Passion

เต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ
เลือกเส้นทางผลักดันชีวิต..สู่ฝันยิ่งใหญ่

ดวงจันทร์ ผาดศรี 2 Nov 2021
Views: 616

เด็กหนุ่มจากกาฬสินธุ์ ตัดสินใจออกเดินทางไกลเพื่อไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อไขว่คว้าตามหาฝัน ซึ่งปัจจุบันชื่อของ เต๋าเศรษฐพงศ์ เพียงพอ คนนี้ติดอยู่ในทั้งทำเนียบนักแสดงและนักร้องชื่อดังเลยทีเดียว!

ล่าสุดกับบทบาทของพิธีกรรายการ Music School โดย  King Power Thai Power พลังคนไทย ทางยูทูบแชนแนล เขาจะพาคนดูบุกไปทำความรู้จักตามห้องซ้อมดนตรีของโรงเรียนที่มีนักดนตรีเยาวชนเก่งๆ เข้ามุมฝึกซ้อมความชำนาญในการเล่นดนตรีด้วยความรักของพวกเขาอยู่เป็นประจำ

ตลอดเส้นทางเขาเติบโตมาในยุคที่เต็มไปด้วยเวทีประกวดการแข่งขัน  ต่างจากในสมัยนี้ที่ทุกคนมีโอกาสแจ้งเกิดในชั่วข้ามคืน เพียงโพสต์สิ่งที่ตัวเองรัก…ลงโซเชียลฯ แต่สำหรับเต๋าเองแล้ว เขาว่า “ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น…กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้” แต่เขาก็มาถึงจุดที่เขาเคยวาดฝันไว้…ให้กลายเป็นจริง 

วันนี้เราขออาสาพาทุกคนไปสำรวจความสนใจของหนุ่มคนเก่ง ความสามารถรอบด้านคนนี้กันดูบ้าง

ตอนนั้นรู้สึกตัวเองทำได้ดี เจอทางที่ชอบและสนุก 

ผมเลือกกลับมาลองทำตามความฝันดู ผิดพลาดไม่เป็นไร

แต่ต้องทำให้ได้ เริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงทุกเวที

ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า ต้องได้รางวัลสักรายการ

และต้องได้ออกซิงเกิลแรกของตัวเอง 

เต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ
พิธีกรนักร้องนักแสดง

 

Passion จากพ่อไอดอลด้านดนตรี

ความที่คุณพ่อเป็นนักดนตรีมีวงประจำ แถมยังเป็นเพื่อนร่วมวงมากับ เสือ ธนพล แม้คุณพ่อจะไม่ได้เข้าวงการบันเทิง แต่ก็ทำให้เขาเติบโตมากับเสียงดนตรีโดยตลอด ฝึกเล่นกีตาร์และฟอร์มวงกับเพื่อนเช่นเดียวกับพ่อผู้เป็นไอดอล 

เขาว่าเริ่มหัดเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของพ่อเพื่อหัดจับคอร์ดให้คล่อง และได้กีตาร์โปร่งตัวแรก ตอนมัธยมต้นซึ่งคุณพ่อสนับสนุนด้านดนตรีอยู่แล้ว ตามมาด้วยการขวนขวายหาวิชาความรู้ ไปลงเรียนคอร์สกีตาร์คลาสสิกไกลถึงจังหวัดขอนแก่น แต่ก็ไปได้ไม่กี่ครั้งเพราะล้ากับการเดินทางข้ามจังหวัด สุดท้ายกลับมาหัดเล่นกีตาร์เองและเริ่มเน้นดนตรีในสายป็อปมากกว่าคลาสสิก

“ช่วงนั้นผมฟอร์มวงกับเพื่อนเล่นมาเรื่อยๆ มีไปแข่งประกวดบ้าง แต่ครั้งหนึ่งดีใจมาก ได้ขึ้นไปเล่นวงเปิดให้กับวงคาราบาว มาทัวร์คอนเสิร์ตที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซ้อมกันหนักมาก ผมเล่นกีตาร์อย่างเดียว ยังไม่ได้ร้องเพลง…ถ้าจะร้องก็มีอยู่แค่เพลงเดียวของฮิวโก้ วงสิบล้อ ว่าแล้วท่อนฮุกก็ลอยมา “ฉันเข้าใจเธออยู่ ฉันเข้าใจเธอดี..” หนุ่มพิธีกรย้อนเล่าอย่างอารมณ์ดี

ช่วงวัยทีนตามประสาเด็กผู้ชาย หนักไปทางเล่นกีฬาควบคู่กัน “กีฬากับดนตรี เป็นสองกิจกรรมหลักตั้งแต่เด็กของผม ทำให้มีโอกาสได้เจอคน ได้ออกไปข้างนอก ได้ไปประกวด มีการแข่งขันเข้ามาช่วยทำให้ได้พัฒนาตัวเอง” เต๋าเล่าขยายช่วงสนุกตามประสา วัยรุ่นตอนอยู่ต่างจังหวัดให้ฟัง 

เลือกเส้นทางชีวิตผลักดัน..สู่ฝันยิ่งใหญ่ 

หลังจบมัธยมปลายเด็กหนุ่มจากกาฬสินธุ์ ออกโบยบินไปหาประสบการณ์ชีวิตไกลถึงยังประเทศออสเตรเลีย ด้วยการตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มของ ‘ความฝัน’ ครั้งใหญ่ เมื่อรุ่นพี่คนไทยในซิดนีย์เห็นแววนักร้อง ขณะร้องคาราโอเกะกันเล่นๆ จึงชวนให้ลองประกวด ร้องเพลงของสมาคมคนไทย K&O Star Challenge 

ปรากฏว่าผ่านออดิชั่น! ผ่านเข้ารอบต้องไปร้องอีกสามสัปดาห์สามแบบ เพลงลูกทุ่ง เพลงไทย เพลงสากล พร้อมกับถูกส่งไปเรียนร้องเพลงกับโค้ชที่ดูแล

“ตอนนั้นเริ่มรู้สึกตัวเองทำได้ดี เจอทางที่ชอบและสนุก พอเรียนจบ Diploma ด้านบิสเนส ผมต้องเลือกว่าจะเรียนต่อ หรือจะกลับมาลองทำตามความฝันดู สุดท้ายตัดสินใจกลับเมืองไทยเลย เพื่อมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อโอกาสมากกว่าสำหรับสิ่งที่อยากทำ ผิดพลาดไม่เป็นไร แต่ต้องทำให้ได้ ผมเริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงทุกเวที ครูสอนร้องเพลงบอกผมว่า..ไม่ต้องเลือกเวที เพราะเรายังใหม่ ไม่เคยผ่านการประกวดมาก่อน ผมตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า ต้องได้รางวัลสักรายการ ต้องได้ออกซิงเกิลแรกของตัวเอง” 

และเวทีที่ทำให้ความฝันของหนุ่มเต๋าเป็นจริงขึ้นมา นั่นคือ เวทีประกวดทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 8 เมื่อเขาผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย 

“พอทำได้…ผมรู้สึกว่าเรามาไกลมาก เกินเป้าที่ผมวางไว้” เรียกว่าเวที AF8 ทำให้ เต๋า-เศรษฐพงศ์ แจ้งเกิดในวงการเพลงอย่างเป็นทางการและก้าวสู่อาชีพนักร้องเต็มตัว

ไม่เคยห่างหาย..หมั่นฝึกฝนงานดนตรี 

กว่า 10 ปี ที่โลดแล่นในวงการบันเทิงของ เต๋า-เศรษฐพงศ์ ทำให้เขาสั่งสมประสบการณ์หลากหลาย แม้ชีวิตค่อยๆ เริ่มผันจากอาชีพนักร้องสู่อาชีพนักแสดง แต่เจ้าตัวบอกว่า ก็ไม่เคยห่างงานดนตรี ยังมีโอกาสโชว์ความสามารถอยู่ตลอด โดยเฉพาะงานอีเวนต์โชว์ตัว ที่มักจะพ่วงมากับการร้องเพลงของศิลปินดารา  

“บางทีผมแถมร้องเพลงให้ด้วย คือถ้ามีร้องเพลงผมจะได้เอนเตอร์เทนคนดูได้ง่าย”

เขาเล่าว่า มีโอกาสทำคอนเสิร์ตและทำซิงเกิลตัวเองหลังจากหมดสัญญากับ AF ได้ออกมาทำเพลงและหาสปอนเซอร์เอง โดยเลือกทำแนวแบบที่ชอบตามใจตัวเอง จึงออกมาในแนวเพอร์ฟอร์มเพื่อทำให้ดูมืออาชีพมากขึ้นและสมัยใหม่

“เราเป็นศิลปินเดี่ยวไม่มีวง ต้องหาการเพอร์ฟอร์มมาโชว์ หาจุดขาย บางครั้งออกมาในแนวเต้น ตอนนั้นหาทุกอย่างเองหมด ทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับเอ็มวี คนออกแบบท่าเต้น…ลองทำออกมาดูปรากฏว่าคนจำผมได้ในฐานะนักร้อง เต๋าต้องมีเพลงแบบนี้ เต้นแบบนี้ ถือว่าออกมาดี…พอใจมาก เหมือนได้ทำความฝันที่ชอบ ได้เป็นตัวเอง ประจวบเหมาะกับช่วงเทรนด์การเต้นกำลังมา จังหวะดีด้วยครับ”

