Passion

“กบ Big Ass” พลังอีกด้านของ
“Bodyslam พูดในใจ… THE B SIDE CONCERT”

กฤษณา คชธรรมรัตน์ 31 Mar 2023
Views: 508

จากคอนเสิร์ตครั้งพิเศษกับ “บทเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นได้ร้อง” แต่เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจของสมาชิก Bodyslam ทุกคน และยังเป็นคอนเสิร์ตบนพื้นที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของคอนเสิร์ตจาก Bodyslam ที่สร้างความตื่นเต้นให้แฟนเพลงทุกคนมากที่สุด ด้วยความใกล้ชิดกันระหว่างศิลปินกับคนดู

เพราะนี่คือครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งเดียวของหลายบทเพลงที่ได้ถูกหยิบมาแสดงสดบนเวที… โดยมี กบ – ขจรเดช พรมรักษา มือกลอง วง Big Ass เป็นอีกหนึ่งพลังที่ขับเคลื่อนให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ ทั้งในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Bodyslam ไม่ว่าจะเป็นเพลง ฮิตอย่าง “อกหัก” “ความเชื่อ” และอีกมาก เป็นคีย์แมนของอีกหลายคอนเสิร์ตของ Bodyslam รวมถึงครั้งนี้ที่เขามานั่งเก้าอี้ Director, Creative Director และ Music Director คอยขับเคลื่อนคอนเสิร์ตหน้า B ที่ทุกคนรอคอยให้จิตใจของคนดูลอยไปปักธงเป็นอีกหนึ่งสุดยอดคอนเสิร์ตในความทรงจำ

 

•คอนเสิร์ตของเพลงที่ Bodyslam ไม่ค่อยได้เล่น คอนเสิร์ตของเพลงที่แฟนๆไม่ค่อยได้ยิน

•ครั้งแรกของการ “ใกล้กัน” ที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้…ระหว่างศิลปินและผู้ชม

 

Thaipower.Co: ความพิเศษของ “Bodyslam พูดในใจ THE B SIDE CONCERT” ในสายตาของคุณกบในฐานะ Director, Creative Director และ Music Director:

 “บอดี้สแลมอยู่ในวงการนี้มาเกือบยี่สิบปีครับ นี่เป็นครั้งแรกที่บอดี้สแลมจะเล่นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่น ซึ่งเราเรียกมันว่า ‘เพลงบีไซด์’ คือถ้าใครเกิดในยุคของคาสเซ็ตเนี่ย จะเข้าใจว่าเพลงบีไซด์คือเพลงที่อยู่หน้าบี แต่ความหมายจริงๆ ของบีไซด์ในครั้งนี้ก็คือ เพลงที่วงไม่ค่อยได้นำมาเล่น เพลงที่หลายๆ คน แม้กระทั่งตัวเราเอง หรือตัววงเองก็อาจจะมองข้ามไป แต่จริงๆ มันอยู่ข้างๆ เรามาตลอด

ทุกครั้งที่บอดี้สแลมมีคอนเสิร์ตใหญ่ทุกคนจะนึกถึงราชมังฯ ทุกคนจะนึกถึงอิมแพ็คฯ ทุกคนจะนึกถึงพื้นที่ใหญ่ๆ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บอดี้สแลมเล่นคอนเสิร์ตในที่ที่เล็กที่สุด แล้วลองนึกภาพที่แบบเราอยู่ใกล้พี่ๆ ทั้ง 5 คน ได้ใกล้ที่สุด …จะเกิดอะไรขึ้น กับได้ฟังเพลงที่เราหาฟังจากที่ไหนไม่ได้ ไม่ใช่เพลงที่เล่นในผับ ไม่ใช่เพลงที่เล่นในราชมังฯ ไม่ใช่เพลงที่เล่นในอิมแพ็คฯ มาก่อน ผมว่าถ้าพูดตรงๆ คือถ้าใครโตมากับบอดี้สแลมหรือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของบอดี้สแลม ครั้งนี้ผมว่าจะเป็นคอนเสิร์ตเพื่อพวกเขาโดยแท้จริง”

