Passion

Perfect Child Band
วงเด็กสมบูรณ์ที่เกิดจากความไม่สมบูรณ์ …
แต่ดันเพอร์เฟกต์!!!

อลิษา รุจิวิพัฒน์ 27 Apr 2023
Views: 494

คำเตือน…บทความนี้คุณจะพบเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) เยอะมาก! และถ้าได้ฟังเสียงสัมภาษณ์แบบไม่เซนเซอร์อะไรออกเลย คำอุทาน “บ้าบอ” จะเป็นวลีที่จะมาถึงหูเรา เยอะถึงเยอะที่สุด

ไม่ให้ตกใจยังไงไหว เอาจริงๆ ถ้าไม่ถามใครจะเชื่อว่า ‘Perfect Child Band’ วงดนตรีชาย (ไม่) ล้วน มีสมาชิกจำนวน 11 ชีวิต “เด็กดนตรี” จากรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา คณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมและเสียงชมจากกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์ด้วยการนำเอกลักษณ์ถิ่นใต้อย่างโนราห์มาผสมผสานในเพลงป็อปได้อย่างลงตัวนั้น

พวกเขาเป็นวงดนตรีที่เพิ่งมาร่วมตัวกันเฉพาะกิจไม่ถึง 1 เดือน! เราชวนสมาชิก 5 คน ทั้ง ทัพ-ทัพสาร รัตนพงศ์ (กีตาร์)  บิ๊บ-ธญเทพ สมรูป กับ เอส-บุรินทร์ จีนโชติ (สองนักร้องนำ วงยังมีนักร้องเสียงประสานหญิงอีก 1 คน) โอน-พงศกร ทองแดง (ทรอมโบน)…. และแม่น-พงศกร พรหมสุข (คีย์บอร์ด) เป็นตัวแทนวงมานั่งล้อมวงคุยกัน

ทั้งจังหวะการรับส่งบนเวทีที่ดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหมือนซักซ้อมกันมานานนับปี แต่ความจริงคือ  “เราเพิ่งรวมตัวกันก่อนประกวดไม่ถึงเดือนเลยครับ”

“มีพีคกว่านั้นอีกครับ รอบที่ต้องส่งคลิปเข้าประกวด ซ้อมกันแค่อาทิตย์เดียวหลังจากรวมตัวและอัดเพลงส่งวันสุดท้ายพอดี”

เล่าในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวันออดิชัน สนามที่ 4 จังหวัดสงขลา แม้ว่าวันนั้นคณะกรรมการจะบอกว่าทุกวงเล่นดีสูสี แต่ในความสูสีนั้น Perfect Child Band ก็มีความโดดเด่นไม่น้อยหน้าใคร

 

วงในฐานะ “เจ้าบ้าน”

จะบอกว่าเป็น “วงเหย้า” เจ้าบ้านสนามแข่งเลยมีภาษีดีกว่า “วงเยือน” ก็ไม่เชิง เพราะหนึ่งใน คอมเมนต์ของคณะกรรมการยังบอกว่า “คาดไม่ถึงว่าพวกคุณสามารถนำโนราห์มาใส่ในเพลงและทำได้ดีขนาดนี้” การันตีได้ข้อหนึ่งว่าที่พวกเขาได้เป็น 1 ใน 2 ทีมที่ได้ไปแข่งต่อที่สนามกรุงเทพฯ มาจากความสามารถล้วนๆ ไม่มีดวงผสม

ก็เพราะความสามารถที่เห็นเต็มตาและได้ยินเต็มสองหู ถึงกับต้องอุทานว่า บ้าบอ! เมื่อรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่วงดนตรีที่เคยร่วมหัวจมท้ายเดินสายการประกวด แต่เพิ่งมารวมวงกันได้ไม่ถึงเดือน แล้วความสามัคคี  บนเวทีที่เห็นทำยังไงไหนเล่า!

