Passion

เซ็คเกิ้น ธาวิน มหจินดาวงษ์
จากจิ้งจอกสยาม
สู่นักเตะสิงห์เจ้าท่า อนาคตไกล 

กฤษณา คชธรรมรัตน์ 16 Nov 2021
Views: 677

เซ็คเกิ้นธาวิน มหจินดาวงษ์ เปิดตัวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ในสมรภูมิไทยลีก ในฐานะกองกลางดาวรุ่งของสโมสรการท่าเรือ พร้อมหอบประสบการณ์ระดับอินเตอร์กว่า 5 ปี ทั้งจาก OHL สโมสรโอเอช ลูเวิน แห่งเบลเยียม และการได้รับเลือกผ่านโครงการ FOX HUNT รุ่นที่ 1 โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่ได้มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมปลาย ให้ไปเรียนที่ Ratcliffe College และฝึกกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมชั้นนำแห่งประเทศอังกฤษ มาเติมความสมบูรณ์ให้สิงห์เจ้าท่า และร่วมกันฟันฝ่าคว้าทุกชัยชนะเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า

ตอนไปอยู่อังกฤษ มีนักฟุตบอลที่เก่งมากๆ

ที่ผมยังไม่รู้จักอีกเยอะ

ตารางชีวิตผมตอนนั้นคือซ้อมเสร็จก็ต้องซ้อมต่อ

หรือก่อนซ้อมต้องมาซ้อมก่อน ทุกคนในทีมขยัน

เราเองก็ต้องพยายามด้วยตัวเอง

มุ่งมั่นและอดทน ต้องฝึกฝนให้ดี…”

ธาวิน มหจินดาวงษ์ นักเตะทีมการท่าเรือ เอฟซี
(นักเตะเยาวชนโครงการ FOX HUNT รุ่น 1)

 

ถึงชื่อเป็นที่สอง แต่เรื่องฟุตบอลไม่เป็นรองใคร

เซ็คเกิ้น เป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัว นั่นคือที่มาของชื่อเล่นของเจ้าตัว ที่สวนทางกับทุกความเป็นที่หนึ่งที่เขาครอบครอง

ผมเริ่มเล่นกีฬามาหลายอย่าง เพราะว่าพ่ออยากให้ออกกำลังกาย จนกระทั่งตอน 7 ขวบผมมาเตะบอล แล้วพบว่ามันสนุกก็เลยเล่นตั้งแต่เด็กมาเรื่อยๆ ตอนแรกไม่ได้จริงจังเลยครับ แต่ผมมีความสุขกับการเตะบอล พ่อเลยไปหาอะคาเดมีเล็กๆ ให้ลองฝึกดูชื่อ DX Academy ผมสนุกกับฟุตบอลมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย จนมาเริ่มจริงจังกับฟุตบอลช่วงประมาณ 10-12 ขวบ ที่ผมติดเยาวชนทีมชาติครั้งแรก”

 

หลังจากนั้นอีก 3 ปี จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเซ็คเกิ้นมาถึงด้วยคำว่าฟ็อกซ์ ฮันท์ 

“ผมเรียนที่อัสสัมชัญมาตั้งแต่ชั้นประถม 1 แต่ผมเป็นนักฟุตบอลที่เล่นให้กับทีมกรุงเทพคริสเตียน เพราะอะคาเดมีที่ผมไปฝึกเขาเป็นครูของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เขาก็เลยดึงผมไปเล่นให้ที่นั่น ทุกวันพอเลิกเรียนผมก็ใส่กางเกงน้ำเงินของอัสสัมฯ สะพายเป้ม่วงเดินเข้ากรุงเทพคริสเตียนที่เขาใส่กางเกงดำกัน ผมสนุกกับฟุตบอลทุกวัน แต่ก็มีจังหวะที่กระท่อนกระแท่น จนอยากเลิกเล่นบอลก็มีเหมือนกัน 

ตอนนั้นผมเป็นนักเตะที่ไม่ได้เล่นให้ทีมโรงเรียน แต่เล่นให้อะคาเดมี แล้วบางทีเขาไม่ได้ส่งแข่ง ไม่ได้มีแมตช์การแข่งขัน มันก็เลยเหมือนขาดการแข่งไปด้วย ช่วงนั้นผมติดเข้าไปเก็บตัวเยาวชนทีมชาติ 16 ปี แต่ว่าหลุดรอบสุดท้าย ก็เลยเหมือนผิดหวัง นาทีนั้นเหมือนมันต้องเลือกสักทาง จะเลิกเล่นฟุตบอลหรือไปเอาดีทางการเรียน ผมเหมือนจะหยุดแล้ว แล้วบังเอิญเจอโครงการ FOX HUNT ที่เหมือนดึงให้ผมกลับมาเตะบอลอีกรอบอย่างจริงจัง โครงการนี้คัดเลือกเยาวชนเพื่อไปฝึกที่อังกฤษ ซึ่งมันก็คือหนึ่งในความฝันอยากเป็น “นักฟุตบอลระดับโลก” ที่ผมมีตั้งแต่เด็กตอนเด็กๆ การได้ไปร่วมในโครงการ FOX HUNT อาจจะช่วยทำให้ความฝันเป็นจริง แล้วทำไมผมไม่ลองอีกสักตั้งล่ะ ก็เลยตัดสินใจสู้ต่อ”

ความสำเร็จก้าวแรกที่พาเซ็คเกิ้นข้ามทวีปไปสู่ยอดทีมแห่งอังกฤษ

“ตอนที่ไปอยู่อังกฤษ ผมว้าวมาก เพราะยังมีนักฟุตบอลที่เก่งมากๆ ที่ผมยังไม่รู้จักอีกเยอะ ตอนแรกก็ท้อนะว่าทำไมเขาถึงเก่งขนาดนี้ แต่ก็เหมือนได้ออกมาเปิดโลก เป็นการจุดไฟขึ้นอีกครั้ง ทำไมเราถึงเก่งแบบเขาไม่ได้ ทำให้ตัวเองต้องขยันมากขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มเข้ายิม ผมไม่เคยยกเวท ไม่เคยเสริมสร้างร่างกาย มาอยู่ยุโรปก็เป็นจุดเปลี่ยนทำให้ผมเริ่มเสริมสร้างร่างกาย แล้วยังเพิ่มไฟให้ตั้งใจมากขึ้น ทำให้ผมค้นพบว่าถ้าซ้อมได้มากก็มีโอกาสเก่งกว่าคนอื่น 

ตารางชีวิตผมตอนนั้น คือซ้อมเสร็จก็ต้องซ้อมต่อ หรือก่อนซ้อมต้องมาซ้อมก่อน ทุกคนในทีมขยัน ทุกคนมีจุดยืนไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร เราเองก็ต้องพยายามด้วยตัวเอง ต้องมีความมุ่งมั่นและอดทน ต้องฝึกฝนให้ดี นี่เป็นคติที่พ่อผมให้ผมท่องตลอด มุ่งมั่น ขยัน อดทน ฝึกฝนให้ดี ไม่เหลิง อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ยังมีคนที่เก่งกว่าคุณอีกมากเพียงแค่คุณยังไม่เคยเห็น ยังไม่เคยเจอเท่านั้นเอง 

การฝึกฝนที่นั่นสร้างประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดสำหรับผม นั่นคือการได้ไปซ้อมกับทีมเยาวชนของเลส เตอร์ ซิตี้ เราได้ลงสนามกับนักเตะที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ เราก็จะได้รู้ว่าจุดบกพร่องของเราคืออะไร และได้ฝึกกับโค้ชที่มีประสบการณ์มากอีกด้วย”

 

จากอังกฤษต่อยอดสู่ลีกยุโรป

ด้วยผลงานดีเยี่ยมที่ตลอด 2 ปีครึ่งกับการฝึกที่เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เซ็คเกิ้นได้รับเลือกให้ก้าวต่อไปสู่ลีกยุโรป ถือว่าเป็นนักเตะคนไทย 1 ใน 4 คนที่ได้รับโอกาสเซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับสโมสรโอเอช ลูเวิน ประเทศเบลเยียม 

“อีกหนึ่งความฝันของผมก็คือการได้ไปเล่นฟุตบอลในยุโรป และผมเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถ มีศักยภาพพอ ถ้าตอนอยู่อังกฤษผมเป็นนักเรียน การมาอยู่เบลเยียมคือการเป็นผู้ใหญ่ ผมต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำทุกอย่างเอง ขี่สกูตเตอร์ฝ่าความหนาวสุดทรมานไปซ้อมบอลเอง ทำให้ตัวเองรู้ว่าต้องทำอะไร นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมโตขึ้น” 

 

การทำงานกับ โอเอช ลูเวิน ก็สร้างให้เซ็คเกิ้นแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ

“ที่ลูเวินผมซ้อมกับทีมทุกระดับเลย ตั้งแต่เยาวชน 16 ปี 18 ปี 23 ปี การทำงานกับภาษาที่เราไม่เข้าใจ ตอนนั้นผมตัดสินใจเรียนควบคู่ไปกับการฝึกฟุตบอลด้วย ชีวิตก็เหนื่อยมากขึ้น มหาวิทยาลัยก็เรียนหนัก เช้าเรียนหนังสือ บ่ายซ้อมบอล บางทีถึงบ้านเที่ยงคืนตี 1 