“การแสดงในโรงละครจะสร้างความพิเศษได้
และคอนเสิร์ตครั้งนี้กับผู้ชมต้องการการมองตาแล้วเข้าใจกัน…ผมมีความสุข
ตั้งแต่วันแรกที่คิดโพรเจกต์นี้
ผมบอกกับทีมมาตลอดว่า ถ้าเราทำเพื่อหวังกำไร คอนเสิร์ตนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

กบ – ขจรเดช พรมรักษา มือกลอง วง Big Ass
Director, Creative Director และ Music Director
ของคอนเสิร์ต Bodyslam “พูดในใจ” THE B SIDE CONCERT

 

TP: คอนเสิร์ตนี้เกิดขึ้นที่โรงละครอักษราฯ แม้จะฟังดูไม่ค่อยจะร็อกสักเท่าไร แต่ใกล้ยิ่งกว่าใกล้และทัชใจในแบบที่ไม่เคยเป็นมา

ขจรเดช: “ผมชอบมากเลย คือที่ใหญ่ๆ เราก็ทำมาแล้ว แล้วพื้นที่ใหญ่ๆ ก็เหมาะกับการสื่อสารอีกแบบหนึ่ง แต่สำหรับผมเพลงของบอดี้สแลมหลายๆ เพลง หรือเกือบทุกเพลงด้วยซ้ำไป จะมี ‘ความเป็นละคร’ อยู่ในนั้น มันมีความเป็นฉาก มันมีฉาก มีที่มาที่ไป เวลาผมเขียนเพลงให้กับบอดี้สแลม ผมจะนึกภาพเป็นฉากเป็นละครเป็นหนังอยู่เสมอ มีจุดเริ่มต้น มีจุดพีค มีจุดอะไรต่างๆ และก็มีจุดจบของเรื่องราวเหล่านั้นอยู่ทุกเพลงที่ผมเขียน

ผมว่าเพลงของบอดี้สแลมมีความดราม่าอยู่ด้วย มีความเป็นละคร แล้วเล่นบางเพลงในที่ใหญ่แล้วมันไม่ถึง มันต้องการการมองตาแล้วแบบเข้าใจในแมสเสจที่อยู่ในหัวใจของตูนจริงๆ

คอนเสิร์ตนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะใกล้กันที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้ แล้วก็ความเป็นโรงละครมันจะบังคับให้เรามีสมาธิกับมัน บางทีในสคริปต์หรือว่าในโชว์ อาจจะไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่เราสื่อสารกันด้วยความเงียบ แล้วความเงียบมันจะเป็นหนึ่งในบทสนทนาที่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ หรือเป็นหนึ่งในบทเพลงที่จะเกิดขึ้นก็ได้ ผมคิดว่าความเป็นโรงละครมันสร้างอะไรได้พิเศษ แต่ไม่ใช่ดีกว่านะครับ มันอาจจะพิเศษที่เราไม่เคยเห็นบอดี้สแลมแบบนี้มาก่อน”

TP: บรรดาเพลง “หน้า B” ที่ได้ทำหน้าที่เป็นพระเอกกับเขาสักที

ขจรเดช: “ผมไม่ได้เลือกจากเพลงที่ผมชอบเป็นพิเศษ แต่ผมเลือกจากความรู้สึกว่ามันชื่อคอนเสิร์ตบีไซด์ มันจะมีเพลงไหนหนอที่เป็นสัญลักษณ์ของคำที่บอกว่าเพลงที่เราไม่ค่อยได้เล่น เพลงที่ไม่ค่อยได้ยิน มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์จริงๆ แล้วผมก็เลือกเพลงนั้นมา เรียกว่าเป็นเพลงกระดูกสันหลังของโชว์ครั้งนี้ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพลงที่แบบไม่มีใครรู้จัก

