Playground

จากหญ้าเทียมสีน้ำเงิน
สู่ฝันสีทองของเด็กปลายด้ามขวาน
“พีระยาฟุตบอลอะคาเดมี” ปัตตานี

เพ็ญแข สร้อยทอง 21 Aug 2025
Views: 502

Summary

ที่โรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา จังหวัดปัตตานี เด็กๆ ค้นพบพลังในตัวเองผ่าน “สนามฟุตบอล” ซึ่งกลายเป็นเวทีเปลี่ยนชีวิต จากนักเรียนธรรมดา สู่ดาวรุ่งเยาวชนทีมชาติไทย! “พีระยาฟุตบอลอะคาเดมี” โครงการที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งชุมชนและเยาวชนชายแดนใต้ เรื่องราวซึ่งจะทำให้คุณเชื่อในพลังของ “โอกาส” และ “สนามที่เหมาะสม”

บางคนเกิดมาเพื่อสอบได้ที่หนึ่ง บางคนเกิดมาเพื่อยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศ!

ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเก่งวิชาการ แต่เด็กทุกคนมี “บางสิ่ง” ที่เขาทำได้ดี ถ้าเขาได้โอกาสและพื้นที่ที่เหมาะสม

ที่โรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา จังหวัดปัตตานี พื้นที่นั้นคือ “สนามฟุตบอล” – – สนามที่ไม่ได้มีไว้แค่ให้เตะบอล แต่เป็นเวทีให้เด็กๆ ได้ค้นพบตัวเอง ได้เรียนรู้ชีวิตผ่านเกมกีฬา ได้ฝึกฝนวินัย ความพยายาม การทำงานเป็นทีม ฯลฯ

สำหรับเด็กหลายคน บอลลูกกลมๆ ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นสิ่งที่นำพาไปสู่โอกาสในการเรียนต่อ ทุนการศึกษา เส้นทางอาชีพ และการเติบโตอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง

 

ปั้นเด็กไทยด้วยใจและลูกบอล

เริ่มจากความคิดที่อยากให้นักเรียนมีกิจกรรมหลังเลิกเรียน กลายมาเป็นแนวทางการพัฒนาเยาวชนที่เปลี่ยนชีวิตเด็กจำนวนมาก

“นักเรียนบางคนอาจไม่ถนัดวิชาการ แต่พอให้เล่นกีฬา เขามีไฟทันที เราก็เลยคิดว่า ถ้าเอาฟุตบอลมาพัฒนาเขา มันอาจช่วยให้เขาได้ค้นพบตัวเอง ได้กลับมาอยู่ในระบบ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

ดร.มูฮัมมาดอัสมี อาบูบากา ผู้บริหารโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา อำเภอโคกโพธิ์จังหวัดปัตตานี  เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นที่โรงเรียนมองเห็นพลังของกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล ซึ่งสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเด็กทั้งร่างกาย ใจ และเป็นทางเลือกของชีวิต

แต่เมื่อลงมือทำจริง โรงเรียนก็ค้นพบว่า การพัฒนาเด็กผ่านฟุตบอลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องมี “ระบบสนับสนุนที่แข็งแรง” ไม่ว่าจะเป็นสนามฝึกซ้อมที่ได้มาตรฐาน โค้ชซึ่งเข้าใจเด็ก หรือพื้นที่ปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ อ่านบทสัมภาษณ์ดร.มูฮัมมาดอัสมี คลิกที่นี่

เดิมทีโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา มีสนามฟุตบอลอยู่แล้ว แต่สภาพสนามในตอนนั้นเรียกได้ว่า “พอเล่นได้” มากกว่าจะใช้ฝึกซ้อมอย่างจริงจัง

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2561 เมื่อโรงเรียนได้รับมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจากโครงการ “100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย” ของ คิง เพาเวอร์

ทันทีที่สนามเปิดใช้งาน เด็กในโรงเรียน รวมทั้งคนในพื้นที่ใกล้เคียงได้มาใช้พื้นที่นี้ร่วมกัน ไม่ว่าจะมาซ้อม มาวิ่ง มาเล่น หรือแค่มานั่งดูเพื่อนเตะบอล สนามนี้ก็กลายเป็นสนามของทุกคน

