Passion

ทุกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
มีความพยายามอันใหญ่ยิ่ง
ของ ภูพาน-พบธรรม วันดี

กฤษณา คชธรรมรัตน์ 22 Feb 2022
Views: 592

ภูพาน-พบธรรม วันดี นักเตะผู้เชื่อมั่นว่าทุกความสำเร็จเกิดจากการวางแผนและการพยายามไปให้ถึงเป้าหมาย จากลูกหนังขาสั้นแห่งเชียงใหม่ คว้าชัยในเรียลลิตี้เฟ้นหาดาวรุ่งระดับประเทศ

ภูพานได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในเยาวชน Fox Hunt จิ้งจอกสยาม โครงการด้านกีฬาตามแนวคิด คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย และมีโอกาสเข้าไปฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะฟุตบอลแบบมืออาชีพ ที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ สู่กองกลางน่าจับตามองและพร้อมจะเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรสยาม เอฟซีแห่งไทยลีก

“มีคำพูดที่ว่า ‘Once a Blue, always a Blue’ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมรู้สึกว่าที่นั่นคือบ้านของเรา คือทีมของเรา ในอนาคตถึงผมไม่ได้เป็นนักฟุตบอลแต่ผมอยากเป็นบุคลากรในเลสเตอร์ ซิตี้ ยังอยากกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของทีม อีกครั้ง…เรียกว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดเลยก็ได้”        

ภูพาน-พบธรรม วันดี

 

ภูพานในวานวัน  

• ผมอยู่บนทางแยก (ของกีฬาและการเรียน) อยู่ตลอด
• ต้องขอบคุณฤดูหนาวที่ทำให้เราได้นักเตะเจ้าสนามแทนฉลามเจ้าสระ

สูตรแห่งความสำเร็จของภูพาน เด็กชายผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการเรียนโดยมีกีฬาเป็นตัวช่วย เหมือนเป็นสมการที่มีตัวแปรผกผันสอดแทรกเข้ามาให้เขาได้ตีโจทย์ให้แตกออกมาเป็นคำตอบที่ลงตัว

“ตอนเด็กๆ พ่อให้มาเล่นกีฬาเพราะไม่อยากให้ลูกว่าง แม่ก็เลือกให้ว่ายน้ำ เขาคิดว่าถึงแม้ว่าต่อไปจะไม่ได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำแต่มันก็มีประโยชน์แน่ๆ ผมก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงนั้นเป็นหน้าหนาว น้ำมันเย็น ผมไม่อยากลงสระ ก็เลยลองเปลี่ยนไปเล่นฟุตบอลแทน”

การเปลี่ยนใจไปลองสัมผัสเกมลูกหนังบนผืนหญ้า คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาลของภูพาน “ผมพบว่ากีฬาแบบทีมมันมีเสน่ห์มากกว่า กีฬาอย่างว่ายน้ำเราควบคุมทุกอย่างได้คนเดียว ทั้งเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเราหรือผลการแข่งขัน แต่กีฬาทีมมันมีตัวแปรเยอะ ก็เลยรู้สึกว่ามันท้าทายมากกว่า”

นับจากนั้นชีวิตของ ดช.ภูพาน จึงเป็นเส้นทางสายตรง บ้าน-โรงเรียน-และอะคาเดมีฟุตบอล “ผมไปเล่นฟุตบอลที่อะคาเดมีชื่อเชียงใหม่ ซิตี้ ปกติวันจันทร์ -ศุกร์ เรียนหนังสือ พฤหัส-อาทิตย์ก็ไปอะคาเดมี ตอนแรกก็เล่นเพราะสนุก เล่นกับเพื่อนๆ ไปแข่งรายการต่างๆ บ้าง เพราะที่อะคาเดมีเขาจะสร้างเด็กขึ้นมาแล้วก็จะส่งไปคัดตัว เพื่อที่จะเข้าโรงเรียนกีฬาหรือโครงการต่างๆ ผมเองก็ถูกส่งไปคัดตั้งแต่อายุ 12”

