Passion

Dr.Jull
มิตรภาพบนเส้นทางศิลปิน

ศรัณย์ เสมาทอง 19 Sep 2025
Views: 509

Summary

เสน่ห์อย่างหนึ่งของดนตรีคือสื่อให้คนเข้าใจกันและรักกันได้ง่ายขึ้น เห็นได้ชัดใน THE POWER BAND 2025 SEASON 5 นี่เอง สมาชิกของบางวงที่เข้าประกวด คืออดีตคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่ปีก่อนๆ เมื่อมีโอกาสได้ฟังกัน ได้คุยกัน ได้ใช้ชีวิตใน THE POWER BAND MUSIC CAMP มาด้วยกัน จุดประกายให้อยากจับมือกันขึ้นเวทีวาดลวดลายด้วยกันบ้าง…Dr.Jull คือหนึ่งในนั้น

เสียงเพลงดังขึ้น…อยากหลับตาลงแล้วฟังเพลินๆ แต่ก็ไม่อยากละสายตาจากสมาชิก 5 คน ของวง “Dr.Jull” เลย เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของแต่ละคนมาแล้ว…ช่างไม่ธรรมดา!!!

เวที THE POWER BAND 2025 ครั้งนี้เป็น SEASON 5 แล้วที่ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือพันธมิตรในอุตสาหกรรมดนตรีอีกมากมาย จัดการประกวดดนตรีสากลขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ได้มีพื้นที่ในการแสดงพลังแห่งความเป็นไปได้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สานฝันสู่การเป็นศิลปินอาชีพ ภายใต้คอนเซปต์ MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES พลังดนตรี เป็นไปได้ ไม่สิ้นสุด ถ้าติดตามกันมาทุกปี อาจพอจำได้ว่าบนเวทีมีหลายคนที่เคยวาดลวดลายเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว

ข้าวหอม (ร้องนำ)

เปรม (กีตาร์)

ข้าวหอม – พนัชกร ภิรมย์ Frontman เคยมากับวง Chada Band เมื่อซีซัน 3 คว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นมัธยมศึกษา อ่านเรื่องของวง Chada Band คลิกที่นี่ เปรม – ธนยศ เจี่ยสกุล (กีตาร์) ก็ร่วมวง Chada Band ด้วยกันมาในปีนั้น แถมพ่วงรางวัล Outstanding Player ไปด้วย อ่านบทสัมภาษณ์เปรมกับรางวัลนี้ คลิกที่นี่ ส่วน ภูมิ – ภูมิกิติ ปราสาทวัฒนา (เบส) ก็เป็นหนึ่งคนที่ได้เข้ามาแสดงฝีมือในรอบไฟนอล เมื่อซีซัน 3 กับวง Aliceman อ่านเรื่องราวของวง Aliceman คลิกที่นี่ ตะลันต์ – ตะลันต์ วัฒนะจันทรกุล (กลอง) หลายคนอาจคุ้นชื่อ ถ้าลองเสิร์ชดูจะพบว่า เขาเคยชนะเลิศ Drum Solo เวทีระดับประเทศมาแล้ว ส่วน ตังค์ – เตชินท์ เลิศไกร (คีย์บอร์ด) ที่ยังใช้คำนำหน้าว่า ด.ช. ก็ผ่านเวทีใหญ่ๆ มาหลายแห่ง บางเวทีได้รับชัยไปมากกว่าหนึ่งรางวัลด้วย

ถึงบอกว่าไม่ธรรมดา จนไม่อาจละสายตา

ภูมิ (เบส)

ตะลันต์ (กลอง)

ข้าวตังค์ (คีย์บอร์ด)

 

