ชื่อวง JollyJolly! แปลว่า ความสนุกสนาน และวงนี้ก็ได้มอบความสนุกสนานและสร้างบรรยากาศที่ดี บนเวทีให้กับทั้งกรรมการและผู้ชมได้สนุกไปพร้อมกัน
แม้ว่าการประกวดครั้งนี้จะเป็นเวทีใหญ่ครั้งแรกของทุกคน แต่ด้วยความสดใหม่ไฟแรง ความน่ารักสดใสเป็นธรรมชาติของวงก็ทำให้ JollyJolly! ฝ่ากระแสคลื่นลมจนสามารถติด 1 ใน 3 ที่ได้เป็นตัวแทนจากสนามกทม. และปริมณฑล ในการประกวด THE POWER BAND 2022 ซีซั่น 2 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
JollyJolly! ไม่เพียงแค่มีพลังและความสดใสแค่บนเวทีเท่านั้น แต่ยังคงความสดใสร่าเริงจนจบงาน รวมถึงการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วย พร้อมส่งพลังบวกมาให้กับทุกคนผ่านเรื่องราวของวงที่ทุกคนมาเล่าให้ฟังด้วย
เคมีที่ลงตัว
JollyJolly! มีสมาชิกทั้งหมด 6 คน เป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องที่สนิทกันในโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี (พี่ ม.6 จำนวน4 คน และน้อง ม. 5 อีก 2 คน) คือ ตุลย์ – เตชิต จิราภัคพงศ์ (หัวหน้าวงและกีตาร์) เอ๊าะอ๋อ – ธัญรัศม์ ทิพย์ชัยภัทร์ (ร้องนำ) เซ้นต์ – ธนณัฏฐ์ ธรรมบัวชา (คีย์บอร์ด) น้ำฟ้า – กุลนัฐศิฌา อารีวนิช (เบส) ดีดี – ภัณฑดี มกรารมย์ (กลอง) และ อิงต์ – ณัฏฐ์ณิชชา สิริปภัสสรา (ร้องนำ)
แต่กว่าจะมาเป็นสมาชิกที่ลงตัวทั้ง 6 คนนี้ วงมีการปรับและเปลี่ยนสมาชิกมาเรื่อยๆ จนจะมาลงตัวที่วงในปัจจุบัน ทั้งหมดผ่านและซึมซับความสุขในการอยู่กับเสียงดนตรีที่พวกเขารัก จนทำให้ผูกพันกันมาก รักกันมาก และมีความสุขกันมาก…จนรุ่นพี่ ม.6 ไม่อยากเรียนจบออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าความเป็นสมาชิกของวง JollyJolly! ก็หมดอายุลงโดยอัตโนมัติไปด้วย ส่วนรุ่นน้อง ม.5 ก็แน่นอนว่าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน…แบบที่พวกเขาอยากรักษา “พื้นที่ความสุข” นี้เอาไว้ให้นานที่สุด
“ตอนแรกมีพี่น้ำฟ้ากับพี่เซ้นต์อยู่ในวงก่อน แล้วอิงต์ก็มาสมทบ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ฟอร์มวงกันอยู่แล้ว พอพี่ๆ เรียนจบไป ก็มีดีดี มือกลองเข้ามา แล้วดีดีทำได้ดีมากก็เลยได้อยู่ยาว หลังจากนั้นก็มีพี่อ๋ออีกคน มีพี่ตุลย์มือกีตาร์ที่เป็นหัวหน้าวงเข้ามารวมตัวกันจนปัจจุบันนี้ พอเรามาอยู่รวมกันแล้วมันสบายใจ มีเคมีที่ตรงกันที่สุดแล้ว” อิงต์เล่าให้ฟังถึงที่มาของสมาชิกแต่ละคน
“พวกเรามารวมกันอย่างแน่นแฟ้นก็หลังโควิด พอมีการเปิดออดิชันพวกเราก็ได้มาเจอกัน แม้จะยังไม่ได้อยู่วงเดียวกัน แต่ก็คลุกคลีกันตลอด เพราะอยู่ในวงสตริงคอมโบเหมือนกัน ตอนช่วงโควิดเราแทบไม่ได้คุยกันเลย แต่พอมารวมกันเป็นเซตนี้ หนูก็ภูมิใจและเต็มที่ในการซ้อมมาก รู้สึกว่าเราน่าจะไปได้ไกล จึงอยากลองดูสักครั้ง เพราะหลายคนจะจบ ม.ปลายแล้ว นี่คงเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้ายของพวกเรา เราเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ไม่เคยมาถึงจุดนี้และวงก็ไม่ได้สนุกขนาดนี้” เอ๊าะอ๋อ เป็นอีกเสียงที่ยืนยันถึงความสนิมสนมและความผูกพันระหว่างพี่น้อง พอพูดถึงช่วงนี้เอ๊าะอ๋อก็ซาบซึ้งจนร้องไห้ออกมา ทำเอาเพื่อนๆ น้ำตาซึม จนแต่ละคนคว้าทิชชูกันแทบไม่ทัน เพราะพี่ๆ ก็ยังไม่อยากเรียนจบ น้องๆ ก็ยังอยากจะเล่นดนตรีและอยู่ร่วมวงกับพี่ๆ ต่อไป
สนใจและเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่เด็ก
เป็นเรื่องดีที่สมาชิกทุกคนค้นพบความสุขและสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก จึงได้เริ่มเรียนรู้และทดลองทำสิ่งที่ชอบกันมานานแล้ว ทุกคนมีโอกาสได้เรียนดนตรี เรียนร้องเพลงกันมาตั้งแต่ประถม และเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของการเล่นดนตรีของแต่ละคน รวมถึงการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวงด้วย
“ตอนเด็กๆ ผมรู้จักดนตรีเพราะแม่เปิดเพลงฟังในรถ ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่พอเริ่มโตเราได้เห็นเขาเล่นดนตรี เลยรู้ว่ามันคืออะไรก็อยากลองเล่น ผมได้ลองเล่นกีตาร์ เพราะรู้สึกว่าเท่ดี กีตาร์มี 6 สาย ดูเล่นยาก ท้าทาย ผมมาจริงจังตอน ม.ต้น” ตุลย์เล่าถึงเส้นทางดนตรีของตัวเองก่อนที่จะโยนไปยังเพื่อนๆ คนอื่นในวง
“ตอนเด็กๆ หนูชอบร้องชอบเต้น อยู่นิ่งไม่ได้ ถึงขั้นขึ้นโต๊ะไปเต้นให้แม่ดูเลย จากนั้นแม่ก็ให้ไปเรียนร้องเพลงตอนประถม หนูรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาทางด้านนี้ เพราะชอบมาก มันรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวเองมาก พอมีทักษะมากขึ้น ก็เริ่มร้องประสานเสียง ตอน ม.ปลายเขาเปิดออดิชันก็ทำให้เรามีโอกาสได้แสดงศักยภาพ จนได้มารวมวงกับเพื่อนๆ” เอ๊าะอ๋อเล่าด้วยความตื่นเต้น
“ผมเริ่มตีกลองตั้งแต่ ป.2 เพราะครูเขาเปิดคลิปโรงน้ำแข็งที่เขาเอาน้ำแข็งมาทำเป็นกลอง ผมรู้สึกว่ามันน่าเล่นดี เลยขอแม่ไปเรียนกลอง จนช่วง ป.6 ก็เริ่มทำวงกับเพื่อนๆ ตอนนั้นอิงต์ก็มาชวนเข้าวง เพราะว่าขาดมือกลอง แล้วก็เล่นยาวมาจนทุกวันนี้” ดีดีอยากแชร์ประสบการณ์ที่มาเป็นส่วนหนึ่งของวง
ในขณะที่เซ้นต์ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดนตรีที่เขารักด้วยเหมือนกัน “ผมมีพี่สาว แล้วพี่ก็อยากเรียนดนตรี แม่ผมเห็นว่าการเรียนดนตรีมันช่วยให้มีสมาธิ เลยส่งทั้งพี่และผมไปเรียน ผมเลือกเรียนเปียโนเพราะว่าที่บ้านมีเปียโนอยู่แล้ว เลยคิดว่าน่าจะได้ซ้อมได้ง่ายๆ จนวันหนึ่งเพื่อนที่เป็นนักดนตรีวงของโรงเรียนบอกว่าขาดมือคีย์บอร์ด เขาเห็นว่าผมเล่นดนตรีได้ ก็มาชวนเข้าวง ผมก็เลยอยู่มาจนปัจจุบัน”
“หนูชอบดนตรีมาตั้งแต่ประถม แต่ก็เปลี่ยนไปเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เล่นอูคูเลเล่ แต่พอมา ป.6 โรงเรียนเขาจัดงานจบการศึกษา ป.6 หนูก็เข้าวงเกือบจะได้ร้องเพลงอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นขาดมือเบสหนูก็เลยเสียสละไปเล่นเบส แล้วก็เล่นมาตลอด ตอน ม.3 เขามีออดิชัน คุณครูก็เลยชวนมาร่วงวง ตอนแรกหนูท้อจนเกือบเลิกเล่นดนตรี แต่คุณครูและเพื่อนก็ให้กำลังใจจนหนูได้กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง” ภาพของน้ำฟ้ากับเบสในมือนักดนตรีสาวมีจึงที่มาที่ไปเช่นนี้
ส่วนอิงต์มารู้ตัวว่าถนัดประสานเสียงจากความชอบในการร้องเพลงของเธอ “หนูชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เพราะพี่ชายหนูก็มาทางดนตรีเหมือนกัน ตั้งแต่จำความได้ก็ได้ยินเสียงดนตรีมาตลอด ตอนเด็กๆ หนูชอบร้องเพลง ชอบการแสดงมาตลอด พอขึ้น ม.ต้นก็ได้เข้าวงคอรัสของโรงเรียน พอย้ายมาโรงเรียนนี้ก็เข้าวงคอรัสอีก แล้วงานปฐมนิเทศหนูเห็นพี่ๆ เล่นดนตรีอยู่บนเวที แล้วมันรู้สึกว่าใช่เลย เขาบอกว่าถ้าอยากเข้าวงก็ให้ไปหาพี่ๆ ที่หลังเวทีหนูก็ไปเลย แล้วก็ได้ออดิชันได้เข้ามาอยู่ในวง”
สมาชิกทุกคนแย่งกันเล่าความเป็นมาของตัวเองก่อนที่จะได้มาร่วมวงนี้ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งขำในเรื่องราวที่เพื่อนเล่าให้ฟัง จนมาถึงวันนี้วันที่ทุกคนได้ทำตามความฝันด้วยความสนุก ค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรและลงมือทำมันให้เป็นจริงโดยไม่รอช้า จนได้มาเป็นวงที่มีความสุขดังเช่นที่เราเห็นในวันนี้
ความสามารถของวงที่ทุกคนได้เห็นจากฝีมือการแสดงบนเวที ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ พวกเขาซ้อมอย่างเต็มที่แม้จะมีเวลาน้อยเพราะวงยังต้องมีความรับผิดชอบจากการไปออกงานแสดงดนตรีที่ผู้ใหญ่ได้มอบหมายให้ ในขณะที่สมาชิกหลายคนมีความสามารถในการเล่นดนตรีมากกว่าหนึ่งชนิด เพราะที่ผ่านมาในบางช่วงเวลา เมื่อมีนักดนตรีในบางตำแหน่งขาดคน สมาชิกที่อยู่ในวงต้องมาหมุนเวียนกันแทนแม้ต้องหัดเล่นเครื่องดนตรีนั้นใหม่ก็ตาม
“ชีวิตแต่ละช่วงวัยมันจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าเราอยากทำอะไรก็ต้องทำเลย ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปแล้วมาเสียใจทีหลัง ถึงเราจะไปเล่นดนตรีในอนาคตมันก็จะไม่ใช่ความรู้สึกนี้ รีบลงมือทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ หาช่องทาง หาโอกาส ตรงไหนได้ให้คว้าเอาไว้ แล้วทำให้เต็มที่”
วง JollyJolly!
Suggestion
เวทีที่ยิ่งใหญ่และความฝันอันใหญ่ยิ่ง
แม้ว่า JollyJolly! จะเป็นวงน้องใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์บนเส้นทางสายดนตรีและการประกวดมากนัก แต่นี่ก็อาจเป็นข้อดีของวง ที่จะเล่นดนตรีด้วยความสุขแล้วส่งความสุขนั้นมาถึงผู้ชมอย่างที่ตั้งใจไว้ แถมได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนเวทีที่ยิ่งใหญ่แบบนี้
พอทราบข่าวการประกวด THE POWER BAND 2022 ซีซั่น 2 ทางวงจึงไม่พลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ “พอเรารู้ว่ามีรายการใหญ่แบบนี้ เราก็เลยสมัคร โชคดีที่งานนี้เป็นช่วงเวลาก่อนที่พี่ ม.6 จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าหลังจากนี้เราก็อาจจะไม่ได้มาแข่งแล้ว แต่ทุกครั้งที่เราได้อยู่บนเวทีคือประสบการณ์ใหม่ๆ ต่างคน ต่างที่ ต่างเวทีก็ได้อะไรที่ต่างกัน พอเราหันไปเจอหน้าเพื่อนๆ ได้เล่นดนตรีด้วยกัน มันคือความสุขแล้ว”
แม้ว่าในช่วงการเตรียมตัวทางวงจะมีงานต่างๆ เข้ามาไม่น้อย แต่วงก็ยังคงทุ่มเทให้กับการเตรียมตัวเข้าแข่งขันอย่างเต็มที่ที่สุด “รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นงานใหญ่งานแรกในชีวิตของทุกคน พวกเรากล้าที่จะออกจากเซฟโซน เพราะไม่เคยประกวดงานใหญ่แบบเวทีนี้เลย เราแค่เล่นดนตรีกันเพื่อความสนุก ดังนั้นงานนี้จึงเปรียบเสมือนความกล้าที่เราท้าทายความฝันที่ยิ่งใหญ่ของวงเรา แม้ว่าก่อนการประกวดเราจะมีเวลาเตรียมตัวน้อย เพราะเราต้องเล่นโชว์ในงานต่างๆ ตั้งแต่งานคริสต์มาสจนถึงงานเกษียณอาจารย์ แต่เราก็เต็มที่ครับ”
“แต่ละคนก็มีความฝันของตัวเอง นี่มันคือโอกาสเดียวที่เราจะได้อยู่บนเวทีเดียวกันกับเพื่อนๆ สักครั้ง ก็ต้องทำให้มันเป็นจริง หรือเราอยากเป็นแชมป์ เวทีนี้เป็นเวทีใหญ่ที่เราก็อยากจะทำให้เต็มที่ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ พอได้ลงมือทำครั้งหนึ่งก็คิดว่าทุกคนเต็มที่”
ไม่ว่าเส้นทางในอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่เราเชื่อว่าความสนุก ความตื่นเต้น และประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตแบบนี้จะยังคงประทับอยู่ในหัวใจของสมาชิกวง JollyJolly! ไปอีกนานแสนนาน “วงเราอาจไม่ได้รางวัล เพราะวงเราเล่นดนตรีเพื่อสุขภาพครับ” หัวหน้าวงทิ้งท้ายการพูดคุยวันนี้ด้วยเสียงหัวเราะ
พาไปรู้จักกับวง JollyJolly หนึ่งในตัวแทน Class A ของสนามที่ 5 กรุงเทพฯ ตามมาดูกันเลย