“ไม่รู้เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วยหรือเปล่าเลยค่อนข้างรู้ใจกัน ผมว่าทุกคนมีเหมือนกันคือความจริงใจ เราพูดกันตรงๆ เราจะไม่ปิดกั้นความคิดเพื่อน ตัวผมเองบางครั้งก็ไม่ได้เอาไอเดียเพื่อนมาใช้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราก็คุยกันด้วยเหตุผลครับ โชคดีที่ทุกคนเปิดใจและรับฟัง พอไม่มีอะไรค้างคาใจ ทำให้เรามองไปที่เป้าหมายเดียวกัน” ทัพ มือกีตาร์เล่า

ในขณะที่ บิ๊บ นักร้องร่างเล็ก (คนกลางภาพด้านบน) เสริมว่า “ทุกคนใน Perfect Child Band ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมวง แต่พวกเราคือเพื่อนกันจริงๆ ตอนอยู่บนเวทีเลยรู้สึกเหมือนกำลังสนุกกับเพื่อนมากกว่าโฟกัสไปที่แพ้ชนะ”

 

ก็พรสวรรค์นั่นแหละ!

ถึงพวกเขาจะถ่อมตนและยกความดีความชอบให้กับมิตรภาพในวัยเยาว์ แต่การจะทำให้กลอง กีตาร์ คีย์บอร์ด เปียโน แซกโซโฟน ทรัมเป็ต และทรอมโบน บรรเลงโน้ต และรับส่งกันได้อย่างลื่นไหล รวมถึงการจัดวางจังหวะการแสดงบนเวทีได้อย่างลงตัว เล่นเอาคาดเดาไม่ได้เลยว่าใครกันคือพระเอกของวง ภาษาบ้านๆ เรียกสิ่งนี้ว่า “พรสวรรค์”

ย้ำอีกครั้งนี่เป็นการร่วมวงครั้งแรกของพวกเขา! ทัพ (ภาพเดี่ยวคนถือกีตาร์ข้างบน) ผู้รวมพลเหล่า Avenger เล่าว่า ตอนแรกวงไม่ฟูลขนาดนี้ ดีที่อาจารย์ที่คณะมาช่วย และบอกว่าซาวนด์บางไป ถ้าใส่เครื่องสายเข้าไปหน่อยให้กลายเป็นสตริงคอมโบจะทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของดนตรีแนวป็อปผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้าน รวมถึงชื่อวง “Perfect Child Band” แปลตรงตัวได้ว่า “เด็กสมบูรณ์” ซึ่งมาจากเอกลักษณ์ของสมาชิกในวงที่มีความจ้ำม่ำ ความเจ้าเนื้อ ความ chubby น่ารักน่ากอด

 

โนราห์มาแบบไม่ตั้งใจ

นี่ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้อีกเช่นกัน เพราะเข้าใจว่าการผสมผสานดนตรีไทยพื้นถิ่นของคนใต้ในเพลง ‘กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง’ ของ Perfect Child Band ที่ครองใจคนดูในวันนั้น เป็นไอเดียเรียกเสียงฮือฮาจาก
คณะกรรมการที่วงตั้งใจคิดกันขึ้นมา

“บังเอิญล้วนๆ ครับ” บิ๊บ เล่า “ตอนแรกยังคิดว่าจะให้เอส (นักร้องร่างท้วมเสียงนุ่ม) ร้องแร็ป เพราะเขาถนัด ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ๆ คนที่เล่นทรัมเป็ตก็เล่นจังหวะเพลงโนราห์ขึ้นมา ในห้องคือเงียบ
เข้าเฉย! (หัวเราะ) จังหวะดีมีรุ่นพี่เดินมาได้ยินก็บอกว่า จัดเลยน้อง แล้วพี่ๆ ก็มาช่วยแต่งกลอนโนราห์ ทุกอย่างลงล็อก”

สมาชิกในวงคนอื่นๆ ยังช่วยกันเล่าต่ออีกว่า ตอนแรกพวกเขากะจะเป่าปี่ใส่เข้าไปในเพลงด้วย
แต่ทุกคนในวงเรียนดนตรีสากลหมด ไม่มีใครเล่นปี่เป็น…หาคนเป่าปี่ยาก เลยพลิกแพลงใช้คีย์บอร์ดในท่อนนั้นแทน