พบ…กัน ใน MUSIC CAMP

ก่อนหน้าจะลงแข่ง THE POWER BAND ครั้งก่อน เปรมกับภูมิเจอกันตามเวทีแข่งอื่นๆ มาก่อน มีการขัดหูขัดตากันเพราะท่าทาง “มันเดินโยกๆ ดูกร่างๆ ผมไม่ค่อยชอบหน้ามันหรอก” จากคำพูดของสักคนหนึ่งในสองคนนี้พูดให้เราฟังแบบขำๆ แต่เมื่อวงของทั้งคู่เข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยกัน กิจกรรมสำคัญหนึ่ง คือ THE POWER BAND MUSIC CAMP เป็นโครงการของการประกวดครั้งนั้น ทั้ง Chada Band และ Aliceman ต้องนอนรวมกันกับอีกหลายวง ทั้งเป็นวัยรุ่นและต่างก็มีเลือดนักดนตรีเต็มเปี่ยม ความสนุกสนานก็บังเกิด อ่านเรื่องราวของ THE POWER BAND MUSIC CAMP 2025 ล่าสุด คลิกที่นี่

ภูมิ (เบส): ได้รู้จักกันแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นคนเก่ง เกิดอยากเล่นดนตรีกับมันด้วย

เปรม (กีตาร์): พอได้ไปนอนห้องด้วยกัน มิตรภาพมันบังเกิด ชอบอะไรเหมือนกันเยอะอยู่

ภูมิ (เบส): เข้าแคมป์แล้วได้ทั้งความรู้ ให้ทั้งเพื่อน มิตรภาพที่สานต่อกันมาหลายปีแล้ว เราก็ยังคุยกันอยู่

จากวันที่เล่นดนตรีด้วยกัน พูดคุยกันมากมายกว่าเรื่องดนตรี ทำให้หลายๆ คนเลิกลังเล แล้วตัดสินใจเลือกเรียนสายดนตรีต่อในระดับมหาวิทยาลัยอย่างมั่นใจ

“ตอนแรกยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไร” ข้าวหอมย้อนอดีตให้ฟัง “แต่ได้มา THE POWER BAND ซีซัน 3 ได้คลุกคลีกับดนตรีมากขึ้น เลยรู้สึกว่าทำอันนี้น่าจะดีที่สุด” วันนี้ ในซีซันที่ 5 เธอก้าวมาเป็นนักศึกษา ปี 1 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล “เรียนป็อปวอยซ์ ค่ะ (ดนตรีสมัยนิยม ขับร้อง)”

จากการประกวดครั้งนั้น วันนี้สมาชิกวง Chada Band เข้ามาเรียนที่นี่ 3 คน รวมถึงเปรมที่เรียนดนตรีสมัยนิยม (กีตาร์) ส่วนสมาชิกจากวง Aliceman เข้าเรียนที่นี่ถึง 4 คน ภูมิคือหนึ่งในจำนวนนั้น ก็ยังมุ่งมั่นเรียนเบส ในสาขาดนตรีสมัยนิยม “ผมเรียนกลองแจ๊ส ปี 2 แล้วครับ” ตะลันต์พี่ใหญ่ของวงรีบบอก

ส่วนข้าวตังค์ เด็ก 14 ยังเรียน ม.3 โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา จังหวัดภูเก็ต แต่เก่งกาจพอจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ๆ ตะลุยเวทีรุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปินอาชีพ (Professional Class: Road to Artist) ได้แล้ว

 

MUSIC CAMP ให้ทั้งความรู้…ให้ทั้งเพื่อน
เราเคยแข่งกัน แต่พอได้รู้จักกันจริงๆ
ก็เริ่มอยากเล่นดนตรีด้วยกันบ้าง”

วง Dr.Jull (นครปฐม) รุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปินอาชีพ
สนามกรุงเทพฯ THE POWER BAND SEASON 5

จาก MUSIC CAMP
สู่เส้นทางนักดนตรีรวมวงคนเก่ง!!
      

แรกสุดใน THE POWER BAND 2025 SEASON 5 ภูมิกับเปรมก็ได้แต่จดๆ จ้องๆ ไม่เตรียมวงกันเสียที จนวันหนึ่งเปรมไปแถวสยามสแควร์ “ไปดูดนตรีที่เล่นสยามสตรีต เห็นพี่ตะลันต์ตีกลองอยู่ดูเฟี้ยวดี เลยคุยกับภูมิให้ลองไปจีบพี่เขาดู” ฝั่งภูมิก็ไม่แย้งเลย “ผมชอบพี่ตะลันต์ตีกลองมาตลอดครับ เขาตีกลองเพราะ เป็นคนที่มาตรฐานแบบเสถียรมาก” พอเอ่ยปาก ตะลันต์ตกลงร่วมวงทันที

“ผมเก็บกดครับ เล่นแจ๊สมาเยอะเกินไปแล้ว ก็อยากจะตีป็อปบ้าง” ตะลันต์เดิมก็เป็นสายป็อป แต่หันไปเรียนแจ๊สเพราะอยากเรียนรู้แนวดนตรีใหม่ๆ “แจ๊สเป็นอะคูสติกล้วนๆ ผมอยากได้ทักษะกลองแบบแจ๊สเพิ่มเลยลงเรียนแจ๊ส”

ตะลันต์เกิดในครอบครัวดนตรี พ่อและแม่เป็นครูสอนดนตรี แม่จับเขาเรียนเปียโนมาก่อน “แต่ผมไม่ชอบครับ ผมน่ะชอบเคาะถังขยะ เคาะโน่น เคาะนี่ มาตั้งแต่ 2 – 3 ขวบ พอ 4 ขวบ ที่บ้านจับไปเรียนตีกลอง ก็เล่นมาตลอดเลย”

ชาว Dr.Jull พ่อแม่พร้อมสนับสนุนทุกอย่างถ้ารู้ตัวเองแล้วว่าอยากทำอะไร แต่เส้นทางนักดนตรีก็มีความฮาตามประสาวัยรุ่น

เปรม: พ่อให้เรียนมาหลายอย่าง เทนนิส กลอง กีตาร์ ฟุตบอล บาส ว่ายน้ำ แบด อีกเยอะเลย แต่มาจบที่กีตาร์ ชอบเพราะสบายที่สุด…ได้เล่นในห้องแอร์ (เหตุผลแบบนี้ก็ได้เหรอเปรม)

ตาลันต์: ความรู้สึกแบบเด็กๆ ทำให้ผมเคยขี้เกียจเรียนกลอง จะเปลี่ยนไปเล่นกีตาร์ แต่ก็…ขี้เกียจเหมือนกัน ก็เลยกลับมาตีกลอง (หืออ)

ข้าวหอม: หนูก็เป็น ตอนนั้นเคยเล่นอูคูเลเล่มาก่อน เกือบไปเรียนกีตาร์แล้ว แต่…ขี้เกียจ ร้องเพลงก็อายไม่กล้าแม้จะวอร์มเสียงกับครู (อะไรกันนี่…วงนี้) แต่ด้วยแม่เคยฝันอยากเป็นนักร้อง เลยพยายามให้ไปเรียนจนได้

ภูมิ: อยากเล่นเบสตั้งแต่ 2-3 ขวบ แต่แม่บอกว่าเล่นเบสเจ็บนิ้ว เลยเรียนเปียโนแทน (หืออออ) แล้วก็ย้ายไปเรียนตีกลอง จน ม.1 ได้ดูหนัง Bohemian Rhapsody ชอบมือเบสในเรื่องก็เลยหันไปเล่นเบสครับ

ข้าวตังค์: ตอนแรกผมเรียนกลองครับ (เสียงฮาครืน…วงนี้มีอะไรปกติบ้างไหม) ตอนนั้นเด็กมาก พอไปเรียนกลอง ผมกลัวเสียงครูมากเลยเลิกเรียน

ยังดีนะที่บ้านข้าวตังค์ชอบร้องเพลงสนุกสนาน น้องเลยได้นั่งดูคาราโอเกะที่พ่อเปิดตั้งแต่เด็ก “ตั้งแต่ขวบเดียวมั้งครับ พ่อชอบร้องเพลง ผมก็นั่งจ้องตัวหนังสือคาราโอเกะที่วิ่งไปมา ดนตรีเลยเข้าหัวมาตลอด” พ่อก็ให้เขาลองเล่นเมโลเดียน (เครื่องเป่าที่มีคีย์แบบเปียโน) แกะเพลงเพื่อเล่นกับพ่อ ก่อนจะขยับมาเรื่อยๆ จนเป็นเซียนคีย์บอร์ดในวันนี้

ที่มา…แปลกทุกราย!!!

“เราต้องดูทุกคนว่าแต่ละคนคาแรกเตอร์เป็นยังไง
การใช้ชีวิตกับไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน
แล้วทำเพลงให้เหมาะกับทุกคน”

 

“แค่…อยากได้แชมป์”

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนใน Dr.Jull ฝันอยากเป็นศิลปิน มีบางจังหวะก็ฝันว่าจะต้องคว้าแชมป์ THE POWER BAND ให้ได้สักครั้ง แต่ความยากอยู่ที่เขารวมตัวกันไม่นาน อีกทั้งข้าวตังค์ก็เรียน ม.3 ที่ภูเก็ต หากจะซ้อมด้วยกันก็ต้องบินมาซ้อมตอนสุดสัปดาห์ วงนี้จึงมีตัวละครลับอยู่อีกหนึ่ง คือ จูน – ภูมินรินทร์ สุวรรณวงศ์ พี่ปี 2 เพื่อนของตาลันต์ มาช่วยเป็นไดเรกเตอร์ให้กับวง ซึ่งจูนเองก็เคยขึ้นเวที THE POWER BAND กับวง “คนใดที่ถูกเจียว” มาแล้ว ย้อนอ่านบรรยากาศการแข่งขันในครั้งนั้น คลิกที่นี่

“การประกวดในคลาสนี้ไม่ใช่แค่เรื่องดนตรี” เขาหมายถึงรุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปินอาชีพ (Profession Class: Road to Artist) “แต่ต้องมีความเป็นศิลปิน เราต้องมานั่งดูทุกๆ คนนะครับ ว่าคาแรกเตอร์เขาเป็นยังไง การใช้ชีวิตกับไลฟ์สไตล์ เขาเป็นแบบไหน ก็หาทางแสดงออกให้เหมาะที่สุด”

เพลงที่วงนำมาเล่นในการประกวด คือ Not Romantic ของ NONT และ Priority ของ DREAMGALS “มันเป็นอาร์แอนด์บี” เปรมอธิบาย “แต่เป็นอาร์แอนด์บีที่ออกป็อปอยู่นะครับ อะไรที่เป็นโครงใหญ่เราเก็บไว้หมด แต่เราเพิ่ม expression ที่อยากสื่ออารมณ์ให้ถึงคนดูเข้าไป อยากให้การเล่นของเราเป็นไลฟ์แบนด์ ไม่ใช่แบบฟังมิกซ์มาสเตอร์ครับ”

แต่จูนก็ยังกังวลเพราะเขาเป็นคนฟังภาพใหญ่มาตลอด “ด้วยฮอลล์ที่นี่ (สนามกีฬานิมิบุตร) มันรีเวิร์ส ค่อนข้างเยอะครับ แล้วพอเล่นเพลงกรูฟสั้น เบสมันก็บวม ทุกอย่างที่ควรจะสั้นมันยาวไปหมดเลยครับ กังวลกับน้องอยู่ แต่พอเล่นเพลงสอง เหมือนความมั่นใจเริ่มมาอาจจะเริ่มชินสถานที่” ช่วยดูแลกันขนาดนี้ น้องถึงนำชื่อจูนมาตั้งเป็นชื่อวงเสียเลย

เรื่องฝีมืออาจจะวางใจทุกคนได้ แต่เรื่องการแสดงออกในฐานะศิลปินดูจะสำคัญมากที่สุด “คิดว่าทำให้เป็นตัวเอง แล้วมีความมั่นใจ มันก็น่าจะดีที่สุด” ข้าวหอมคิดอยู่นานก่อนจะตอบ “เราไปสุดได้มากกว่านี้อีก เชื่อว่าเราไปได้มากกว่านี้อีก”

ภูมิเริ่มพูดจริงจัง “ตอนนี้เราน่าจะมองเห็นภาพรวม ภาพใหญ่เป็นภาพเดียวกันแล้ว ที่ผ่านมาเราอาจจะยังไม่เข้าใจในสไตล์ของเราชัดๆ หลังจากเล่นวันนี้แล้ว คิดว่าคงจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม”

“แต่วันนี้เซอร์ไพรส์คือ ข้าวหอมร้อง High Note ดีมาก มันเสถียรกว่าทุกวันที่เคยร้อง” เปรมชมเพื่อน ข้าวหอมยิ้มกว้าง “มันเรียกว่าปรากฏการณ์หน้างาน” พูดไปหัวเราะไป

ความสดใสของ Dr.Jull เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เขาเล่นดนตรีกับแบบไม่ได้กังวล มีความสุขบนเวทีก็คือที่สุดแล้ว “เราไม่คิดอะไรเลย” ใครสักคนเอ่ยปาก “แค่…อยากได้แชมป์”

อ่อ…นึกว่าไม่คิดเสียอีก จะรอแสดงความยินดีนะ

 

สมาชิกวง Dr.Jull  มีดังนี้

• ข้าวหอม – พนัชกร ภิรมย์ (นักร้อง) อายุ 18 ปี
เรียนปี 1 สาขาดนตรีสมัยนิยม (ขับร้อง) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

• เปรม – ธนยศ เจี่ยสกุล (กีตาร์) อายุ 18 ปี
เรียนปี 1 สาขาดนตรีสมัยนิยม (กีตาร์) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

• ภูมิ – ภูมิกิติ ปราสาทวัฒนา (เบส) อายุ 18 ปี
เรียนปี 1 สาขาดนตรีสมัยนิยม (เบส) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

• ตะลันต์ – ตะลันต์ วัฒนะจันทรกุล (กลอง) อายุ 19 ปี
เรียนปี 2 สาขาดนตรีแจ๊ส (กลอง) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

• ข้าวตังค์ – เตชินท์ เลิศไกร (คีย์บอร์ด) อายุ 14 ปี
เรียน ม.3 โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา จังหวัดภูเก็ต

วง Dr. Jull เลือกใช้เพลงในการประกวด THE POWER BAND 2025 SEASON 5 คือ เพลง Not Romantic ศิลปิน NONT (ค่าย LOVEiS Entertainment) และ เพลง Priority ศิลปิน Dreamgals โปรเจกต์พิเศษของสามสาว Milli, Flower.far และ GALCHANI (แป้ง) (ค่าย YUPP!)

Author

ศรัณย์ เสมาทอง

Author

นักเขียนและผู้ผลิตรายการเชิงสารคดีอิสระ ชอบตะลอนเวิร์กตามที่ต่าง ๆ พร้อมเล่าเรื่องระหว่างการเดินทาง และบ่อยครั้งก็บันทึกประสบการณ์เป็นบทกวี

Web Editor

ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ

Web Editor

บรรณาธิการเว็บ Thaipower.co อดีตบรรณาธิการบางสำนัก นักข่าวและคอลัมนิสต์จำเป็น โกสต์ไรเตอร์...ผู้รักการเดินทาง หลงใหลกลิ่นกาแฟ และเป็นมูฟวีเลิฟเวอร์

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