแบบสุดขั้วจาก แม่อั้ม – ฐิติรัตน์ ฆนาศัยอนันต์ เพราะความฝันของทั้งคู่น่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน
“ตอน ป.1 มินาไปเข้าชมรมที่ต้องร้องต้องเต้นแต่ไม่บอกแม่ วันหนึ่งก็มีขึ้นเวที เขาก็ไม่บอกที่บ้าน วันนั้นแม่พาไปโรงเรียนสาย…จนอดขึ้นเวที”
ด้วยครั้งยังเด็กแม่อั้มก็เคยอยากเป็นนักร้องเหมือนกัน คงจะเข้าใจความรู้สึกของลูกดี จากนั้นเวทีไหนๆ ที่จะพาลูกสาวขึ้นร้องเพลงได้ก็พร้อมสนับสนุน “ไปประกวดต่างประเทศก็ไป อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ ถ้าอยากเป็นนักร้องก็ได้เลย วันข้างหน้าไม่ต้องมาทำงานแบบแม่…เข้า 8 โมงเช้าเลิก 6 โมงเย็น”
ถึงเคยผ่านการประกวดมาหลายเวทีแล้ว แต่ที่การประกวด THE POWER BAND ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่มินาก้าวข้ามการร้องคนเดียวมาเป็น “Frontman” ของวงดนตรีอย่างจริงจัง
“วงดนตรีทุกวงมีปัญหาหมดล่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หัวใจเปิด
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะก้าวข้ามตรงนั้นไปได้”
พ่อๆ แม่ๆ สมาชิกวง Nothing Matters
วงเคยประกวด THE POWER BAND รุ่นบุคคลทั่วไป
“ช่วงเวลาที่งดงาม”
บนเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND ที่บอกเสมอว่าเป็นโครงการที่หวังสร้างแรงบันดาลใจ และเปิดโอกาสให้นักดนตรีรุ่นใหม่มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ เด็ก 5 คน สวมเสื้อวง Nothing Matters ออกวาดลวดลายได้น่าประทับใจ พ่อและแม่มาเกาะขอบเวทีให้กำลังใจกับครบทุกบ้าน
รอยยิ้มของเด็กๆ ที่ได้มีช่วงเวลาที่ดีๆ ด้วยกัน และความตื่นเต้นของพ่อแม่ที่เห็นเขาก้าวไปได้อีกก้าวใหญ่ๆ ความสุขกับวงการดนตรีเคยซ่อนไว้ลึกๆ คงเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว
การได้ถ่ายทอดความสุขผ่านเสียงเพลงไปถึงคนฟัง แล้วเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นและอยากฟังเราเล่นต่อไป คือ “ความสุข” ที่อยู่ใต้บทเพลง มีค่ายิ่งกว่ารางวัลใดๆ แล้ว
แม้ Nothing Matters จะไม่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในสนามกรุงเทพฯ ของการประกวดในครั้งนั้นก็ตาม
“ได้ยินเสียงความสุขไหม”
“อยู่กับปัจจุบันก่อน เล่นให้มีความสุขแล้วมันคงมี step ของมัน”
แม่วียังคงห่วงใย เพราะรู้จักลูกชายดี “เขาเป็นคนที่เวลาเกิดปัญหาแล้ว จะยกออกไปยาก คงเพราะความเป็นศิลปินด้วยนั่นล่ะ” ตอนที่ออกจากบ้านไปอยู่โรงเรียนประจำยังต้องอาศัยการปรับตัวสูง พอมาเล่นดนตรีแล้วเจอคำแนะนำหรือติชมที่ค่อนข้างตรงอาจจะยังรับได้ยาก “ถ้าจะก้าวข้ามไปเป็นศิลปิน ตรงนี้เขาคงต้องแข็งแรงขึ้น”
พ่อแม่ต้องร่วมใจกัน เผลอๆ อาจต้องเหนียวแน่นกว่าลูกอีก “คนที่ได้พัฒนาการคือลูก เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า หน้าที่ของเราพ่อแม่ก็แค่ back up ความรู้สึกของลูก” แม่อั้มยืนยัน และบ้านมือกลองก็เชื่อว่ายังก้าวต่อไป “แม่อุ๊มองว่า ถ้าเขาไม่วางมันลง ยังไงมันก็เป็นไปได้”
“ผมมั่นใจนะว่าเขาจะทำดนตรีให้คนมีความสุขแน่นอน ผมมั่นใจในตัวเขา” พ่อเขียวเสียงหนักแน่น แม่เจี๊ยบย้ำอีกครั้ง “เขาเลือกเอง ชีวิตเขาจะให้เป็นแบบไหน”
เมื่อทุกคนทุกบ้านหยุดฟังกัน จนได้ยินถึงความสุขที่ซ่อนอยู่ใต้บทสนทนา อนาคตจะเป็นอย่างไร…ก็คือความสุขล้วนๆ Nothing Matters จะกลับมาวาดลวดลายอีกครั้ง หรืออาจกระจายตัวไปเป็น 5 วงดนตรีเพื่อสร้างเสียงสุขได้มากกว่าเดิม รูปแบบไหนก็ได้
เพราะเขาไม่เลิกเล่นดนตรีหรอก…เชื่อสิ!!!