นั่นก็คือเพลง Away ซึ่งเป็นเพลงที่ผมให้คำจำกัดความคือเป็น ‘พระเอก’ ของคอนเสิร์ตนี้เลย คือเพลงที่อยู่ใน “หน้าบี” โดยแท้จริง และคือเพลงที่ไม่เคยมีใครเห็นบอดี้สแลมเล่นมาก่อนโดยแท้จริง เป็นเพลงที่บอดี้สแลมยังไม่เคยเล่นมาก่อน ไม่เคยเล่นสดมาก่อนเลย คือเพลงแรกในชีวิตของตูน ที่ตูนเขียนเนื้อเอง เขียนทำนองเอง…และเป็นเพลงเดียวของบอดี้สแลมที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด

แม้กระทั่งวงบอดี้สแลมเองเขาก็ยังเซอร์ไพรส์เลย ในตอนแรกเขายังถามเลยว่าเลือกเพลงนี้มาเล่นด้วยเหรอ พอเราได้อธิบาย เขาก็เก็ตทันทีว่าใช่! นี่คือเพลงของคอนเสิร์ตนี้จริงๆ และตอนวันซ้อมเพลงนี้กันเป็นครั้งแรก ผมบอกตัวเองได้เลยว่าถ้าซื้อหวยผมคงซื้อถูกอะ เพราะในชีวิตบอดี้สแลมและแฟนเพลง จะมีสักกี่ครั้งเชียวที่บอดี้สแลมได้เล่นเพลงนี้ และแฟนเพลงก็ได้ดูเพลงนี้ ผมว่าน่าจะเป็นครั้งเดียว และผมว่านี่คือวันพิเศษจริงๆ

 

 

TP: ในฐานะที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง ตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษกับคอนเสิร์ตนี้

ขจรเดช: “คือแรกๆ ไม่ตื่นเต้นครับ ชิลๆ เป็นคอนเสิร์ตการกุศล แต่พอตอนได้มาสถานที่จริง เฮ้ย! ทำไมผมตื่นเต้น มองไปรอบข้างทุกอย่างมันไม่เหมือนคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ ไม่เหมือนคอนเสิร์ตที่อิมแพ็คฯ ไม่เหมือนที่ที่เคยเห็นมาก่อน แบบหูย…ที่นี่สวย มันเหมาะ มันต้องอย่างนี้สิวะ ครั้งหนึ่งในชีวิตคอนเสิร์ตมันต้องอย่างนี้สิวะ

ทุกคนบอกว่าเล็กจัง แต่ผมว่ามันถูกต้องครับ แล้วมันทำให้ผมตื่นเต้น ที่จริงคอนเสิร์ตสำหรับเราก็ตื่นเต้นทุกครั้งแหละครับ แต่ทำไมครั้งนี้มันตื่นเต้นไม่เหมือนครั้งไหนยังไงไม่รู้ ตื่นเต้นตรงที่ไม่รู้ว่าผมทำสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นมันบีไซด์พอหรือยัง แต่ผมถือว่าเราอยากเห็นบอดี้สแลมแบบไหน ผมจะทำให้หมดเลย”

 

TP: ไม่ธรรมดาเมื่อคอนเสิร์ตทำหน้าที่เปิดโอกาสให้นักดนตรีรุ่นใหม่จาก THE POWER BAND โครงการที่จุดประกายความฝัน โดย King Power

ขจรเดช: “ถ้าถามถึงความยาก บอกตรงๆ ก็คือซีนพิเศษที่มีน้องๆ จากโครงการประกวด
THE POWER BAND มาร่วมด้วย

