Summary
• นี่คือวง Pop Rock สมัยใหม่ ที่มีพลังในการเล่นสดสูง สนุกกับการทดลองและนำเสนอสิ่งใหม่ๆ
• METHANE คือศิลปินเบอร์แรกของค่าย ZIRCLE MUZIK ในสังกัด MUZIK MOVE
• พวกเขาผ่านการคัดเลือกจากรายการเฟ้นหา วงดนตรี ZIRCLE BAND COMPETITION Presented by Singha Corporation จนได้เป็นศิลปินในสังกัด
ถ้าจะมีศิลปินรับเชิญบนเวที THE POWER BAND 2023 วงไหนที่เข้าใจทุกความรู้สึกของผู้เข้าประกวดในทุกวินาทีของการแข่งมากที่สุด บอกเลยว่าวง METHANE นี่แหละ
เพราะสมาชิกท้้ง 4 ของวงร็อกน้องใหมอย่าง ธันย์ – ธันย์ ชนะวรรณโณ (ร้องนำ) เคลฟเวอร์ – ธีรพัชญ์ ชำนาญดี (กีตาร์) บอส – ประดิษฐ์พร แจ่มกระจ่าง (เบส) และ แมททิว – อาชวิชญ์ ยี่โถ (กลอง) ต่างก็เริ่มต้นจากเวทีประกวด คว้าทุกชัยชนะ เพื่อจุดระเบิดเปิดเส้นทางความเป็นไปได้ตามคอนเซปต์งาน ที่จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สไตล์วงดนตรีเลือดใหม่มากความสามารถ ภายใต้การดูแลของ “พล – คชภัค ผลธนโชติ” หรือ “พล วง CLASH”
“วันนี้เรามาไกลกันมาก ความพยายามไม่เคยส่งผลร้ายให้กับใคร
พวกผมได้ลองทำ ทุกคนเริ่มโตขึ้น พยายามมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะทำให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ”
ศิลปิน วง METHANE
ThaipowerCo : การทำงานฉบับ METHANE เป็นยังไง
เคลฟเวอร์ : ง่ายมาก แค่ฟอลโลว์หัวหน้า เรามีหัวหน้าในทุกพาร์ต เช่น เรื่องภาพกราฟิกก็จะเป็นบอส เรื่องแต่งเพลงตัวเพลง…เมโลดี้ก็จะเป็นธันย์ เรื่องเสื้อผ้าเรื่องภาพลักษณ์ของวงจะเป็นแมท เรื่องเพลง เรื่องคอนเซปต์ของวงว่าจะเดินไปทางไหนจะเป็นของผม
แมททิว : หมายถึงเรามี 5 คน มีเคลฟ บอส ธันย์ แมททิว แล้วเรามี “มีเทนอีกคน” ที่เราสี่คนทำงานส่งคนคนนี้ เพื่อดันเขาให้ไปข้างหน้า
เคลฟเวอร์ : การมีหัวหน้าแต่ละเซกชันคือทุกคนหวังดีต่อ “คนที่ชื่อมีเทน” แต่มันต้องมีโกล มีวิธีจัดการ เช่น สมมติเรื่องภาพลักษณ์ของวงทุกคนจะมีมุมมองต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วพี่แมทคือหัวหน้าที่จะไฟนอลอีกที