ส่วนการเล่นดนตรีเต๋าบอกมีโอกาสเล่นกีตาร์ไฟฟ้ากับพ่อเวลาอยู่บ้างเวลาสตรีมจะเล่นกีตาร์ให้แฟนๆฟังผ่านทางโซเชียล “กีตาร์ตัวเดียวผมก็สามารถเล่นดนตรีได้ใช้ทักษะตรงนี้มาเอนเตอร์เทนเหมือนได้เคาะสนิมคนดูชอบมีความสุขส่วนเราก็แฮปปี้”   

เวทีประกวดทำให้เกิดการพัฒนา

กว่าจะถึงวันนี้เขาเล่าว่าเคยผ่านเวทีประกวดการแข่งขันมาไม่ต่ำกว่า 20 เวที!! เรื่องนี้น่าจะทำให้เขา “ลึกซึ้ง” กับการทำหน้าที่พิธีกรลงพื้นที่โรงเรียนที่มีเยาวชนฝึกซ้อมกันอย่างเข้มข้น เพื่อเข้าแข่งขันการประกวดประจำปีรายการสำคัญๆ อย่าง การประกวด Thailand International Wind Symphony Competition (TIWSC) และ The Power Band การประกวดทั้งสองเวทีดังกล่าวนี้เป็นการจัดร่วมกันของ คิง เพาเวอร์ ไทยเพาเวอร์ กับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่เข้าใจดีเป็นเพราะตัวเขาเองเคยมีประสบการณ์มาก่อนนั่นเอง “ผมไปหมดเลย ประกวดทั้งเวทีเล็ก เวทีใหญ่ ภายในเวลาสองปีเท่านั้น ส่วนตัวมองว่าเวทีประกวดมีความสำคัญ ต้องมีการแข่งขันถึงจะเป็นเอนเตอร์เทน ได้ทดสอบความสามารถของตัวเอง ได้เห็นคู่แข่งเพื่อนำมาปรับปรุง ได้เรียนรู้ความผิดพลาดเพื่อนำมาแก้ไข ทุกคอมเมนต์จากกรรมการมีประโยชน์ บนเวทีทุกอย่างมันคือประสบการณ์ ผมว่าการแข่งขันทำให้คนเราเก่งขึ้น เหมือนการแข่งฟุตบอลแล้วอยากจะชนะ เพื่อคว้าถ้วยรางวัล เราอยากได้ถ้วยรางวัล เราต้องฝึกให้หนัก…เพื่อไปให้ถึง”

ในฐานะนักร้องมืออาชีพรุ่นพี่ เขากล่าวชื่นชมเด็กไทยในด้านดนตรี โดยเฉพาะแรปเปอร์ที่แต่งเพลงเอง ทำบีทเอง ทำเองทุกอย่าง หลายคนไม่ได้จ้างโปรดิวเซอร์ ปัจจุบันโชคดีที่คนไทยสนับสนุนด้านเพลงมากขึ้น ถ้าเทียบกับสมัยก่อน เดี๋ยวนี้เขาว่าดูจากยอดวิวยูทูบก็รู้แล้ว

เริ่มช้า..ยิ่งต้องฝึกฝนหนัก

ในสนามแข่งขันมักต้องมีความผิดหวังและความท้อแท้เกิดขึ้นเต๋ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่สำคัญต้องฮึดสู้ใหม่! 

“การไปออดิชั่นแล้วไม่ผ่าน ไปแข่งแล้วไม่ชนะ ต้องมีท้ออยู่แล้ว ผมว่าทุกคนก็เคยเป็น เวลาไม่ได้ที่หนึ่ง หรือไม่ได้เข้ารอบ ก็จะ Fail หน่อย รู้สึกผิดหวัง เพียงแต่ใครจะลุกได้เร็ว กลับมาได้เร็วกว่ากัน แต่ผ่านไปได้พักหนึ่งต้องไปหาพลังงาน หากำลังใจมาเพื่อฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ …ต้องนึกถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้”

การเริ่มต้นประกวดร้องเพลงในวัย 19 ปี ทำให้เขาต้องฝึกหนักกว่าหลายคน

“ผมเริ่มรู้ตัวว่าชอบร้องเพลงตอนไปเรียนเมืองนอก ชีวิตต้องเรียนด้วยหารายได้ไปด้วย ช่วงทำงานที่ไปทำความสะอาดรถไฟใต้ดิน ผมดูดฝุ่นไปก็ฝึกร้องเพลงไปด้วยทุกวัน เพราะเส้นเสียงยังไม่แข็งแรง โน้ตไม่แม่น เนื้อเพลงก็ยังจำไม่ได้ เหมือนเริ่มจากศูนย์ ทุกอย่างต้องฝึกใหม่ เราเริ่มช้ายิ่งต้องรีบถีบตัวเองขึ้นมา ช่วงนั้นฝึกหนักสุดๆ แต่พอมาเป็นศิลปิน ฝึกซ้อมหนักกว่าเดิม เพราะต้องเต้นด้วย เพอร์ฟอร์มด้วย เป็นศิลปินยากกว่าเป็นนักร้องทั่วไป ต้องมีครบ” เต๋าเล่าถึงความพยายามในทุกช่วงเวลา

กว่าจะก้าวมาเป็นนักร้องศิลปิน เขาว่าแต่ละเพลงใช้เวลา ฝึก 3-4 เดือน กว่าจะได้ก็ต้องแลกมาเยอะ กับการฝึกซ้อมและทุ่มเทอย่างที่สุด 

“คนเก่งๆ เขาฝึกหนักทุกคน ฝึกวัน 8-10 ชั่วโมง อย่างน้อยผมว่า 5 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน เหมือนไปทำงาน ตื่นมาต้องไล่โน้ต เก็บไปฝันก็มีครับ (หัวเราะ) แต่ผมว่าการฝึกซ้อมมันเวิร์ก เห็นผลนะ ถ้าไม่มีพรสวรรค์ เรายิ่งต้องฝึกหนัก ฝึกหนักเท่าไรก็เก่งเท่านั้น” 

มุมมองความคิดทั้งหมดนี้…หล่อหลอมผลักดันให้ ‘เต๋า-เศรษฐพงศ์’ กลายเป็นนักแสดง ศิลปินที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับการฝึกฝนพัฒนาความสามารถ แม้วันนี้เขาจะเป็นมืออาชีพแล้วก็ตาม

ชวนสำรวจเพิ่มสิ่งที่ เต๋า เศรษฐพงศ์ รัก

นักร้องไอดอล: แบงค์ วงแคลช 

เพลงของศิลปินที่ใช้ร้องประกวดบ่อย: พี่เบิร์ด-ธงไชย 

แนวเพลงที่ชอบ: ป็อปร็อก 

จับไมค์ร้องครั้งแรก: ประมาณ ป.3 ร้องเพลงหน้าชั้นเรียน “สัญญาเมื่อสายัณห์” ของไท ธนาวุฒิ 

เพลงประจำตัว: “แพ้ทาง” ของวงลาบานูน 

เพลงที่ร้องให้แฟนคลับฟัง: เพลงเก่าๆ ของพี่เบิร์ด เสือ ธนพล อย่าง “รักเดียวใจเดียว”  

เพลงไทยมักใช้ออดิชัน: “รักได้คนเดียว” ของเตชิน ได้ใช้โชว์พลังเสียงทั้งเสียงต่ำเสียงสูง

เพลงสากลที่มักใช้ออดิชัน: “Haven’t met you yet”  ของ Michael Buble’ 

อยากลองเล่นถ้าไม่ใช่กีตาร์:  เปียโน ทำให้ได้รู้สเกลเพลง รู้โน้ตได้เร็วและง่าย ในการไล่เสียง ‘ear training’ จะดี เป็นทักษะที่นักร้องควรจะเล่นได้ นักร้องที่เล่นเปียโนได้ ผมคิดว่าเท่!! ลงเรียนคอร์สเปียโนแล้วแต่เพิ่งไปเรียนได้แค่ชั่วโมงเดียว ติดช่วงโควิดก่อน

ประสบการณ์ดีๆ จากหน้าที่พิธีกร

รายการ Music School ของเต๋า

“ได้เห็นว่าเด็กสมัยนี้เก่งมาก เขามีของมากกว่ารุ่นผม มีความพร้อมในการฟอร์มวงดนตรี…เขายังขาดอยู่ก็แค่ประสบการณ์และเวทีประกวดซึ่งเพิ่มเติมประสบการณ์ ฉะนั้นต้องออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกเยอะๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ออกไปโชว์อย่างเดียว สนุกกับดนตรีไป…เวลามองกลับไปเห็นเด็กแข่งขันกันจริงจัง เหมือนเห็นตัวผมเองที่ก็เริ่มมาจากจุดเดียวกับพวกเขา ผมเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ เตรียมตัวมายังไง อยากจะโชว์ตรงไหน บางคนตื่นเต้น…แต่เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน แต่เมื่อลงสนามแข่งแล้ว…เป็นนักสู้ทุกคน”

Author

ดวงจันทร์ ผาดศรี

Author

อดีตนักข่าว ชอบสัมภาษณ์รักงานเขียน ปัจจุบันแฮปปี้กับการเป็น Freelancer

Author

บริษัท ยานแม่ จำกัด

Photographer

เป็นโปรดักชั่น เฮาส์ ที่ไม่ได้คิดนอกกรอบ เเต่คิด...นอกโลก