“5 จังหวะที่แตกต่าง”
…หนึ่งปีผ่านไป… เมื่อนักดนตรีเติบโตขึ้น เส้นทางชีวิตย่อมมีรายละเอียดที่ต่างกัน
นนท์ – มือกีตาร์พี่ใหญ่ สนุกกับการเรียนดนตรี ปี 2 ที่ศิลปากร พร้อมเตรียมทำเพลงแนว Modern metal ให้ทุกคนได้ฟัง “พ่อคอยดูอยู่ห่างๆ ครับ” พ่อเขียวเชื่อแล้วว่าเขามุ่งมั่นพอ “อยากให้เขาไปพบเจอกับชีวิตจริงๆ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระมากกว่า” ด้านแม่เจี๊ยบก็คลายความห่วงใยลง “จากที่ไม่รู้จักวงการดนตรี สิ่งที่นนท์ทำเหมือนเปิดโลกแม่ไปด้วย ได้เห็นเขามีช่องทางเดินได้เราก็มีความสุขค่ะ”
เอเธนส์ มือกลอง ยังไม่เปลี่ยนใจที่จะเรียนสายบริหารธุรกิจ แต่ก็ไม่เปลี่ยนใจที่จะตีกลองอย่างจริงจังเช่นกัน “มีรุ่นพี่มาชวนไปออดิชันตามร้านแถวถนนรัชดาฯ ด้วยค่ะ” แม้น้องจะอยู่เพียงชั้น ม.5 แต่เสียงแม่อุ๊ฟังดูยินดีมาก “เรารู้ว่าลูกชอบเล่นดนตรีมาก ก็พยายามผลักดันทุกทาง” แม่คอยให้กำลังใจเต็มที่เพื่อให้เอเธนส์รวมวงขึ้นมาอีกครั้งให้ได้
ปั้น มือกีตาร์ ขึ้นชั้น ม.6 ในโรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ “งานเรียนก็หนักและเป็นการเรียนแบบโรงเรียนประจำด้วย ทำให้ออกไปเล่นดนตรีข้างนอกค่อนข้างยากค่ะ” แม่วียังคอยผลักดันลูกชายอยู่เสมอ “เขามีโอกาสไปแจมดนตรีตามผับแจ๊สแถวสุขุมวิทบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก” ส่วน เป้ง มือเบส ข้ามชั้นมัธยมต้นเข้า ม.4 โรงเรียนจิตลดาเช่นเดิม “ก็ยังมีเล่นดนตรีกับเพื่อนบ้าง แต่ยังไม่มีโอกาสรวมวงกัน…เป้งยังเล่นเบสเหมือนเดิม” แปลกนะ…สังเกตเห็นเด็กๆ รุ่นใหม่ชอบเล่นเบสหลายคนละ “ก็มือเบสมันเท่นะคะ” อืมมม…คุณแม่นี่ล่ะ แฟนคลับเบอร์หนึ่งของนายเป้ง!!!
มินา นักร้องเสียงใส ยังรักการร้องเพลงไม่เปลี่ยนแปลง “มินาเข้าเรียนที่เตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ สาขา Voice Musical แล้วค่ะ” แม่อุ๊เล่าอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ยังเห็นน้องลงแข่งขันและแสดงในเวทีต่างๆ เป็นระยะๆ “ถ้าลูกยังรัก แม่ก็สนับสนุนตลอดเวลาล่ะ ตอนนี้ก็ยังเตรียมรวมวงกับเอเธนส์อยู่ อาจจะได้ร่วมสนุกใน THE POWER BAND อีกครั้ง”
• นนท์ (กีตาร์)…เข้าเรียนดนตรี
ระดับมหาวิทยาลัยในคณะดนตรีสาย Modern metal
• เอเธนส์ (กลอง)…เลือกเรียนบริหาร
แต่เล่นดนตรีเป็นงานอดิเรกจริงจัง
• ปั้น (กีตาร์)…เรียนอยู่ชั้นสูงสุดในระดับมัธยม
ของโรงเรียนทางดนตรีและรับงานเล่นดนตรีด้วยบ้าง
• เป้ง (เบส)…ข้ามสู่ชั้นมัธยมปลายที่ยังไม่ได้เลือกสายการเรียน
ยังคงเล่นเบสอยู่ด้วย
• มินา (ร้องนำ)…เลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ด้าน Voice Musical โดยตรง
วันหนึ่ง ทั้ง 5 อาจจะไม่ได้ทำเพลงด้วยกัน แต่จังหวะ Nothing Matters ที่เคยเดินด้วยกันมา กำลังจะพัฒนาเป็น 5 จังหวะที่แตกต่างโดยมีพ่อๆ แม่ๆ คอยซัปพอร์ต…ลองหยุดฟังดีๆ สิ มันคือเสียงของ “ความสุข” ทั้งนั้นเลย