“แต่เพลงที่เลือกประกวดเราตั้งใจเลือกนะครับ มีสตอรี่ด้วย” ทัพเล่าต่อว่า ตอนเลือกเพลงเพื่อทำคลิปส่งคัดเลือกจะเลือกจากบุคลิกของนักร้องเป็นหลัก “แต่รอบออดิชันเราคิดคอนเซปต์ขึ้นมา เพลงแรกเป็นเพลง   ‘บอกรัก’ พอบอกรักแล้วก็บอกแมนๆ ไปเลยว่า อยากจีบแหละแต่ไม่มีตังค์นะ อยู่กับเราได้ไหม เลยออกมาเป็นสองเพลงนี้”

บทหนักที่ไม่หนักใจของสองนักร้อง สองสไตล์

หลังจากที่วงเลือกเพลงประกวดได้แล้ว สเต็ปต่อมาคือการหาว่าใครร้องเพลงไหนเข้าปากที่สุดและถ่ายทอดเรื่องราวในเพลงได้ตรงโจทย์สุด “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง เป็นเพลงสนุกอยู่แล้ว ผมเลยดีไซน์ตั้งแต่คาแรกเตอร์ของตัวเองให้เป็นคนบ้าๆ หลุดๆ เต้นยังไงก็ได้ให้ดูสนุกแล้วก็หาพร็อพให้ดูน่าสนใจ
ยิ่งขึ้น ท่อนโนราห์ผมไม่เคยร้องโนราห์มาก่อนด้วย ท้าทายมาก และตอนแรกๆ ที่มาร่วมวงปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไร ปกติผมไม่ค่อยร้องเพลงกับดนตรีเล่นสด พอต้องมาร้องกับวงที่ทุกคนก็เล่นแต่ละครั้งก็มีอะไรใหม่ๆ มาตลอด แรกๆ ก็งงครับ แต่พอร้องไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจับจังหวะได้ ถึงเวลาเราจะน้อยแต่ทุกครั้งที่ซ้อมคือต้องเอาจริง จนกระทั่งเข้ากันได้” บิ๊บ เล่า

ในขณะที่เอส นักร้องนำชายของวงอีกคนหนึ่ง(คนขวาสุด)…เด็กหนุ่มผู้ที่ไม่สามารถร้องเพลงได้หลากหลายแนว เลือกใช้น้ำเสียงทุ่มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ถ่ายทอดเนื้อร้องสุดออดอ้อน จนเผลอนึกว่ากำลังฟัง ป็อป-ปองกูล บอกว่า “โชคดีที่อาจารย์มาช่วยดีไซน์การร้องให้ด้วยครับ การออกเสียงไดนามิกหนักเบาท่อนไหน แล้วให้เรารู้สึกไปกับเพลง ออกมาจากอินเนอร์ โปรยยิ้มเข้าไว้ ให้คิดว่ากำลังร้องเพลงจีบสาว”

 

เครื่องปรุงต่างรสชาติ

พาร์ตเครื่องดนตรีของ Perfect Child Band ก็ทำให้คนดูทึ่งไปหลายจังหวะ โดยเฉพาะตอนที่ทุกเครื่องดนตรีเปิดทางให้ แม่น มือคีย์บอร์ดหนึ่งเดียวของวงอิมโพรไวส์ เขาสารภาพว่า “มันมีความไม่พร้อมอยู่มากสำหรับผม เพราะต้องเล่นเสียงปี่ที่ต้องไปอัดเอง และมีเปียโนไม่กี่ตัวที่จะทำเสียงแบบนั้นได้ ก่อนขึ้นโชว์ก็ภาวนาอย่าให้เปียโนตัวนี้พัง ด้วยความกังวลเลยเอาเปียโนและคีย์บอร์ดขึ้นเวที 3 ตัวเลยครับ (หัวเราะ)”

“เวทีนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่าที่ตัวเองคิด จริงๆ ผมมาสายดนตรีคลาสสิกเล่นตามโน้ตเป๊ะๆ แต่ตอนอยู่บนเวทีผมกล้าที่จะอิมโพรไวส์ไปตามความรู้สึกตอนนั้น แอบเครียดเหมือนกัน เพราะเทียบกับคนอื่นๆ ผมด้อยสุดแล้วเรื่องอิมโพรไวส์ แต่ก็ผ่านมาได้ ชอบที่คณะกรรมการบอกว่า อย่าปิดกั้นตัวเอง”

ด้าน ทัพ มือกีตาร์ บอกว่า กว่าจะได้ดนตรีที่สะท้อนเอกลักษณ์ของวงไม่ง่ายเลย เขากับแม่นต้องช่วยกันเขียนโน้ตและดีไซน์ท่อนต่างๆ ก่อนจะปรึกษาเพื่อนๆ ในวง ซึ่ง โอม (มือทรอมโบนคนซ้ายสุดในรูป) ที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของทีมเครื่องเป่าก็ยอมรับว่า ถึงพวกเขาทั้ง 3 จะมีเวลาซ้อมน้อยแต่ก็สู้ไม่ถอย เพราะคิดว่าเครื่องเป่าจะเป็นเครื่องปรุงรสที่ช่วยให้ Perfect Child Band กลมกล่อมยิ่งขึ้น

 

แพสชันวันวานสู่ความฝันยิ่งใหญ่ในวันนี้

หนึ่งในสมาชิกวงพูดขึ้นมาว่า “ดนตรีไม่ถูกไม่ผิด เราจะใส่อะไรไปก็ได้” จบประโยคทุกคนก็พยักหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนที่ทัพจะเล่าว่า “ผมรู้จักดนตรีเพราะตามเพื่อนมาเข้าวงโยธวาทิต แล้วมีอาจารย์คนหนึ่งมาถามผมว่า อยากเล่นดนตรีเก่งเหมือนรุ่นพี่หรือเปล่า ง่ายๆ เลยนะแค่ขยันซ้อม ที่ผมอยากเก่งไม่ใช่ไรครับ ตอนนั้นไม่อยากโดนซ่อมยกวง มันเหนื่อยครับก็เลยตัดสินใจ เอาวะขยันซ้อมจะได้ไม่โดนด่า ไม่รู้ทำไมซ้อมไปซ้อมมาผมก็เริ่มชอบมันมากขึ้น ฝันของผมคือเป็นครูสอนดนตรีครับ แต่ตอนนี้เป้าหมายผมคือ มองหาเวทีประกวด โอกาสไหนมาคว้าได้คว้าไว้ก่อน เพราะประสบการณ์อาจพาเราไปเจออนาคตแบบไหนก็ได้”

ส่วนเอส บอกว่าแพสชันของตัวเขามาจากความชอบล้วนๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ “ฝันของผมคล้ายกับทัพครับ อยากเผยแพร่ความรู้ให้เด็กๆ ที่ไม่มีโอกาส อยากให้พวกเขาได้ฟังดนตรี แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นศิลปินเหมือนกันครับ”

แพสชันของแม่น(ภาพขวา) ถูกปลุกเมื่อได้เห็นรุ่นน้องกลายเป็นนักดนตรีฝีมือดี “ผมบอกกับเพื่อนเลยว่าจะเล่นดนตรีให้เก่งให้ได้ ตอน ม.2 ก็ไปเข้าวงโยธวาทิตก่อนแล้วมาเริ่มเล่นคีย์บอร์ดจริงจังตอน ม.4 ตอนนั้นยังเล่นแต่เพลงลูกทุ่ง จนไปเจอพี่คนหนึ่งในเฟซบุ๊กลงคลิปเล่นเปียโนได้โหดมาก ผมรีบทักแชตไป พอเขาตอบผมก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ทันที ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดพอดี ผมเลยมีเวลาซ้อมเยอะมากจนอินกับเพลงคลาสสิก ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเป็นนักดนตรีไปเรื่อยๆ ไม่ต้องดังก็ได้ แค่หาเงินได้และได้อยู่กับดนตรีผมก็พอใจแล้วครับ”