แมททิว : มีเทนจัดการแบบนี้ก็จริงแต่วงเราไม่ได้เผด็จการขนาดนั้น เราหาตรงกลางที่เคยคุยกันแล้วเพื่อทำให้มีเทนเป็นภาพเหมือนที่เราสี่คนคิด เราเอาเหตุผลมาคุยกัน ไม่ได้เอาอารมณ์ความต้องการส่วนตัวมาคุยกัน
TPco : ฟังเหมือนง่าย แต่เราเชื่อว่าไม่
บอส : ช่วงเริ่มต้นเราพยายามหาตรงกลาง เพราะเวลาทำงานด้วยกันมันฟุ้งมาก ไม่มีคนตัดขอบ เลยลองทำแบบนี้ดู แต่นานนะครับกว่าจะค้นพบวิธีที่ลงตัว
แมททิว : ผมยกตัวอย่างเรื่องเพลง วางคอนเซปต์ วางไดเรกชัน…ทุกอย่าง พอประชุมกันเสร็จกลับบ้านไปไม่จบ ต่างคนอยากได้ไปกันคนละทาง ประชุมครั้งที่สอง สาม สี่ มันไม่จบสักทีครับ เราเลยใช้วิธีการนี้เพื่อที่ให้มีเทนไปต่อได้
รู้จัก METHANE ต้องรู้สิ่งนี้
ไม่นับสตูดิโอและเวทีแสดง
ร้านหมูกระทะและร้านราเมง คือพื้นที่ที่สมาชิกวง METHANE มักใช้เวลาร่วมกัน
TPco : อะไรคือสิ่งที่คุณเรียนรู้ เมื่อต้องก้าวข้ามจากวงนักเรียนสู่วงการดนตรีของมืออาชีพ
ธันย์: สิ่งแรกที่ผมรู้สึกว่าเราทำได้ดี คือการเซตโฟลว์ของการทำงานครับ เราจะลิสต์ออกมาก่อนว่าสิ่งที่เราต้องทำคืออะไรบ้าง แล้วดูว่าแต่ละหมวดใครรับผิดชอบ พอได้แบบนี้ เราก็มีแผนการมารองรับ ที่สุดแล้วจะไปถึงโกลที่เราวางไว้ครับ มันอาจไม่เหมือนตอนเด็กๆ เพราะมันเริ่มมีแผนระยะหนึ่งปี แต่ก็ค่อยๆ ไต่ไปให้ถึง
TPco : เรียกว่าคุณเติบโตขึ้น
แมททิว : ผมกล้าพูดครับว่ามีเทนเติบโตขึ้น ด้วยวิธีคิดและการทำงาน คือถ้ามีเทนทำงานร่วมกับค่าย ผมเชื่อว่าสี่คนเก็ตว่าเราต้องทำอะไร สีจะออกมาแบบไหน ภาพจะออกมายังไง เพราะเราแบ่งงานในแต่ละพาร์ตและเราเชื่อกัน พอเราเชื่อกัน ถึงจะเป็นพาร์ตของเคลฟ แต่ผมมองเห็นภาพเดียวกับเคลฟแล้วผมก็เชื่อว่าเราอีกสามคนมองภาพเดียวกัน
บอส : ตอนเด็ก การเล่นดนตรีของเราอาจจะแค่ประกวด ก็เซตกันแค่นัดซ้อมเวลานี้ พอโตขึ้นทำงานกับผู้คนหลากหลายขึ้น เมื่อไหร่ที่เราเซตเวลาหรือวิธีทำงานได้อยู่หมัด ทำให้เป็นพื้นฐานที่ดีในการทำงานร่วมกับคนอื่นได้
ธันย์ : มีเทนไม่ใช่แค่วงดนตรีวงหนึ่ง แต่คือบริษัทหนึ่งที่พวกเราช่วยกันจัดการให้มันไปข้างหน้าให้ได้
TPco : เป้าหมายสูงสุดของวงคือ?
แมททิว : คือการเป็นวงศิลปินเบอร์หนึ่งขอไทย และเราก็อยากไปเหยียบราชมังคลากีฬาสถาน เพราะผมเชื่อว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ พวกผมอยากไปอยู่ ณ ตรงนั้น
TPco : วันนี้คุณมองตัวเองว่าอยู่จุดไหน
บอส : ตอนนี้มันแค่จุดสตาร์ตครับ
แมททิว : เราต้องเดินไปให้ถึงเป้าที่เราวางไว้
บอส : จากวันแรกถึงวันนี้ผ่านมาสามสี่ปี เราโตกันมากขึ้น แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของพวกเราที่ยังต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ
ธันย์ : เมื่อมีเป้านั้น เราก็ต้องถอยออกมาว่าจะไปสนามกีฬาฯ ด้วยวิธีไหน ต้องมีเพลงของตัวเอง มีคนฟัง มีผู้ชมเท่าไร ถอยมาเรื่อยๆ เช่นปีนี้ปีหน้าเราต้องมีอัลบั้มให้ได้คือสเต็ปแรก แล้วมันก็ค่อยๆ ไต่ไปเรื่อยๆ จนไปโกลใหญ่ที่สุดของวง
แมททิว : อันนั้นคือเป้าใหญ่สุดที่วงมองไว้ในไทย แต่ถ้าถามถึงตอนนี้ เราก็คงทำตามเยียร์แพลนที่เราวางไว้ พอครบปีเรามาดูว่าข้อไหนเราทำไม่ได้ และทำไม่ได้เพราะอะไร
TPco : คุณบาลานซ์ความเป็นระบบแบบมืออาชีพกับแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินอย่างไร
แมททิว : พวกเราสี่คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กัน คอยเติมเชื้อเพลิงให้กัน และให้เหล่าบรรดาแฟนคลับที่ติดตามเรา ซึ่งก็คือเชื้อเพลิงที่สำคัญเหมือนกัน ในการจะเดินไปข้างหน้า
ธันย์ : ณ วันเริ่มต้นครีเอตหรือสร้างดนตรี ผมพยายามแยกบทบาทของตัวเองว่าคือผู้สร้างงาน จะโฟกัสไปแค่ไอเดียและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้น โฟกัสแค่ที่อารมณ์และสิ่งที่เราพยายามจะสื่อสาร อยากให้คนรู้สึกแบบนี้ไปกับเรา สามารถจุดประกายหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาได้ หลังจากนั้นค่อยมาเปลี่ยนบทบาทของเราอีกที
บอส : พอในบทบาทศิลปิน เราทำเพลงทำทุกอย่างที่เราชอบ พอเสร็จ ก็จะทิ้งความเป็นศิลปินนั้นออกเป็นเรื่องการตลาด
ธันย์ : ที่สุดแล้วมันต้องล้อไปกับตลาดด้วย ทำเพลงออกมาดีแต่ไม่มีผู้ฟัง เพราะเราเองก็หวังจะให้คนรักเพลงของเราเหมือนที่เรารัก คาดหวังให้คนสนุกกับโชว์ของเราเหมือนที่เราสนุก
รู้จัก METHANE ต้องรู้สิ่งนี้
เคลฟเวอร์ คือสมาชิกที่ถูกแซวเรื่องชื่อเล่นเป็นประจำ
เขาเล่าถึงที่มาของชื่อว่า “คุณพ่ออยากให้เกิดมาฉลาด ผมเลยชื่อเคลฟเวอร์ ส่วนน้องชายชื่อไบรท์”
TPco : ท่ามกลางวงดนตรีทีเกิดขึ้นมากมาย อะไรจะทำให้มีเทนเป็นที่จดจำและทะลุเพดาน