ต้องบอกก่อนว่าวง Big Ass เองหรือว่าตัวผมเองก็เติบโตมากับการประกวด แล้วตกรอบมาตลอด เติบโตมากับการที่ได้รับโอกาส คือถ้าไม่มีโอกาสผมก็คงยังมาไม่ถึงตรงนี้แน่ๆ ทุกครั้งที่ผมได้รับโอกาสผมก็จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะจัดงานอะไรถ้าสังเกตดีๆ ทุกๆ งานของผมจะมีการเปิดให้เยาวชนหรือว่าให้ใครก็ตามที่ต้องการเวที…ต้องการโอกาส ได้เข้ามาร่วมใช้พื้นที่ตรงนี้เสมอ

แต่แรกนับเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ เลยครับ ผมบอกทุกคนเลยคือไม่มีได้ไหมวะ ที่ผมคิดอย่างนั้น เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนกับบอดี้สแลมหรือว่าตัวตูนเองมานั่งพูดเรื่องส่วนตัวที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนให้คนที่สนิทกับเขาสนิทจริงๆ ฟัง เหมือนเชิญคนสนิทมาที่บ้าน…มากินข้าวแล้วได้เปิดอกคุยกันในเรื่องที่แบบ จะยี่สิบปีแล้วไม่เคยคุยแบบนี้มาก่อน จริงๆ มันไม่ได้ต้องมีเกสต์ แต่โจทย์ก็คือต้องทำให้ได้ อย่างน้อย คิง เพาเวอร์ ให้โอกาสกับบอดี้สแลม และผมเองก็เชื่อมั่นในเรื่องโอกาส เพราะฉะนั้นมันต้องได้ดิวะ…ผมคิดแบบนี้ ก็ลองคิดต่ออีกหน่อยจนหาที่หาทางให้ทุกอย่างอยู่ด้วยกัน ทำให้มีโอกาสนั้นเกิดขึ้นให้ได้

TP: 5 ตัวแทนเยาวชนดนตรีของ THE POWER BAND จากการคัดเลือกของพี่กบและพี่ตูน

ขจรเดช: “ผมเลือกน้องๆ THE POWER BAND ร่วมกับตูน ในส่วนของผม แน่นอนว่าผมต้องยึดภาพรวมเป็นหลัก ทำยังไงก็ได้ให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันพอดี ให้รู้สึกว่ามันไม่น้อยไป…ไม่มากไป แล้วทำยังไงให้รู้สึกว่าพวกเขาเป็นตัวแทน (เรื่องของโอกาส) จริงๆ มันค่อนข้างหลายปัจจัยครับ แล้วมันก็คงตามมาด้วยคำถามจากหลายคนพอสมควรว่าทำไม ทำไม และทำไม

ผมสามารถตอบคำถามตัวเองในใจได้ว่าผมทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยน้องๆ ที่ผมเลือกมาเพื่อขึ้นเวทีคอนเสิร์ตครั้งนี้ทั้ง 5 คน มีน้องผู้หญิงสองคนจากวง The Piclic Band น้องนักดนตรีเครื่องเป่าสามคนจากวงอุดรพิทยานุกุล ผมมีคำตอบที่เลือกเขาเล่าให้ฟังได้เลย

อย่างแรกเลยก็คือด้วยความเป็นนักร้อง ตำแหน่งนักร้องผมมองจากคนที่ต้องการโอกาสมากที่สุด น้องนักร้องวง The Piclic Band จากเชียงใหม่ (ฟิล์ม – ปณิชา The Piclic Band) ผมว่าเขาอยู่ไกลโอกาสกว่าเพื่อน อย่างหนึ่งเขาอยู่พื้นที่ไกล อย่างสองคือ ศักยภาพของเขา ถ้าเอาไปวัดกับพี่ๆ คนอื่น เขาอยู่ห่างโอกาสมาก ฉะนั้นนี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะอยู่ใกล้มัน…จะได้ขึ้นมาทันพี่ๆ เขา ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าความที่น้องเขาไม่ใช่น้ำเต็มแก้ว น้องคนนี้น่าเติมน้ำลงไปให้จังเลย คือแบบเขายิ่งขาดเท่าไร เรายิ่งอยากเติมเท่านั้น ผมรู้สึกว่าความไม่สมบูรณ์มันก็มีเสน่ห์ตรงนี้ ผมจะว่ามันทั้งให้โอกาสด้วยและยังเหมือนให้เขามาเรียนรู้ไปด้วยครับ ผมว่านอกจากโอกาสแล้วการเรียนรู้ก็สำคัญ