“ปีแรกที่ได้สนามมา คึกคักมาก เป็นสนามใหม่ สีน้ำเงินสดใส ไม่มีที่ไหนเหมือน ชุมชนรอบๆ ก็ขอมาใช้สนาม เราต้องทำตารางให้เลย เด็กๆ ก็ภูมิใจว่า ที่นี่…มีสนามแบบนี้ด้วย”

สนามแห่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่ “บรรยากาศ” แต่ได้เปลี่ยนความเชื่อว่า เด็กในชนบทก็มีโอกาสฝึกฝน และเติบโตได้ไม่แพ้ใคร

ไม่เพียงแค่ช่วยพัฒนาทักษะฟุตบอลของเยาวชน ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กในชนบทกับเด็กในเมืองได้อย่างมาก

“ถ้าพวกเขาขยันและทุ่มเทกับการฝึกซ้อม ความเหลื่อมล้ำความแตกต่างมันก็จะแคบลง”

สนามแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความฝันและพลังบวกให้กับเด็กๆ มาเข้าปีที่ 7 แล้ว สภาพบางส่วนเริ่มต้องดูแลปรับปรุงไปตามการใช้งาน โรงเรียนพยายามดูแลเต็มที่ เพราะรู้ว่าสนามนี้มีความหมายแค่ไหนกับเด็กๆ ทุกคน และถ้าในอนาคตมีโอกาสได้ซ่อมแซมหรือปรับปรุงให้กลับมาสดใสเหมือนเดิมอีกครั้ง

 

สนามปลูกฝังเบสิก และปลุกฝันให้เติบโต

เบสิกที่ดี เริ่มที่สนาม!

หลังจากโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา ได้รับมอบสนามหญ้าเทียมจากโครงการ “100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย” ของ คิง เพาเวอร์

สนามสีน้ำเงินสดใส กลายเป็นพื้นที่ฝึกฝน ฝึกฝันสำหรับเด็กๆ พื้นหญ้าเทียมเรียบสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยเรื่องเทคนิคการควบคุมบอล แต่ยังลดการบาดเจ็บ และที่สำคัญ — ช่วยให้การฝึกซ้อมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันต้องงดซ้อมเพราะดินเฉอะแฉะหรือฝนเทลงมา

ในปีพ.ศ. 2562 “พีระยาฟุตบอลอะคาเดมี” ก็ถือกำเนิดขึ้น

“เราตั้งเป็นระบบจริงจัง เอาโค้ชที่มีความรู้มาพัฒนาเด็กให้มีหลัก มีแนวทาง”

ภายในเวลาเพียง 6 ปี พีระยาอะคาเดมีเปลี่ยนจากทีมรองบ่อน สู่การคว้าแชมป์ระดับจังหวัด และยังไปคว้าเหรียญระดับประเทศ ในการแข่งขันกีฬานักเรียน หลายคนกลายเป็นดาวรุ่งในทีมอาชีพอย่างเช่น ปัตตานีเอฟซี เอฟซียะลา ฯลฯ เฝ้าจับตา และบางคนก้าวถึงทีมชาติไทยรุ่นเยาวชนแล้ว!

เป้าหมายของโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา คือการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นทั้งนักกีฬาและคนดี มีศาสนาในหัวใจ เหมือนการ “ฉีดวัคซีน” ทางใจให้พวกเขา เมื่อวันหนึ่งพวกเขาออกจากโรงเรียนแล้วเลือกเส้นทางการเรียน หรืออาชีพใด พวกเขาจะมีภูมิคุ้มกันในการเผชิญกับโลกภายนอก

อะคาเดมีฟุตบอลแห่งนี้ไม่เพียงแค่พัฒนาทักษะกีฬา แต่ยังช่วยเสริมสร้างคุณสมบัติทางจิตใจและสังคมให้กับเยาวชน เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่มั่นคงและประสบความสำเร็จในอนาคต