วงการฟุตบอลทราบดีว่าลีกในเบลเยียมเป็นแหล่งผลิตนักเตะชั้นนำของยุโรป การแข่งขันมีสูงมาก ยิ่งเราเป็นคนเอเชียแรกๆ ที่ได้โอกาสเล่นที่ลูเวิน เราต้องพยายามมากกว่านักเตะท้องถิ่่น บางครั้งเหนื่อย ท้อ ร้องไห้หลายครั้งแต่ก็ลุกขึ้นสู้และพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด

หนึ่งในผลงานที่เกิดจากการไม่เคยหยุดพัฒนาของเซ็คเกิ้น คือการทำประตูช่วยทีมคว้าชัยชนะ  “วันนั้นเป็นการแข่งแมตช์อุ่นเครื่องนัดแรก แล้วผมยิงประตูเข้า ตอนนั้นก็ตกใจว่าเป็นแมตช์แรกเลย ถ้าไปดูคลิปจะเห็นผมชูมือขึ้นฟ้าเลย (OHL U-19 ชนะ Bierbeek 4-1)” เซ็คเกิ้นสู้ไม่ถอย อยู่ที่เบลเยียมเกือบ 3 ปี ความเป็นนักสู้ที่ท้อแต่ไม่เคยถอย ก็เข้าตาสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ทีมดังแห่งไทยลีก ที่ส่งเทียบเชิญข้ามประเทศ ให้เซ็คเกิ้นมารับหน้าที่กองกลางคนใหม่ของทีม

การท่าเรือ..นาวาลำใหญ่เตรียมส่งสู่ยอดคลื่นแห่งความสำเร็จ

“ผมย้ายมาทีมท่าเรือประมาณเกือบหนึ่งปีเต็ม ราว 10 เดือนที่ผ่านมาก็เริ่มลงตัวแล้ว แรกๆ ก็ยังเกร็งกับการไปทีมใหม่ เจอคนใหม่ๆ สภาพแวดล้อมใหม่ๆ เจอวัฒนธรรมใหม่ๆ แต่ตอนนี้ก็เริ่มคุ้นชินแล้ว ปรับตัวกับวัฒนธรรมทีมได้มากที่สุด เพราะแต่ละทีมก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป 

ผมปรับตัวทุกเรื่อง ทั้งพี่ๆ นักเตะ ทั้งทีมงาน ทั้งเจ้าของทีม เจ้าหน้าที่ทีม ระบบการฝึกซ้อม แล้วผมก็ยังใหม่กับฟุตบอลไทย ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านฟุตบอลไทยด้วย เลยต้องปรับตัวหลายเรื่องอยู่ครับ 

การมาเล่นในฟุตบอลไทยลีกเป้าหมายสูงสุด คือการที่ทำให้แฟนบอลมีความสุขครับ ก็คือการทำให้สโมสรชนะ ถ้าสโมสรชนะก็จะส่งผลไปถึงทีมงาน เพื่อนร่วมทีม เจ้าของทีม ทุกคนก็จะมีความสุขกันหมดเลย ก็เลยคิดว่าเป้าหมายสูงสุด ก็คือทำให้แฟนบอลมีความสุข และดีใจที่ได้เป็นแฟนบอลของทีมการท่าเรือต่อไป และนั่นจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้ผมไปถึงเป้าหมายสูงสุด คือการเป็นนักฟุตบอลที่ระดับโลก”

 

แพสชันอื่นๆ ของนักเตะชื่อ “เซ็คเกิ้น”

• ชอบอ่านการ์ตูนเรื่อง นารุโตะ และเรื่อง One Piece หรือพวกแนวจิตวิทยาก็อ่าน

• มีความสนใจทำธุรกิจอาหาร ตอนอยู่เบลเยี่ยมส่วนตัวชอบทำอาหาร ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยจนใครๆ ต้องยกนิ้วให้ 

• ชอบรองเท้ามาก โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบสีขาว 

• เรียนหนังสือไปเล่นบอลไป แต่ก็สามารถคว้าปริญญาสาขาบริหารธุรกิจจากเบลเยียมมาครองได้สำเร็จ

Author

กฤษณา คชธรรมรัตน์

Author

นักเขียนที่ให้ความสนใจกับทุกเรื่องบนโลก อย่างละนิดอย่างละหน่อย บ่อยครั้งจึงวาร์ปไปเขียนเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน