Summary
รู้จัก ‘พีชชี่ วรันธร’ พิธีกรกีฬา ผู้ประกาศข่าวกีฬา อินฟลูเอนเซอร์กีฬา แฟนปีศาจแดง เจ้าของช่อง “พีชชงพีชชี่” และหญิงสาวผู้หลงรัก เดวิด เบ็คแฮม หมดใจ Thaipower.co พาไปพูดคุยกับเธอแบบใกล้ชิดกับตัวตนของเธอ…ตั้งแต่ความฝันครั้งแรก คำสบประมาทแรก ประสบการณ์ดูบอลในสนามครั้งแรก และอีกหลายเรื่องที่จะได้อ่านที่นี่เป็นที่แรก
เราเริ่มต้นบทสนทนากับ พีชชี่ – วรันธร สมกิจรุ่งโรจน์ ด้วยการให้เธอนิยามตัวตนของตัวเองในวันนี้
“เราคือ พีชชงพีชชี่ ที่เป็นพิธีกรกีฬา เป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา เป็นอินฟลูเอนเซอร์กีฬา และเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านไลฟ์สไตล์”
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
ขอเพิ่มเติมให้อีกสักนิด ‘พีชชงพีชชี่ เป็นแฟนตัวยงของทีมแมนยู และยังเป็นแฟนคลับตัวเอ้ของ เดวิด เบ็คแฮม’
พีชชี่ เติบโตมากับพี่ชายสองคนที่อายุห่างกัน 6 ปี และ 4 ปี ทำให้เธอกลายเป็นเด็กบ้าพลัง ชอบเล่นกีฬา “ถ้าไม่เป็นแบบนั้น เราก็ไม่มีคนเล่นด้วย เขาดูแข่งกีฬา เราก็ต้องดูด้วย จริงๆ พี่เขาคงไม่อยากเล่นกับเราหรอก เพราะเราเป็นตัวถ่วง แต่ถ้าไม่เล่นก็จะโดนแม่ดุว่าไม่ช่วยดูน้อง”

“สุดท้ายเราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่า
เรามีความสามารถพอที่เราจะยืนอยู่ตรงนี้ได้”
พีชชี่ – วรันธร สมกิจรุ่งโรจน์
พิธีกรกีฬา ผู้ประกาศข่าวกีฬา อินฟลูเอนเซอร์กีฬา
แฟนปีศาจแดง เจ้าของช่อง “พีชชงพีชชี่”
อดีตนักกีฬาตัวเอ้ของโรงเรียน
“เป็นเด็กชอบดูกีฬา ชอบเล่นกีฬา พละคือวิชาโปรด พอมีสกิลด้านกีฬาก็เลยเล่นกีฬาอะไรก็ได้ แต่ไม่ได้เล่นเก่ง เก่งแค่ในโรงเรียน” พีชชี่เล่าว่า อยากเล่นบาสเกตบอลมากถึงขั้นขอแม่เรียนบาสเป็นวิชาเลือก “แม่บอกให้เรียนตีขิมแทน เพราะกลัวเราไม่มีสมาธิ”
“ตอนไปเรียนพิเศษ ที่เรียนเขามีโต๊ะปิงปอง ติวเสร็จก็เล่นกับเพื่อน ชอบมากจนขอให้แม่ซื้อโต๊ะปิงปองมาไว้ที่บ้าน”
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
“ด้วยความที่เรียนโรงเรียนหญิงล้วนซึ่งเขาไม่ได้เน้นด้านกีฬา และไม่ค่อยมีใครเล่นกีฬากัน เราก็เลยเป็นตัวเต็งด้านกีฬา เข้าทีมวอลเลย์บอลตั้งแต่ ม.ต้น พอขึ้น ม.ปลาย ก็ได้เป็นหัวหน้าทีมกีฬาสี ได้รางวัลนักกีฬาวอลเลย์บอลยอดเยี่ยมระดับมัธยมปลาย”
“เคยฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ เพราะตอนนั้นบ้าเล่นวอลเลย์บอล แถมมั่นใจกับความสูงของตัวเองด้วย แต่พอเอาเข้าจริงเราตัวสูงเท่าคนที่ตัวเล็กที่สุดในทีม และสุดท้ายก็เป็นแค่ความคิดสนุกๆ ตามประสาเด็กๆ ไม่ได้ทำอะไรจริงจัง อย่างไปขอให้ครูตั้งทีมวอลเลย์บอลโรงเรียน แต่สุดท้ายก็เงียบไป ได้แข่งแต่กีฬาสี”
เราถาม – พีชชี่ตอบ
แพสชันอื่นนอกจากกีฬา:
อยากเป็นแม่ค้า เคยอยากเปิดแบรนด์เสื้อผ้า
เรื่องที่ทำให้ร้องไห้ง่ายในวันนี้:
ถ้าร้องไห้แบบเศร้าคือ การสูญเสีย
ถ้าร้องแบบอิ่มเอิบจะเป็นการเติมเต็มความรัก
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
ฝันที่กล้าฝันและกล้าทำให้เป็นจริง
“ตอนเด็กๆ บนหัวเตียงจะมีโปรแกรมบอลที่ตัดจากหนังสือพิมพ์แปะไว้” เธอเล่าว่ารู้ตัวอีกทีหนังสือพิมพ์ฟุตบอลก็กองเต็มบ้าน
“ต้องซื้ออ่านทุกวัน ที่โรงเรียนก็ไม่มีใครดูบอล แต่เราอยากให้เพื่อนดู ก็เลยพรินต์โปรแกรมแข่งไปแจกเพื่อนๆ จำได้ว่าตอนบอลโลกปี 2002 รอบแบ่งกลุ่มแอบเอาซาวนด์อะเบาท์ไปนั่งฟังในห้อง เคยถึงขั้นขอให้แม่มารับกลับบ้านเพราะอยากดูถ่ายทอดสด พอเริ่มมีอินเทอร์เน็ตก็เข้าเว็บสยามสปอร์ตอ่านข่าวกีฬาทุกวัน”
ดีกรีความคลั่งเริ่มเบาลงตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอสารภาพว่าเป็นช่วงติดเพื่อน ติดแฟน แต่ถึงจะเว้นระยะห่างแต่แพสชันเรื่องกีฬาและฟุตบอลก็ไม่เคยหายไปไหน จนพีชชี่บอกว่าหลังจบคณะศิลปศาสตร์ เอกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เธอทำงานเป็นเออีบริษัทอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบินไปจีนเพื่อเรียนภาษา ช่วงเดียวกันเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ชวนเธอไปสมัครเป็น KBank e-Girls เธอเลยสมัครทิ้งไว้ก่อนบินไปจีน “ปรากฎว่าเข้ารอบ เลยต้องกลับมารายงานตัว สุดท้ายก็ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 8 คน ได้เซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์กับธนาคารเป็นเวลา 2 ปี แผนเรียนที่จีนเลยถูกพับ แต่ได้ทำงานพิธีกรหลากหลาย รายได้ก็ดี แล้วก็เริ่มคิดว่าถ้าหมดสัญญาเราจะไปทำอะไร อยู่ดีๆ มันก็ปิ๊งขึ้นมาว่า เราชอบกีฬาเป็นทุนเดิม อ่านข่าวเราก็ชอบ ถ้าเอาสองอย่างมาร่วมกันน่าจะดี งั้นเราจะเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา”
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
เราถาม – พีชชี่ตอบ
• อะไรที่ทำให้ฉันมีความสุข:
กับทุกโมเมนต์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต
• อธิบายวัยเด็กด้วยคำๆ เดียว: เฮี้ยว!
เที่ยวต่างประเทศครั้งแรกที่ไหน:
ไปอเมริกากับพี่ชาย
Suggestion
ลบคำสบประมาท
‘ผู้หญิงเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาไม่ได้หรอก!’
เธอเล่าว่า การเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาสำหรับผู้หญิงในยุคนั้นไม่ง่าย “เคยมีผู้ใหญ่พูดกับเราว่า ผู้หญิงเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาไม่ได้หรอก ถ้าไม่ได้เป็นดารามาก่อนก็ต้องเป็นอดีตเยาวชนทีมชาติหรืออดีตนักกีฬาทีมชาติ เพราะมุมมองของกีฬามันคือผู้ชาย คนดูกีฬาคือผู้ชาย แล้วเขาจะมาฟังผู้หญิงพูดเกี่ยวกับกีฬาทำไม เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงไม่รู้เรื่องนี้”
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
“ตอนนั้นฟังแล้วอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเป็นได้ ลึกๆ เราเชื่อว่ามันมีที่ทางของเราอยู่ ตั้งเป้าเลยว่า เราจะต้องไปถึงจุดที่เวลาพูดถึงผู้ประกาศข่าวกีฬาผู้หญิงจะต้องนึกถึง ‘พีชชี่’ สุดท้ายเราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเรามีความสามารถพอที่เราจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ ช่วงนั้นทีวีดิจิทัลกำลังมา ทุกที่เลยหาคนเพื่อเข้ามารองรับส่วนนี้ ไทยรัฐทีวีเขาอยากได้ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ ช่วงแรกที่เข้าไปเขายังไม่ได้ระบุว่าใครจะได้อ่านข่าวอะไร แต่ให้ไปฝึกอบรมทำข่าว ลงภาคสนาม เขียนข่าว เล่าข่าว สอนบุคลิกภาพ วิธีการนำเสนอ การพูด การอ่านให้ถูกหลักไวยากรณ์” เธอยังเล่าว่าเคยถูกจับให้ลองเป็นพิธีกรข่าวบันเทิงแต่ก็ไม่ใช่ทาง “เรายืนยันว่าอยากเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา สุดท้ายผู้ใหญ่คงเห็นความตั้งใจเลยได้อ่านข่าวกีฬาตั้งแต่วันแรกที่ช่องขึ้น”
เราถาม – พีชชี่ตอบ
• บอลคู่แรกที่ดูที่สนาม:
ทีมชาติไทย กับ เรอัล มาดริด ที่สนามราชมังฯ
• ดูบอลต่างประเทศคู่แรก:
พรีเมียร์ลีก ทีมเลสเตอร์ กับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส

ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
ความท้าทายที่ไม่คาดคิด
ถึงจะชอบกีฬา คลั่งฟุตบอล แต่น้องใหม่ในวงการผู้ประกาศข่าวกีฬาอย่างเธอ ยังต้องทำการบ้านข้อมูลกีฬาประเภทอื่นๆ และการออกเสียงชื่อนักกีฬาที่มาจากสัญชาติต่างๆ กัน ตัวสะกดที่ไม่คุ้นเคย แต่อาศัยสะสมประสบการณ์ไปทีละน้อย
“อ่านข่าวกีฬาก็จะไม่เหมือนอ่านข่าวทั่วไป มันต้องอ่านให้สนุก เราก็ฝึกมาเรื่อยๆ เป็นการ Learning by doing ช่วงแรกนอกจากเป็นพิธีกรหน้ากล้องแล้ว ต้องลงภาคสนามเอง เขียนข่าวอ่านเองด้วย…” เธอบอกว่าโชคดีที่เธอมีพื้นฐานจากความชอบกีฬาเลยเรียนรู้และพัฒนาทักษะอื่นๆ แบบเป็นเรื่องสนุก และใช้แพสชันเป็นพลังรับมือกับอุปสรรคและแรงกดดัน
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
“เคยไปออกรายการวิเคราะห์บอล มีคอมเมนต์มาว่า เดี๋ยวนี้ต้องฟังผู้หญิงวิเคราะห์บอลแล้วเหรอ หรือครั้งหนึ่งเคยมีคนอินบ็อกซ์มาขอโทษว่าก่อนนั้นคิดว่าเราเป็นแค่ผู้หญิงที่เกาะกระแสฟุตบอล ใส่เสื้อบอลแล้ว ถ่ายรูป แต่พอเขาติดตามเราไปสักพักก็เห็นว่าเรารู้เรื่องบอลจริงๆ เคยเก็บมาคิดแต่ตอนนี้ไม่แคร์แล้ว เพราะเข้าใจ อะไรที่ติเพื่อก่อเราก็รับฟัง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เราไม่รับมา เราก็ไม่หนัก”
ถ้าตื่นขึ้นมาเราได้อยู่ในร่างนักฟุตบอลสักคน
คนนั้นคือ?:
เดวิด เบ็คแฮม
เขาคือหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราเป็นเราทุกวัน
ถ้าไม่มีเขาเราอาจจะไม่ได้เชียร์ฟุตบอล
ไม่ได้บ้าแมนยู และคงไม่ได้ทำงานด้านกีฬา
และไม่รู้ว่าชีวิตทุกวันนี้ของเราจะเป็นยังไง
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
กว่าจะพบที่ทางที่ถูกต้องของ ‘พีชชงพีชชี่’
‘พีชชี่…วรันธร สมกิจรุ่งโรจน์ เด็กผี’ คือข้อความที่เธอเขียนไว้ในอินโทรของเพจ ‘พีชชงพีชชี่’ เพจที่เธอบอกว่าเริ่มต้นแบบงงๆ
“มันเริ่มมาจากตอนอยู่ไทยรัฐทีวี ช่องอยากให้เราโพรโมตลงโซเซียลส่วนตัวด้วยว่าวันนี้เราทำอะไร จะมีข่าวอะไรบ้างให้ไปตามต่อที่ช่อง สักพักเพื่อนแนะนำให้เปิดเพจจะได้แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน เราก็เปิดแบบไม่ได้คิดอะไร ก็มีคนตามมาเรื่อยๆ แต่คอนเซปต์เพจยังไม่ชัดเจน ระหว่างนั้นมีโอกาสได้ทำงานอะไรก็ไปทำ ด้วยความที่เราเป็นแฟนแมนยู ในเพจเราที่โพสต์เกี่ยวกับแมนยูเยอะ เลยกลายเป็นภาพจำไปเลยว่า เราคือผู้ประกาศข่าวกีฬาที่เป็นสายฟุตบอลและชอบแมนยู คอนเซปต์เพจเลยค่อยๆ เข้าทางอย่างทุกวันนี้”
ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
เราลองให้เธอวิเคราะห์ความแตกต่างของเพจพีชชงพีชชี่ เธอมองว่า จุดต่างอยู่ที่ ‘มุมมองและวิธีเล่า’
“มุมมองในการเล่าข่าวของเรามาจากประสบการณ์ที่ทำงานมา เราชอบเล่าสดไม่มีสคริปต์ จดแค่ประเด็นสำคัญๆ ที่อยากเล่าแล้วด้นสดเลย ถ้าถ่ายแล้วไม่ดีก็ถ่ายใหม่หมด เป็นสกิลจากการทำงานข่าว ความท้าทายสำหรับเราไม่ใช่ความเร็ว เอาแค่ไม่ตกเทรนด์พอ แต่อยู่ที่วิเคราะห์และต่อยอดยังไงให้น่าสนใจ นอกจากข้อมูลที่พีชชี่มอบให้ อยากให้สนุกหรือเศร้าไปด้วยกันกับเรา ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง เอาจริงๆ ที่เขาเลือกมาดูเรา คงอยากได้มุมมองใหม่ๆ มากกว่า”

ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
Suggestion
ทำไมหลงรักปีศาจแดง?
เธอยืดอกยอมรับแบบแมนๆ ว่า “เพราะชอบผู้ชายค่ะ ชอบเบ็คแฮม พอชอบก็ตามเชียร์ไม่ว่าจะย้ายไปทีมไหน แต่วันที่เบ็คแฮมออกจากแมนยูจำได้ว่าร้องไห้เลย เพราะรู้สึกว่าสองอย่างที่เรารักมันไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
แต่เราก็ยังตามเชียร์แมนยูต่อ ก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แต่เราเชียร์ไปแล้ว รักไปแล้ว เขาถึงบอกไงว่าเปลี่ยนแฟนยังง่ายกว่าเปลี่ยนทีมเชียร์”
“เราไม่สามารถทำทุกอย่างในชีวิต
ให้เป็นงานได้ ไม่งั้นเราจะไม่มีความสุข
แล้วสุดท้ายงานมันก็ออกมาไม่ดี”
เคยอินกับวิ่ง จริงจังกับปั่นจักรยาน
ตอนนี้คลั่งกอล์ฟสุดๆ
ถ้าใครตามไอจีพีชชี่จะเห็นว่าช่วงหนึ่งเธออินกับการวิ่ง จริงจังกับการปั่นจักรยาน แวบไปสนุกกับการเล่นกีฬาอื่นๆ อย่างตีเทนนิส ดำน้ำบ้างนิดหน่อย และตอนนี้ “กอล์ฟ” เป็นกีฬาที่เธอกำลังอินสุดๆ
“กลับมาเล่นกีฬาจริงจังช่วงทำงานไทยรัฐทีวี ไปชกมวยพักหนึ่ง จนเทรนด์วิ่งมันมา แฟนก็ชวนวิ่ง แรกๆ ไม่ได้อยากไป แต่วิ่งไปสักพักก็สนุกดี มาเริ่มจริงจังเพราะตอนจัดรายการวิทยุแขกรับเชิญเป็นนักไตรกีฬา แล้วเขาก็พูดถึงบุรีรัมย์มาราธอน ว่าเป็นงานวิ่งที่ควรไปสักครั้งในชีวิต คำพูดนั้นจุดประกาย แต่ไหนๆ จะวิ่งแล้วก็วิ่งฮาล์ฟไปเลยแล้วกัน” เป็นฮาล์ฟแรกในชีวิตของพีชชี่และยังทำให้เธอก้าวสู่วงการวิ่งเต็มตัว ซ้อมจริงจัง และวิ่งจริงจัง

ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
“วิ่งสักพักก็อยากปั่นจักรยาน เลยเป็นช่วงที่วิ่งด้วย ปั่นไปด้วย…เข้าขั้นอยากไปแข่งไตรกีฬาเพราะเราว่ายน้ำได้ แต่พอช่วงโควิด มีงานเยอะมากจนหายไปจากการออกกำลังกาย แต่ที่คอนโดมีคอร์ทเทนนิส เลยจ้างครูมาสอน เล่นอยู่พักหนึ่ง เพื่อนชวนไปไดร์ฟกอล์ฟ ก็ซื้อคอร์สเรียนด้วยนะ แต่เรียนได้ 2 ครั้งก็หยุดเพราะติดทำงาน พอดีแฟนเป็นสายเล่นกีฬาเหมือนกัน กอล์ฟเป็นกีฬาที่ทั้งเขาและเราชอบเหมือนกัน เริ่มติดใจจากครั้งที่เพื่อนชวนไปรีวิวสนามกอล์ฟ เอนจอยและสนุกจนตอนนี้บ้าตีกอล์ฟ”

ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
ที่สำคัญ กีฬากอล์ฟช่วยจัดวางบาลานซ์ของชีวิตใหม่ให้กับเธอ ความที่พีชชี่ได้ทำสิ่งที่รักให้เป็นงาน ทุกกิจกรรมหรือไลฟ์สไตล์เลยกลายเป็นงาน “มันเลยทำให้เราเบิร์นเอาต์อยู่ช่วงหนึ่ง มานั่งคิดใหม่ว่า ก็แค่เอนจอยกับโมเมนต์นั้นไป มีความสุขกับปัจจุบันและสิ่งที่ทำก็พอ และเป็นช่วงที่กอล์ฟเข้ามาในชีวิตพอดี กำลังอยากเอาตัวเองออกไปจากสังคมเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ บ้าง ยังมีแพสชันกับบอล แต่เราเริ่มแยกมันออกจากกันไม่ได้ เป็นเมื่อก่อนเห็นอะไรที่เป็นคอนเทนต์ได้แล้วไม่ทำจะรู้สึกผิดมาก แต่ทุกวันนี้คือ ถ้าอยากโพสต์ก็ทำด้วยความสนุก
เรื่องที่ยังคงอยากทำให้สำเร็จ:
• อยากกลับไปสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้ง
• ถ้าได้ไปก็อยากไปตีกอล์ฟที่สกอตแลนด์ด้วย
• ทำสกอร์กอล์ฟให้ได้ต่ำกว่า 100 อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ต่ำกว่า 90 จะดีมาก
• อยากจะมีความสุขให้ได้ในทุกวัน

ขอบคุณภาพจากพีชชี่ วรันธร
สุขจากการให้
ผ่าน #เฟรนด์บอลเลสเตอร์
พีชชี่คือหนึ่งใน #เฟรนด์บอลเลสเตอร์ ที่ได้ลงพื้นที่ทำกิจกรรมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย อยู่เสมอ ซึ่งกิจกรรม ‘โครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย’ เป็นกิจกรรมที่เธอเชื่อว่าจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ส่งต่อพลังใจให้เยาวชนไทยไม่มากก็น้อย


พีชชี่กับกิจกรรมแจกฟุตบอล
“กิจกรรมแจกฟุตบอลทำให้เราเห็นว่า แค่ลูกฟุตบอลหนึ่งลูก มันสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กได้มากมาย ไม่จำเป็นว่าจะต้องโตไปเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ แค่ทำให้เด็กๆ อยากออกมาเล่นนอกบ้านกับเพื่อนก็ดีมากแล้ว เพราะทุกวันนี้เด็กอยู่แต่กับหน้าจอ การให้ลูกฟุตบอลเขาก็จะได้มีกิจกรรมอย่างอื่นทำ แค่เล่นโยนบอลใส่กันก็ได้พัฒนากล้ามเนื้อ ได้เล่นกับเพื่อน พัฒนาการเข้าสังคม หรือถ้ามันต่อยอดถึงขั้นได้เป็นนักฟุตบอล ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติก็ยิ่งดี แต่เราเชื่อว่าสิ่งนี่มันคือจุดเริ่มต้นของการสร้างเยาวชนให้เป็นบุคลากรที่ดีในอนาคตไม่ว่าจะเป็นบุคลากรด้านไหนก็ตาม”
“ขณะเดียวกัน การที่เราได้เป็นผู้ให้ มันทำให้เรามีความสุขจากการได้เห็นผู้รับมีความสุข เป็นความสุขที่เห็นผลทันทีจากรอยยิ้มของเด็กๆ”
พีชชี่ กับ LCFC BAN KHAO TAO COLLECTION
ติดตามผลงานของ “พีชชงพีชชี่” ได้ที่นี่
FACEBOOK: PPEACHY
YOUTUBE: PPEACHY
INSTAGRAM: PPEACHY
TIKTOK: PPEACHY