นี่เองคือหนึ่งตัวแปรที่ชี้เป้าให้จุดหมายของภูพานเริ่มชัดเจน “ผมเข้าแข่งขันและติดหนึ่งในห้าของรายการ Play for Dream (เล่นเพื่อฝัน) รายการที่คัดเอานักฟุตบอล 5 คน จากทั่วประเทศไปประเทศอังกฤษ เพื่อดูนัดแดงเดือด (การแข่งขันพรีเมียร์ลีกระหว่าง 2 ทีมยักษ์ ใหญ่ ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) เป็นทริปเล็กๆ หาประสบการณ์ ที่ทำให้รู้สึกว่าความสามารถของเราก็ไม่ต่างจากนักกีฬาที่มาจากโรงเรียนกีฬา เพราะตอนนั้นพวกโรงเรียนกีฬาดังๆ ก็มาคัดกันเยอะ จากเราที่เป็นเด็กบ้านๆ มา พอมาคัดก็ไม่ต่างกันเยอะ มันอาจจะเป็นจุดประกายเล็กๆ ที่ทำให้ผมได้มีความมั่นใจมันเป็นไปได้ เส้นทางฟุตบอลมันเป็นไปได้”

หลังจากนั้นแววความเป็นแข้งทองรุ่นเยาว์เริ่มเปล่งประกาย ในวัย 13 ปีภูพานเกือบได้เริ่มต้นเส้นทางสายนักเตะกับสโมสรชลบุรี เมื่อเขาผ่านคัดตัวเยาวชนได้สำเร็จ แต่ในช่วงเวลานั้นทางครอบครัวยังเป็นห่วงอยู่จึงยังไม่ได้อนุญาตให้เขาออกเดินทางไปไกลบ้าน

“จนถึงตอนอายุ 15 ซึ่งเป็นจุดที่ผมเริ่มตัดสินใจคุยกับแม่แล้วว่า ฟุตบอลผมก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งพอกับเรียน ผมเอาจริงทางนี้ไปด้วยได้ ทางบ้านเริ่มยอมรับมากขึ้นว่าก็เราทำได้ ก็ตอนที่ผมติดเป็นผู้แข่งขันในรายการทีวีที่ชื่อ Goal สานฝันเด็กไทยไปเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ ของทางช่อง Work Point ที่คัดนักฟุตบอลจากทั่วประเทศแล้วคัดเอา 1 คนเท่านั้น ที่จะไปอังกฤษร่วมกับ Fox Hunt

ทุกๆ อีพีก็จะมีแมตซ์อุ่นเครื่อง แมตซ์แข่ง แล้วก็วัดเพอร์ฟอร์แมนซ์หลายๆ อย่าง ตอนอยู่ในรายการผมก็พยายามเอาแค่รอดในทุกๆ วัน ไม่ได้คิดว่าจะชนะเลย มามั่นใจเอาในวินาทีสุดท้าย ที่เขาพูดว่าคนที่จะไปจะต้องไปเพิ่มเรื่องร่างกาย แล้วคนที่ชิงกันอยู่มีผมตัวเล็กที่สุด ก็คงจะเป็นผมแหละ ที่บ้าน…แม่ก็เริ่มใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราเข้ารอบลึกเข้าไปเรื่อยๆ”

ภูพานในวันแห่งความทรงจำ

• ผู้ชนะหนึ่งเดียวจากรายการโทรทัศน์รูปแบบเรียลลิตี้โชว์ “Goal สานฝันเด็กไทยไปเลสเตอร์ ซิตี้”

การที่ได้รับเลือกครั้งนี้เป็นความฝันของเด็กผู้ชายครึ่งประเทศ ซึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญให้ภูพานได้ปลดล็อกและเปิดประตูสู่หนึ่งในโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิต ที่เรียกว่า  “Fox Hunt รุ่นที่ 2” เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมและใช้ชีวิตภายใต้การฝึกสอนอย่างมืออาชีพของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้

ชีวิตเด็กฝึกที่อังกฤษสำหรับภูพาน คือช่วงเวลาแห่งความพยายามรอบด้าน เพื่อฝึกฝนความเป็นนักเตะมินิจิ้งจอกสายพันธุ์สยามควบคู่ไปกับการเป็นนักเรียนนานาชาติระดับท็อป

“ผมเป็นเด็กเนิร์ดที่ขยันเรียน เวลามีสอบก็จะอ่านหนังสือ เพราะผมเป็นคนเดียวที่จะต้องเข้าไปเรียนกับชาวต่างชาติ ก็ต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่น ผมอาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้องถ้าเรียนกับคนไทย แต่พอไปเรียนกับชาวต่างชาติผมกลับเป็นที่โหล่ของห้อง ก็ต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่น