ด้านบิ๊บ สิ่งที่กระตุกแพสชันให้เขาชอบดนตรีคือ “ความรักครับ ไปเจอรักแรกแล้วในความรู้สึกอยากโชว์ว่าตัวเองมีดีอะไร ก็คือการได้ขึ้นร้องเพลงบนเวที ม.ปลาย ฝันผมตอนนี้คือถ้าเกิดได้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงก็คงจะดี คงเป็นจุดสูงสุดในชีวิตที่ผมอยากจะไปให้ถึง”

เมื่อประตูแห่งโอกาสบานแรกเปิดออก

ประโยคต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องหมายตกใจอีกต่อไปแล้ว เพราะเป็นไปตามคาด ชื่อของ Perfect Child Band ถูกประกาศให้เป็น 1 ใน 2 วงที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

“คิดอยู่เหมือนกันว่าพวกเราน่าจะผ่านเข้ารอบ แต่ก็ลังเล เพราะก็มีจุดผิดพลาดอยู่ด้วย” หนึ่งในสมาชิกของวงพูดขึ้นมาเมื่อเราถามว่า คิดไหมว่าวงจะเข้ารอบ

“ผมถ่ายคลิปไว้เลย เพราะเชื่อว่ายังไงก็เข้ารอบแน่ๆ ตอนซ้อมเคยถอดใจเพราะเล่นผิดบ่อย แต่ตอนอยู่บนเวที ผมกลับรู้สึกว่าเราเต็มที่และมีความสุขกว่าตอนซ้อม ไม่รู้ทำไม แต่ผมสนุกมากตอนอยู่บนนั้น ตอนลงจากเวทียังพูดกันเลยว่า “เฮ้ยแม่งโคตรมัน” ก่อนประกาศผลเลยมั่นใจว่าได้แน่ๆ เลยถ่ายคลิปเอาไว้ตั้งแต่งานเขาเริ่มประกาศ สุดท้ายก็ได้เข้ารอบจริงๆ ดีใจมากๆ” แม่นเล่า และ เอสก็เสริมว่า “ตอนรอผลคิดว่าน่าจะผ่านแหละ 3 ใน 4 แต่พอประกาศว่าเอาแค่ 2 ใน 4 เอ๊า…ลุ้นแล้วดิ แต่พอได้ยินชื่ออยู่ในวงเข้ารอบ โหย มันโล่ง หายเหนื่อยเลยที่ซ้อมมา”

หนึ่งในสมาชิกวง พูดขึ้นมาว่า “เพราะเรามีเอกลักษณ์ไงและเราไม่ซ้อม (หัวเราะครืน) จริงๆ เราก็ซ้อมหนักนะ แต่มันควรจะหนักได้มากกว่านี้ เพราะมีเวลาน้อยด้วยและทุกคนก็เพิ่งมาร่วมตัวกัน ก็เหมือนที่แม่นบอก สุดท้ายแล้วเราแค่มีความสุขกับมัน ไม่รู้อันนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้มันออกมาดี”

เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ชนะใจกรรมการ ทุกคนตอบแทบจะเหมือนกันว่า “ภาษาใต้ที่ใส่ลงไปในเพลงโนราห์ และซาวนด์ที่เราดีไซน์ลงไปให้มันมีเสน่ห์ของชาวใต้ ไม่อยากเรียกว่าจุดแข็ง แต่มันคือเสน่ห์ที่ใครเลียนแบบไม่ได้มากกว่า”

“ผมบอกกับคณะกรรมการตอนได้รับคอมเมนต์บนเวทีว่า ถ้าได้ไปแข่งรอบตัดสินที่กรุงเทพฯ พวกเราจะไม่ทิ้ง ‘ความเป็นใต้’ และจะทำให้เห็นว่ามันมีเสน่ห์ขนาดไหน ตั้งตารอได้เลยครับ” ทัพ บอกด้วยสายตามุ่งมั่น