ธันย์ : เราค้นหาตัวเองเจอในสเต็ปหนึ่งก็เชื่อมั่นว่าพวกเราผ่านการตกตะกอน ผ่านการหลงทาง ผ่านการทำซ้ำแล้วก็ย้ำไปที่จุดเดิมเยอะมากๆ ให้คนเห็นว่านี่แหละคือมีเทนท้้งสี่คน เราแค่ต้องยืนยันในจุดยืนของเราไปเรื่อยๆ พยายามมองอย่างไม่อคตินะว่าเราเป็นอย่างนี้ดีแล้ว ต้องหาสิ่งดีที่สุดและสิ่งที่ใหม่เสมอให้ตัวเอง แล้วส่งต่อให้กับผู้ฟัง
แมททิว : มั่นใจในตัวเองได้ แต่ก็ต้องรับฟังในมุมมองของคนอื่นด้วย
เคลฟ : สี่ปีที่แล้วจนวันนี้เรามาไกลกันมาก ความพยายามไม่เคยส่งผลร้ายให้กับใคร ถึงแม้สุดท้ายมันอาจจะไม่ถึงเป้า แต่พวกผมได้ลองทำ ทุกคนเริ่มโตขึ้น พยายามมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะทำให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ
ธันย์ : ผมมั่นใจว่าอีกสามสี่ปีข้างหน้า ถ้ามีโอกาสมาคุยกันอีกคำตอบน่าจะเปลี่ยนไป เราหนีปัญหาไม่ได้ก็พร้อมชน ซึ่งทำให้เราเติบโต ในวันข้างหน้าเราเจอปัญหาใหญ่ขึ้นหรือใหม่ๆ การคุยครั้งต่อไปมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปอีก
TPco : มีเทนเริ่มมาจากวงประกวด มีคำแนะนำอะไรฝากถึงผู้ประกวด THE POWER BAND ปีต่อๆ ไปกันบ้าง
METHANE : พวกเราแข่งดนตรีมาหกปี วิธีคิดตอนน้้นอาจต่างกับการเป็นศิลปิน ถ้าเราเอาสกิลทุกอย่างมาใช้ จนไม่ใช่ตัวเราจริงๆ ไม่ใช่แนวเพลงของเรา ก็จะหลงทาง การแข่งดนตรีคือการโชว์สกิลเพื่อแข่งขัน แต่ก็อยากให้น้องๆ ค่อยๆ หาตัวเอง ไม่ต้องโชว์สกิลยากมากแต่เป็นตัวของตัวเอง ดีกว่าที่เราจะทำอะไรยากๆแล้วสุดท้ายไม่รู้ว่าตัวเราคืออะไร
อยากให้เอนจอยกับสิ่งที่ทำตรงหน้าให้มากที่สุด อย่ากดดันตัวเองมากเกิน คาดหวังได้ ตั้งเป้าไว้เลยว่าอยากเป็นแบบไหน ไม่ใช่เพ้อฝันทุกอย่างมันเป็นไปได้ เพียงแต่ต้องหาวิธีให้เจอ ต้องเชื่อและศรัทธา มันสำคัญจริงๆ ในการฟื้นฟูหัวใจในวันที่มันไม่เป็นอย่างที่หวัง
แข่งขันมีแพ้ชนะ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือความสุข ต่อให้แพ้แต่เราได้อะไรกลับไปบ้าง คิดทบทวนมากขึ้น กรรมการคอมเมนต์แบบนี้เพราะอะไร เราต้องยอมรับตัวเองให้ได้ ลดอีโก้ลงแล้วต้องเปิดให้มากขึ้น กำไรมากที่สุดในการแข่งขันคือคอมเมนต์จากกรรมการเพื่อเรารู้จุดบกพร่องเพื่อพัฒนาต่อไป
เคล็ดลับทำงานเป็นวงของพวกเขา
“ALL FOR METHANE”
หลายวงสามารถแตกกันได้เพียงแค่ความคิดเห็นเล็กน้อยที่ไม่ถูกจริตกัน ดังนั้นพวกเราจะคุยกันมาก ทุกความคิดเห็นและความสบายใจของทุกคนเป็นเรื่องสำคัญ วงอยู่ด้วยกันเหมือนความสัมพันธ์แบบคนรักเลย ยิ่งทะเลาะกันเรายิ่งเข้าใจกัน ยิ่งสนิทกันเรายิ่งต้องมีความเกรงใจ เราปรับความเข้าใจกันทุกครั้ง แสดงว่าทุกครั้งที่เรามาเจอกัน ไม่มีใครติดใจอะไร ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เรามั่นใจว่าเสาเข็มของพวกเราแข็งแรง