ผมให้ความสำคัญในความเชื่อเรื่องเหตุและผล เช่น การที่ผมติดทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เพราะว่าผมซ้อมหนัก ที่ผมสอบ IELTS ได้ดี เพราะผมอ่านหนังสือหนัก การที่เราทำเหตุให้ดี แม้มันจะไม่ได้การันตีว่าผลจะออกมาสำเร็จ แต่มันเพิ่มโอกาสให้เราเดินตรงไปสู่ผลนั้นมากขึ้น ผมไม่ได้บอกว่าถ้าทำตาม 1 2 3 4  จะได้ผลแบบ  5 6 7 8 อนาคตคือสิ่งที่เราทำนายไม่ได้ แต่มันเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ในอนาคต” แม้จะเอ่ยปากว่ายาก แต่ภูพานก็ทำผลงานออกมาได้ดีมาก เขาสอบ IELTS ได้คะแนนสูงระดับที่ใช้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษได้สบายๆ และยังคว้ารางวัลทางการศึกษา

“เขาจะมีการมอบเกียรติบัตรให้กับนักเรียน แต่ละวิชาจะเลือกนักเรียนที่ดีที่สุดขึ้นมา ผมได้เป็นนักเรียนที่ดีที่สุดของวิชาบีเท็ก ซึ่งเป็นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬา ผมมองว่ามันเป็นความสำเร็จ วันนั้นที่ทุกคนที่ถูกเลือกไปรับเกียรติบัตร มีพ่อแม่มาแสดงความยินดีเหมือนรับปริญญา เป็นวันที่ผมรู้สึกว่าประสบความสำเร็จด้านการเรียน อีกอย่างก็คือการได้รับเลือกให้เป็น “พรีเฟ็ค” คล้ายๆ คณะกรรมการนักเรียน

ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าได้ เพราะต้องแข่งกับคนทั้งชั้นเรียน โอกาสก็น้อยเพราะเราเป็นเด็กต่างชาติด้วย แต่สิ่งที่โรงเรียนมอง คือการที่มีเด็กไทยมาเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน อาจารย์เห็นว่าน่าจะหาใครสักคนที่พร้อมจะประสานงาน คอยดูแลเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อาจารย์คงมองเห็นว่าต้องมีตรงนี้ก็เลยเลือกผมไป ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จ ผมชอบความเป็นที่ 1 ชอบการแข่งขัน มันอาจจะมีทั้งด้านดีด้านเสีย ผมไม่รู้ว่านี่มันคือแรงขับเคลื่อนหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่า เวลาที่เราทำอะไรเราต้องทำให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นผมก็เลยเต็มที่กับทั้ง 2 ทาง”

แน่นอนว่า กับฟุตบอล อีกหนึ่งภารกิจหลัก ภูพานก็สร้างผลงานให้เป็นที่จดจำไม่แพ้กัน

“เรื่องฟุตบอล สำหรับผม นอกจากซ้อม ผมก็เข้ายิม วันอาทิตย์หรือวันหยุดก็จะชวนเพื่อนๆ อย่างภีม (ภีมวัจน์ ชีวยะพันธ์) ไปซ้อมฟุตบอลกันหรือไปวิ่ง แต่ผมว่าผมไม่ได้ทำคนเดียว การที่ได้ไปอยู่ตรงนั้นสิ่งแวดล้อมเป็นตัวที่ปรับพฤติกรรมของเราได้ดีมากๆ ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครที่ไปอยู่ตรงนั้น ก็จะทำตัวแบบผม ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไปวิ่ง ไปซ้อมนอกเวลา หรือเข้ายิม ทั้งทีมทำ ผมก็รู้สึกว่าผมไม่ได้ทำงานหนักไปมากกว่าใคร

คนอื่นอาจจะมองว่าผมทำงานหนัก แต่จริงๆ ทุกคนก็ทำเหมือนกัน ถ้าถามถึงความสำเร็จผมก็ได้รางวัล Player of the Year ตั้งแต่ปีแรกที่มา ส่วนปีที่ 2 มีการเล่นน้อยลง ด้วยอาการบาดเจ็บที่หลัง จนต้องพักไป 6 เดือน ก็เลยมีโอกาสน้อยที่จะชนะรางวัลนี้อีกครั้ง” อาการบาดเจ็บอาจจะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ได้สร้างโอกาสจากวิกฤตในชีวิตหนุ่มน้อยที่กำลังสานฝันสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