พอแอบหลอกถามในตอนนั้นว่าเตรียมทีเด็ดอะไรไปโชว์สนามตัดสินพวกเขาบอกว่า “เสน่ห์ของพวกเรานี่แหละครับ (หัวเราะ) ผมกำลังจะบอกว่า เทคนิคสำหรับพวกเราไม่สำคัญเท่าเอกลักษณ์ครับ อย่างเพลง ‘กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง’ ไม่ได้โชว์เทคนิคอะไรมาก แต่เราทำให้เพลงง่ายๆ มีลูกเล่นในเพลงนั้นๆ ทำให้มันเป็นเพลงของวงเราให้ได้”

 

Dream it, Do it กล้าฝัน กล้าทำ

นอกจากพรสวรรค์ สิ่งที่ Perfect Child Band มีก็คือ “ความกล้า” แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้พวกเขากลัวขนาดไหนก็ตาม “สำหรับใครก็ตามที่มีฝัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือทลายกำแพง อย่าไปกลัว อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้ ให้คิดว่าทำได้ไว้ก่อน แล้วเราก็จะทำมันได้ คุณไม่ต้องรอให้พร้อมวันที่คุณพร้อม โอกาสอาจจะไม่มีแล้วก็ได้”

“ยิ่งถ้าคุณอยากมาแข่งเวทีนี้ พวกเรากล้าพูดได้เลยว่ามันเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกคน มีความสามารถอะไรงัดออกมาโชว์เลย และทำวงยังไงก็ได้ อย่าให้เหมือนวงคนอื่น แล้วคุณจะประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว”

ก่อนปล่อยตัวให้พวกเขาแยกย้ายกันไป Thaipower.co ขอทิ้งท้ายกับพวกเขาสักอีกหนึ่งคำถาม…
“แผนหลังจากนี้คืออะไร?” เราถามไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาโชว์ทีเด็ดทิ้งทวนกันที่รอบ Final

คำตอบที่ได้รับอาจไม่ถึงกับเซอร์ไพรส์ เพราะไปในทางเดียวกับมาดและลีลากวนๆ ของพวกเขาที่เราได้เห็นบนเวทีรอบต่างๆ ที่ผ่านมา พร้อมกับที่เราได้เห็นแววตามุ่งมั่นและน้ำเสียงซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจอันแรงกล้าสำหรับคำตอบที่ว่า “ไปกินหมูกระทะแล้วนอนครับ (หัวเราะ) แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยวางแผนซ้อมจริงจังแล้วครับ รอบนี้ใครจำโน้ตผิดต้องโดนหวดแน่!!!”

โอกาสดีๆ จากการประกวดดนตรีของเวทีนี้รอคอยทุกคนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสเรียนรู้จากโพรดิวเซอร์ค่ายเพลงดัง ได้ร่วมงานกับค่ายเพลงในฝันน และการมีเพลงเป็นของตัวเอง รีบสมัคร THE POWER BAND 2023 Season 3 ในคอนเซปต์ “It’s Possible, Music Makes Life Possible” พลังแห่งดนตรี พลังแห่งทุกความเป็นไปได้ THE POWER BAND 2023 SEASON 3 สนามกทม. เปิดรับสมัครถึง 5 พฤษภาคม 2566 และ สนามขอนแก่นเปิดรับสมัครถึง 26 พฤษภาคม 2566 การแข่งขันในปีนี้สำหรับ Class A (รุ่นมัธยมศึกษา) ไม่จำเป็นต้องมาจากสถาบันเดียวกันเท่านั้น และ Class B (รุ่นบุคคลทั่วไป) ติดตามรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/thepowerband และ Facebook: thepowerband.mahidol

Author

อลิษา รุจิวิพัฒน์

Author

มนุษย์ที่ชอบทำงานตามโจทย์แต่ชอบใช้ชีวิตตามใจ หวั่นไหวกับของเล่น การ์ตูน ร้านหนังสือ ดิสนีย์แลนด์ และฝันว่าสักวันจะได้ไปเยือนสวนสนุกทั่วโลก

Author

บริษัท เอ็กเปิร์ดคิด จำกัด

Photographer

การรวมตัวของคนโปรดักชั่น ที่ยังเชื่อในพลังสร้างสรรค์ เราจึงคิดและผลิตงานศิลปะทุกรูปแบบ