น้องมือกีตาร์ (กิฟท์ – สุทธิดา The Piclic Band ที่เคยให้สัมภาษณ์กับ Thaipower.co ว่ามียอด Bodyslam เป็นศิลปินคนโปรด) ผมเลือกเพราะเขาเล่นเหมือน ยอด (มือกีตาร์ วงบอดี้สแลม) มากเลย ทำไมถึงเหมือนอย่างนี้ ผมว่าเขามีทักษะที่น่าสนใจ การเป็นผู้หญิงที่เล่นดนตรีมันมีเสน่ห์มากอยู่แล้ว แต่ผมเห็นการวางระเบียบนิ้ว เขาจะโดดเด่นออกมาจากวงทันที ผมดูแล้ว…โอ๊ย ทำไมมันฉายแสงอย่างนี้

สำหรับผมนะครับ เขาไม่ได้พยายามแบบ ‘ดูฉันสิ’ ผมถึงเรียกมันว่า ออร่า ทุกคนจะเรียกตรงนี้ว่า
ออร่า ทุกคนจะเรียกมันว่า รัศมี เขาก็มีตรงนั้น อีกอย่างคือทั้งคู่มาจากโรงเรียนเดียวกันกับน้องนักร้อง เพื่อที่น้องนักร้องหันไปจะเจอเพื่อน คืออย่างน้อยก็ไม่เหงา อุ่นใจเพื่อนฉันอยู่ข้างๆ ฉัน และเพื่อนฉันก็ได้มาตามความฝันด้วยกันกับฉัน เราอยู่ไกลแค่ไหน เราก็อยู่ใกล้ความฝันได้เหมือนกัน

ส่วนน้องอีกสามคนเครื่องเป่า จากอุดรพิทยานุกุล  (พิทวัส คุณชื่น – แซกโซโฟน พัสกร ศรีหะ – ทรัมเป็ต และ ทัตชัย ธรรมวงศ์ – ทรอมโบน) คือเปรี้ยงแรกผมก็คุยกับตูน ตูนเลือกใคร ‘ผมเลือกเครื่องเป่า’ เขาบอก

คือเราเห็นตรงกันว่าในแง่ของโชว์ว่านักดนตรีจากวงนี้จะทำให้โชว์สนุกขึ้น เขาจะพาเพลงบอดี้สแลมให้มันมีสีสันในอีกแบบหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งที่ผมเลือกคือ พวกเขาเล่นดนตรีอย่างเอนจอย เขาเล่นดนตรีอย่างที่ไม่มีกรอบไม่มีทฤษฎี ไม่มีถูกผิด เขาเล่นด้วยหัวใจ ผมรู้สึกว่านี่! เล่นดนตรีต้องเล่นแบบนี้ เล่นคือมีความสุขกับมัน ผมมองเห็น

ผมว่าชื่อโครงการ THE POWER BAND เป็นคนเล่าเรื่องตรงนี้ น้องๆ คือตัวแทนของชื่อโครงการ แน่นอนมันจะมีในปีต่อๆ ไป อันนี้เป็นตัวแทนของโครงการที่มาบอกว่าความฝันมันอยู่แถวๆ นี้แหละ ถ้าเราไม่หยุดเดินตามหามัน

 

TP: มีอะไรเล่าไปถึงโจทย์ยากของวงบอดี้สแลมที่แฟนเพลงได้ชม…ที่เป็นการแก้สมการ

ขจรเดช: “ผมว่ามันหนักใจแทนวงตรงที่หลายๆ เพลงเขาไม่ได้เล่น คือบางเพลงเขาก็ไม่ได้อัดเอง คือบอดี้สแลมมีหลายยุคสมัย ตอนซ้อมกันยังคุยกันแบบ ‘เพลงนี้ใครตีกลองนะ?’ ”

แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้อย่างหนึ่งก็คือ ทุกคนตื่นเต้นไปกับมัน แล้วให้มีช่วงคนดูขอเพลง ผมก็ให้กางหนังสือเพลงเล่นเลย ไอแพดเต็มไปด้วยคอร์ดเพลง แล้วก็ทุกคนจะใส่แว่นสายตายาวมา เอ้า! ร้องยังไง ซึ่งมีที่มาจากผมอยากได้อารมณ์แบบไม่มีครั้งไหนใกล้ไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วก็เล่นถูกเล่นผิดเล่นไปเลย แค่รู้สึกว่ามันจะมีโอกาสไหนได้ขอเพลงกับบอดี้สแลมตรงนี้ เพลงที่บอดี้สแลมก็เล่นไม่ได้ ทั้งที่เป็นเพลงตัวเองด้วย อย่างที่บอกมันอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ครับโมเมนต์แบบนี้

ลายแทงสคริปต์ ผมคิดว่าคือลายแทงมันไปเจอขุมทรัพย์แล้ว แต่จะเดินไหวแค่ไหน จะอ้อมทางลัดหน่อย แต่ว่าลายแทงนั้นเจอขุมทรัพย์แล้ว

 

TP: อยากให้ทิ้งท้ายจากใจของ Director …คอนเสิร์ตจากพลังของคนเบื้องหลัง

ขจรเดช: “ผมมีความสุขกับการอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่วันแรกที่คิดโพรเจกต์นี้ เมื่อวันที่ขายบัตรครับ น้องทีมงานที่ทำเรื่องโซเชียลมีเดีย เขาบอกว่าบัตรขายหมดภายใน 23 วินาที …หรือ 29 วินาทีอะไรสักอย่าง

คือเราก็คิดว่าด้วยความที่เป็นแบบ B Side บัตรขายได้…คงไม่แบบไปไว แต่กลายเป็นว่าหลายๆ คนรอบตัวเรา ทั้งโดยส่วนตัวและในโซเชียล เขาบอกว่าน่าจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เอาตรงๆ ผมก็บอกกับทีมมาตลอดว่า ถ้าเราทำเพื่อหวังกำไร คอนเสิร์ตนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าเราทำเพื่อหวังกำไรสูงสุดเนี่ย จะเอากำไรมาจากไหนครับ ไม่มีทางเกิดกำไรเลยครับ แต่ว่าคอนเสิร์ตได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย เลยทำให้เกิดอะไรที่พิเศษอย่างที่ผมพูดไป เลยเป็นคอนเสิร์ตที่หาดูยากจริงๆ

แน่นอนว่าตลอดการรับรู้ว่า คอนเสิร์ต Bodyslam “พูดในใจ” THE B SIDE CONCERT จะเกิดขึ้นที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มีแต่คำว่าตื่นเต้นอยู่เต็มไปหมด ทั้งตลอดทางและการเดินทางมาจนถึงเวลานี้ที่คอนเสิร์ตเกิดขึ้นแล้ว  มั่นใจได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ชมคือความประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายของคอนเสิร์ตไปนานเลยทีเดียว

Author

กฤษณา คชธรรมรัตน์

Author

นักเขียนที่ให้ความสนใจกับทุกเรื่องบนโลก อย่างละนิดอย่างละหน่อย บ่อยครั้งจึงวาร์ปไปเขียนเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

Author

ณรงค์ ศิริกาญจนพงศ์

Photographer