“อาการเจ็บหลัง ผมมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดตอนที่ไปอยู่ที่อังกฤษ เพราะว่านั่นเป็นประสบการณ์ใหม่ ณ ตอนนั้นเพอร์ฟอร์แมนซ์ของผมดีมาตลอด คงเส้นคงวา อยู่ในมาตรฐานมาตลอด แต่พอกระดูกสันหลังแตก ผมรู้สึกว่าเสียโอกาสไปหลายๆ อย่าง ผมเสียโอกาสการเล่นไป 6 เดือน และผมมีเวลาจำกัด การเสียโอกาสไป 24 แมตช์ซึ่งมันเยอะมาก

อีกสิ่งที่ผมรู้สึกแย่ที่สุดในช่วงนั้นก็คือ การที่ทุกวันเมื่อรักษาเสร็จแล้วเวลามันเหลือ ส่วนเพื่อนๆ เขายังซ้อมกันไม่เสร็จ ผมก็ต้องขึ้นไปดูเพื่อนซ้อม มันเจ็บปวดนะการที่ได้แต่ไปดูเพื่อนซ้อม หรือวันที่ต้องแข่งผมกลับต้องนั่งดู วันแบบนั้นมันว่างเปล่ามากจริงๆ เพื่อนๆ คุยกันเรื่องการแข่งขัน แล้วผมคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง ผมรู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง มันแย่มากจนกระทั่งผมได้พบอีกหนึ่งเส้นทาง

ตลอดระยะเวลาการรักษา 6 เดือน ทำให้ผมได้เห็นเคสย่อยๆ ของเพื่อนๆ คนอื่นๆ สิ่งที่ผมได้เห็นก็คือ ขั้นตอนทั้งหมดของการรักษา ตั้งแต่เริ่มเจ็บจนได้กลับเข้าไปเล่นอีกครั้ง รวมถึงตัวผมเองด้วยที่ผ่านขั้นตอนทุกๆ อย่าง และสร้างความเข้าใจในทุกขั้นตอน ผมรู้ว่าทำไมจะต้องใช้การออกกำลังกายแบบนี้ในวันนี้ ทำไมวันนี้ต้องทำเรื่องนี้ ทำท่านี้ ไม่ทำท่านี้ สิ่งที่ผมได้คือเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬากลับมาเยอะมาก และมันมีส่วนจุดประกายอีกหลายๆ อย่าง

ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ทุกคนสนับสนุนผมดีมากๆ ณ ตอนที่ผมรู้สึกแย่ ผมได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ และคนที่จริงใจกับเราจริงๆ ผมรู้สึกโตขึ้นในเรื่องของจิตใจ ความเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ จูเนียร์ ผมก็รู้สึกผูกพัน มันมีคำพูดที่ว่า “Once a Blue, always a Blue” ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แม้ว่าผมจะออกมาจากตรงนั้นแล้ว แต่ก็ยังสนับสนุนเลสเตอร์ ซิตี้ตลอด ผมรู้สึกว่าที่นั่นคือบ้านของเรา คือทีมของเรา ในอนาคตถึงผมไม่ได้เป็นนักฟุตบอลแต่ผมอยากเป็นบุคลากรในเลสเตอร์ ซิตี้ ยังอยากกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของทีม อีกครั้ง…เรียกว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดเลยก็ได้”

ภูพานในวันนี้..ที่กำลังสร้างวันเวลาที่ดีเพื่อวันข้างหน้า

• นาทีนี้ภูพานกำลังพยายามเต็มที่อีกครั้งในฐานะกองกลางกำลังสำคัญที่กำลังช่วยสโมสรสยามเอฟซี ลุยศึกไทยลีก 3

“ทีมสยามเอฟซี เป็นทีมเล็กและเพิ่งก่อตั้งมา 2-3 ปี ผมมองว่าสยามเอฟซี เป็นทีมที่เพิ่งเติบโต หลายๆ ทีมใหญ่อย่างท่าเรือหรือบุรีรัมย์ก็ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี กว่าที่จะมาถึงจุดนั้น และผมเห็นขั้นตอนที่จะเติบโตนั้นของสยาม เอฟซี ผมยังมองเห็นอนาคตกับทีมนี้ เหมือนเรากำลังปลูกต้นไม้ มีอยู่หลายอย่างที่มันยาก

ผมมองว่าด้วยอายุเท่านี้สิ่งที่ผมต้องการมากกว่าชื่อเสียงก็คือ การได้ลงเล่นในสนามมากกว่า การไปอยู่ทีมใหญ่ๆ เลย อาจมีทุกอย่างพร้อมครบครัน มันอาจจะสบายกว่า แต่ผมรู้สึกว่าการร่วมสร้างมันน่าจะภูมิใจกว่า