พลังก้าวข้ามข้อจำกัด-หลอมรวมหัวใจ

จากทีมเล็กๆ สู่การคว้าแชมป์ระดับจังหวัด ต่อยอดถึงเหรียญในระดับประเทศ และปั้นนักเตะเข้าสู่ทีมชาติ — ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องของโชค

แต่คือผลลัพธ์ของระบบการพัฒนาต่อเนื่องและมีแบบแผน

ในทุกปีจะมีเด็กจำนวน 200-300 คน เดินทางมาเพื่อสมัครคัดเลือกเข้าร่วมพีระยาฟุตบอลอะคาเดมี แต่สุดท้ายมีเพียง 16 คน เท่านั้น ที่จะได้สวมเสื้อทีม

คำถามคือ ทำไมเด็กๆ ถึงอยากมา?

คำตอบไม่ได้อยู่แค่ในชื่อเสียงของอะคาเดมีหรือโค้ชผู้ฝึกสอนหรืออื่นๆ แต่มันสะท้อนรากของบางสิ่งที่ลึกกว่านั้นคือ — ฟุตบอลเป็นวัฒนธรรมของชุมชน

“ในพื้นที่มีผู้คนชื่นชอบฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างไม่มีนันทนาการอื่นที่สนุกเหมือนกับฟุตบอล เวลา 3 จังหวัดแข่งกัน ผู้ชมหรือกองเชียร์จะเยอะมาก”

ลองนึกภาพสนามฟุตบอลระดับตำบล อำเภอ หรือจังหวัด ที่มีการแข่งขันเมื่อไหร่ ผู้ชมแน่นขนัด บางแห่งมีคนดูนับพัน บางแมตช์แตะหลักหมื่น — นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เด็กๆ หลายคนเติบโตมากับฟุตบอลตั้งแต่จำความได้ เมื่อผู้ใหญ่ในครอบครัวเป็นแฟนบอล — เด็กๆ ก็จะซึมซับความรักในกีฬานี้ไปโดยอัตโนมัติ

หลายครอบครัวมองว่าฟุตบอลคือโอกาสที่จะทำให้เด็กได้ทุนการศึกษา อาจมีโอกาสได้ทำงานดี ๆ หรือแม้กระทั่งได้เดินทางออกจากบ้านเกิดเพื่อไปสู่เวทีใหญ่

และในภาพรวมของชุมชน ฟุตบอลคือกิจกรรมที่รวมผู้คนหลากวัย หลากศรัทธา ให้นั่งข้างกันได้บนอัฒจันทร์เดียว

 

ความหวังที่ไม่เคยหยุดกลิ้ง

จากวันแรกที่เด็กบางคนไม่มีแม้แต่รองเท้าสตั๊ดคู่แรก แต่วันนี้บางคนได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ บางคนใส่เสื้อทีมชาติลงสนาม ทั้งหมดเริ่มต้นจากสนามฟุตบอลในโรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา สนามที่กลายเป็นประตูบานใหญ่ให้พวกเขาได้ ก้าวออกไป

“ตอนแรกก็แค่หวังว่าจะติดอันดับ 1 ใน 10 ของภาคใต้ แค่นั้นก็ถือว่าฝันไกลแล้วสำหรับเรา” แต่วันนี้ โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ กลายเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลนักเรียนระดับแนวหน้าของภาคใต้

“เราฝันไกลถึงขั้นอยากเห็นพื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งผลิตนักเตะระดับชาติ แบบที่บราซิลส่งนักเตะไปเล่นทั่วโลก…

แต่ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น แต่เชื่อว่าในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มเห็นผลของการพัฒนาและเห็นนักฟุตบอลที่มีศักยภาพจากโรงเรียนกลายเป็นนักกีฬาอาชีพที่ประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอล”

จากบทสนทนากับ ดร.มูฮัมมาดอัสมี อาบูบากา ทำให้เรายิ่งเห็นภาพชัดว่า เมื่อเด็กไทยมี “สนาม” ที่เหมาะสม พวกเขาก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเตะที่ดี เป็นคนรุ่นใหม่ที่กล้าวิ่งตามฝัน ได้แสดงศักยภาพ และกลายเป็นกำลังสำคัญของชาติในวันข้างหน้า

 

จากสนามเล็ก สู่เวทีระดับชาติ

ในระยะเวลา 6 ปี พีระยาฟุตบอลอะคาเดมี ได้สร้างผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจมากมาย และหนึ่งในเพชรเม็ดงามนั้นคือ หยอง อิมรอน สะอิ ผู้ก้าวไปเป็นกองหน้าพลังล้นของเอฟซียะลา เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในแมตช์ไทยลีก 3 เมื่อปีพ.ศ. 2566 ขณะอายุ 17 ปี และยังเรียนอยู่ชั้น ม.5 และในปีถัดมา ความพยายามของเขาก็พาไปไกลถึง การได้ใส่เสื้อติดธงชาติเป็นหนึ่งในทัพนักเตะทีมฟุตบอลนักเรียนไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เดินทางลุยศึกระดับโลกที่ประเทศจีน อนาคตของ “วันเดอร์คิดแห่งทัพจิ๊กซอว์รวมใจ” คนนี้ถูกคาดหมายว่าจะไม่หยุดแค่ไทยลีก 3 แน่นอน

อีกคนคือ ปียัง ซูเฟียน ดอเล๊าะเด็กนราธิวาสสายสู้ มาเรียนที่ปัตตานี และต้องไปซ้อมฟุตบอลที่ยะลาแทบทุกวัน! แม้ทางไกล แต่ใจเขาใกล้ฟุตบอลเสมอ เพราะมีครอบครัวเป็นแรงเชียร์และแรงผลักดัน ในปีพ.ศ. 2567 เขาทำสำเร็จ — ปียังติดทีมชาติไทยชุด U17 และได้เซ็นสัญญากับเอฟซียะลา กลายเป็นเด็ก ม.5 ที่มีงาน มีเงินเดือน และความภาคภูมิใจเต็มกระเป๋า ปียังฝันว่าจะได้เล่นทีมชาติชุดใหญ่ เคียงข้างไอดอลของเขาคือ อิรฟาน ดอเลาะ รุ่นพี่คนบ้านเดียวกัน

ศิษย์พีระยาฯ เหล่านี้ไม่ได้แค่สร้างชื่อให้ตัวเอง แต่พวกเขายังปลุกความหวังให้กับน้อง ๆ และเพื่อน ๆ ในชายแดนใต้

ไม่ว่าจะเริ่มต้นที่สนามเล็ก ๆ ในยะลา ปัตตานี หรือนราธิวาส ถ้ามีฝัน มีใจ และไม่ยอมแพ้ ก็สามารถก้าวไปถึงระดับทีมชาติได้!

“การที่เด็กพีระยาฯ มีโอกาสเล่นฟุตบอลอาชีพ และไปไกลถึงทีมชาติได้ สร้างแรงบันดาลใจทั้งระบบ ตั้งแต่ผู้บริหารโรงเรียน ครู โค้ช ไปจนถึงผู้ดูแลสนาม”  — คำกล่าวจากดร.มูฮัมมาดอัสมี อาบูบากา ประธานพีระยาฟุตบอลอะคาเดมีและเอฟซียะลา

 

Author

เพ็ญแข สร้อยทอง

Author

เชื่อในพลังของตัวอักษรและการเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ นอกเหนือจากบ้านแล้ว ใช้เวลาส่วนใหญ่ในร้านกาแฟ ชอบเที่ยว ชิมอาหาร อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ ฟังเพลง แคคตัส และแมว

Web Editor

ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ

Web Editor

บรรณาธิการเว็บ Thaipower.co อดีตบรรณาธิการบางสำนัก นักข่าวและคอลัมนิสต์จำเป็น โกสต์ไรเตอร์...ผู้รักการเดินทาง หลงใหลกลิ่นกาแฟ และเป็นมูฟวีเลิฟเวอร์