ภาพในอนาคตอันใกล้กับทีมนี้ ผมอยากเป็นแกนหลักของทีมในอีก 2 ปี และผมเชื่อว่าในอีก 2 ปี ข้างหน้าเราจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เราจะมีสนาม เราจะมีระบบอะคาเดมีที่มีรากฐานที่ดี ในอนาคตเราจะได้ไม่จำเป็นต้องหาซื้อนักเตะใหม่ๆ ต้องจ่ายเงินเดือนแพงๆ เราจะใช้นักเตะเด็กๆ ของเราที่มีทัศนคติในการทำงานที่สดใหม่ ที่มีไฟ ผมคิดว่าถ้าเรามีระบบที่ดี มีสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ครบครัน เพอร์ฟอร์แมนซ์เราจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ

ผมเชื่อในเหตุและผล และเชื่อในการวางแผนชีวิต  อีก 3 ปีข้างหน้าจะเห็นภาพเราเป็นอย่างไร  5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร มันดีนะที่วางแผนชีวิต ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ถึงเป้าหมายตรงนั้นจริงๆ แต่แผนตรงนั้นมันช่วยให้เรารู้ว่า เราตื่นมาเพื่ออะไร เราตั้งเป้าหมายในชีวิต แม้สุดท้ายแล้วถึงเราจะไม่ถึงเป้าหมายตรงนั้นก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยในทุกๆ วันที่ผ่านมา เราไม่ได้ใช้เวลาเปล่าประโยชน์

ผมยังเชื่อว่าการที่เราพยายามเดินไปสู่เป้าหมาย แม้เราไม่ถึงเป้าหมาย แต่สิ่งที่เราจะได้แน่ๆ คือประสบการณ์และการเรียนรู้ อีกเรื่องที่ผมเชื่อ คือทำทุกอย่างให้มันเต็มที่ เล่นฟุตบอลก็เล่นให้เต็มที่ เรียนก็เรียนให้เต็มที่ ถ้าเรามองที่เป้าหมาย มองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ มันสร้างไฟได้ดี ที่จะทำให้เราชนะ”

 

ทำความรู้จักภูพานเพิ่มอีกนิด

ปี 2021 สยาม เอฟซี

ปี 2020 สยาม เอฟซี

• ไทยลีก ลงสนาม 20 นัด (รายชื่อตัวจริง 15 นัด สำรอง 5 นัด) รวมเวลา 1364 นาที
• ออมสิน ลีก ลงสนาม 1 นัด รวมเวลา 26 นาที
• ช้าง เอฟเอ คัพ ลงสนาม 1 นัด รวมเวลา 90 นาที

ปี 2019 เชียงใหม่ เอฟซี

• โค้กคัพ ลงเล่น 4 นัด รวมเวลา 360 นาที ได้แชมป์ตัวแทนภาคเหนือ

สถิติตอนฝึกกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ

2018/19 – มีการแข่งขัน 59 นัด ลงเล่นไป 20 นัด คิดเป็น 34%

2017/18 – มีการแข่งขัน 44 นัด ลงเล่นไป 37 นัด คิดเป็น 84%

2016/17 – มีการแข่งขัน 27 นัด ลงสนามไป 7 นัด คิดเป็น 26%

• “ผมอยู่ตรงทางแยกที่ต้องรักษาสมดุลของทั้งการเรียนและกีฬามาตลอด”… ทุกวันนี้นอกจากเวลาที่ทุ่มให้กับทีมสยามเอฟซีแล้ว ยังต้องไปเต็มที่กับการเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ สาขาการจัดการกีฬา ควบกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งหลักสูตรผู้ฝึกสอนของสมาคมฟุตบอลฯ
• “ผมชอบกล้องฟิล์มเพราะว่ามันถ่ายได้ครั้งเดียว” …สำหรับผมมันคือรูปที่มีเสน่ห์ มันคือโมเมนต์ ผมคิดว่าโมเมนต์สวยกว่ารูปภาพ
• เพราะเป็นคนเชียงใหม่ ภูพานเลยอยากไปสัมผัสบรรยากาศทะเล อย่างมัลดีฟส์

Author

กฤษณา คชธรรมรัตน์

Author

นักเขียนที่ให้ความสนใจกับทุกเรื่องบนโลก อย่างละนิดอย่างละหน่อย บ่อยครั้งจึงวาร์ปไปเขียนเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน