Passion

“ดนตรีคือเพื่อนที่อยู่กับผมในทุกช่วงเวลา…”
สาธุการ ทิยาธิรา Solar System Band

เพ็ญแข สร้อยทอง 26 Dec 2022
Views: 494

หากคุณชอบอะไรสักอย่างมากๆ เมื่อถึงเวลาต้องเลือก คุณจะไม่คิดถึงอย่างอื่นและไม่จำเป็นต้องคิดซ้ำสอง คุณอาจนึกภาพไม่ออกว่าสิ่งนั้นเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณได้อย่างไร…โดยไม่ทันรู้ตัว สิ่งนั้นได้กลายมาเป็นวัตถุดิบหลักในชีวิตของคุณไปแล้ว

และนั่นคือ วิธีที่ “ดนตรี” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้ชายคนนี้

เรามีโอกาสได้คุยกันในบ่ายวันธรรมดาวันหนึ่ง สำหรับ “ก้อง” วันนี้นับเป็นวันหยุด ซึ่งหมายความว่า เขาไม่ซ้อมกีตาร์ แต่จะออกไปวิ่งในป่าบนภูเขา “วันนี้วิ่งได้ 26 กิโลครับ”

ก้อง – สาธุการ ทิยาธิรา วัย 32 ปี มือกีตาร์ของ โซลาร์ ซิสเต็ม แบนด์ วงดนตรีจากเชียงใหม่ ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดในประเภท Class C หรือประเภทดนตรีสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด จากประกวดวงดนตรี THE POWER BAND 2022 Season 2 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย งานนี้เขายังได้รับรางวัล Outstanding หรือ นักดนตรียอดเยี่ยมไปครองอีกตำแหน่งด้วย

สำหรับก้อง ดนตรีและกีตาร์เข้ามาในชีวิตเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ “ผมโตในโบสถ์” คุณพ่อของเขาเป็นพาสเตอร์ (Pastor) ทำงานในโบสถ์ “กิจกรรมทุกวันคือ ตอนเช้าทุกคนมารวมตัวกันแล้วร้องเพลง อธิษฐาน อ่านไบเบิล ก่อนนอนก็เหมือนกัน ตื่นมาก็จะได้ยินเสียงเพลงก่อน คุณพ่อเล่นกีตาร์ ลูกทุกคนก็จะต้องเล่นกีตาร์ให้ได้”

ดนตรีคือเพื่อนที่อยู่กับผมในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเสียใจ ร้องไห้ มีความสุข
ประสบผลสำเร็จ แพ้…ผมคิดว่าจะอยู่กับเพื่อนคนนี้ไปตลอดชีวิต ผมรู้สึกว่าดนตรีมีความพิเศษ
รู้สึกปลอดภัยว่านี่เป็นโซนของเรา”

ก้อง – สาธุการ ทิยาธิรา (กีตาร์)
วง Solar System Band

 

แรกพบกับกีตาร์ที่หลงใหล

เขาเริ่มจับกีตาร์จริงจังตอนอายุประมาณ 12 ปี โดยมีคุณพ่อเป็นคนสอนพื้นฐานการเล่นกีตาร์ให้ ก้องยังได้เรียนรู้เครื่องดนตรีอื่นๆ เช่น เปียโน ไวโอลิน ฯลฯ แต่กีตาร์เป็นที่หนึ่งสำหรับเขาเสมอมา ตอนเด็กๆ ก้องฝึกด้วยการเปิดเทปฟังและเล่นตามไปเรื่อยๆ

“รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เราทำแบบนั้นบ่อยขึ้นๆ เป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองชอบทางนี้ หลงใหล ไม่เบื่อ มีอะไรให้ค้นหาตลอด เราไม่เคยถามตัวเองว่าอยากจะเป็นนักดนตรีหรือเปล่า แต่เราเอาจริงเอาจัง เราอยู่กับมันได้นานๆ เหมือนลืมเวลาไปเลย”

และวงดนตรีที่มีอิทธิพลกับเขาคือ X Japan “เพลงของเขาจะมีเพลงบรรเลงหรือมีท่อนอินโทรยาวๆ ทำให้เรามีเวลาใช้ความคิดของตัวเอง”

เขาสอนตัวเองเล่นกีตาร์ ฝึกซ้อมทุกๆ วันเป็นเวลาหลายปี ช่วงอายุประมาณ 17 ปี เขาเข้าไปขออนุญาตพ่อแม่เพื่อออกไปตามล่าตามหาความฝันในการเป็นนักดนตรี ในตอนแรกพ่อกับแม่ปฏิเสธ “เขากลัวเราไม่ได้จริงจัง เป็นห่วงว่าจะรอดไหม เราก็ยืนยันขอเวลาขอโอกาส”

 

ทำหน้าที่เรียนให้จบเร็ว…เพื่อดนตรีที่รัก

ต่อจากนั้นมาเขาหันหลังให้กับการเรียน เพื่อจะได้มีเวลาฝึกซ้อมกีตาร์มากขึ้น ก้องออกจากบ้านมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง “ผมไปเรียนหลักสูตรเมดิคอลมิสชันนารี เพื่อจบมาทำงานในองค์กรศาสนา ทำให้มีเงินใช้จ่าย มีเวลาซ้อม”

ถึงจุดหนึ่ง ก้องคิดว่าตัวเองต้องมีคนคอยชี้แนะเพื่อการพัฒนา แต่ในเมื่อไม่มีเงินไปเรียน เขาก็ขอแลกด้วยการทำงาน แม้ตอนแรกครูสอนกีตาร์จะไม่ได้ตอบรับ แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของก้องจึงตอบตกลงในที่สุด

ก้องฝึกวิชาอย่างเข้มข้นนานเป็นปีๆ ก่อนจะได้เริ่มเส้นทางนักดนตรีอาชีพ “ทีนี้ก็ได้เข้าไปสู่สังคมของจริง ได้รู้ว่าที่ฝึกมาแย่หรือดียังไง” และระหว่างนั้นก้องมีตั้งเป้าหมายว่าจะต้องฝึกซ้อมให้ถึงระดับที่สามารถทำผลงานของตัวเองได้ “ผมแต่งเพลงเก็บไว้ตลอด พยายามฝึกฝนตัวเอง เหมือนเป็นชาเลนจ์ในทุกๆ วัน”

ในเชียงใหม่มีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเหล่านักดนตรีได้ไปพบปะ “ถ้าคุณมั่นใจก็สามารถขึ้นเวทีไปประชันกันได้เลย ผมก็เริ่มเอาเพลงไปเล่น ไปหาวงหาคนที่เราชอบ ไปเล่นด้วยกัน” และที่นั่นเอง ก้องได้พบกับสมาชิก โซลาร์ ซิสเต็ม แบนด์ ก่อนจะฟอร์มวงและเข้าร่วมแข่งขัน THE POWER BAND 2022 Season 2 ก่อนจะกลายเป็นแชมป์ Class C ในที่สุด

มุ่งหน้าสู่สายอาชีพด้วยความมุ่งมั่น

ปัจจุบันก้องเป็นนักดนตรีอาชีพ ทำงานในสถานบันเทิงและและห้องบันทึกเสียง “ทุกวันนี้เล่นดนตรีประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์” และซ้อมกีตาร์เกือบทุกวัน วันละประมาณ 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน

ถึงตอนนี้ ดนตรีกลายเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดตลอดชีวิตของก้อง การใช้ชีวิตโดยปราศจากดนตรีนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ “สำหรับผม ดนตรี คือเพื่อนที่อยู่กับผมในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเสียใจ ร้องไห้ มีความสุข ประสบผลสำเร็จ แพ้…ผมคิดว่าจะอยู่กับเพื่อนคนนี้ไปตลอดชีวิต วันหนึ่งถ้าหากว่าเรามีครอบครัว มันก็ยังคงอยู่กับเรา เพียงแต่อาจจะอยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง”

ดนตรีเปลี่ยนจากการเป็นส่วนเล็กๆ ในชีวิตไปสู่ความหลงใหล โดยเฉพาะดนตรีบรรเลง “ผมรู้สึกว่า ดนตรีที่นำพาจินตนาการได้มันมีความพิเศษ คำว่าอินก็คือ จิตใจเรารู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่านี่เป็นโซนของเรา จึงปล่อยตัวปล่อยใจ จินตนาการจะนำให้เราเกิดความรู้สึกมากมาย โดยไม่มีเนื้อเพลงบังคับ

“สไตล์ดนตรีของผมมันผสมผสาน เรียกว่าเป็นฟิวชัน ไม่ได้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะผมพยายามสร้างอะไรใหม่ๆ ไม่ได้ใหม่สำหรับโลกนะ แต่ใหม่สำหรับตัวเอง” ก้องยังชื่นชอบนักเล่นกีตาร์หลายๆ คน หลายๆ แนวทาง “แต่ละคนมีจุดเด่นที่เราชอบ เราชื่นชมคนเก่ง แต่ไม่ได้มีไอดอลชัดเจน”

 

เปิดรับโอกาสกับความสุขอย่างเต็มอิ่ม

วันนี้เป้าหมายทางด้านดนตรีของก้อง คือ “สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ อันนี้คือทางด้านเนื้อหนัง ส่วนทางด้านจิตใจ คืออยากจะสร้างผลงานของตัวเอง เล่นเพลงของตัวเองแล้วมีคนชื่นชอบ มีคนเข้าใจงานศิลปะของเรา จะมีความสุขมาก”

หนึ่งเพลงจากฝีมือของก้องกำลังจะออกสู่สาธารณะ หลังจากที่เขานำเพลงนี้มาใช้ในการแข่งขัน THE POWER BAND 2022 Season 2 และวงได้รับรางวัลชนะเลิศที่มาพร้อมกับโอกาสในการ “ทำเพลง” และทำ MV โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสร้างสรรค์ร่วมกับค่ายเพลงระดับประเทศ อย่าง Boxx Music หนึ่งในห้าค่ายเพลงที่ร่วมจัดการแข่งขันครั้งสำคัญนี้

“ผมชอบการแข่งขันครั้งนี้ตรงที่เขาใช้เพลงแต่งและเรียบเรียงใหม่ ในการแข่งขันเราอยากฟังความคิดของคนอื่นด้วย  เวลาเรียบเรียงเพลงใหม่ เขาจะไปทางไหน”

การแต่งเพลงของก้องมักจะได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจทั้งดีและไม่ดี “เราพยายามแปลงสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นความทรงจำ ให้ไปอยู่ในเพลง เก็บไว้เป็นไดอารี่ของผม”

ก่อนโควิด-19 ระบาด ก้องกำลังจะไปได้ดีกับการก้าวไปอีกหนึ่งขั้นในเส้นทางดนตรี “ผมทำเงินได้จากการแต่งเพลงและขายเพลงให้กับต่างประเทศ เริ่มมีคนให้ไปร่วมงาน” แผนการที่เตรียมจะนำผลงานออกเผยแพร่ตามช่องทางต่างๆ ก็ต้องหยุด “โควิดถึงขั้นช็อกชีวิตเราเลย เพราะไม่ได้เตรียมตัวเองไว้ สำหรับเรา 100% คือการเป็นนักดนตรีและฝึกซ้อม” ยิ่งเมื่อล้มป่วยด้วยไวรัสร้าย “ยิ่งซ้ำเติมจิตใจ” หลังผ่านพ้นวิกฤต เขาก็กลับเข้าสู่แผนการเดิม

“ตอนนี้ก็บันทึกเสียงเพลงเก็บไว้ เตรียมไว้เยอะ เพื่อจะไปลงในแพลตฟอร์มต่างๆ ถ้าเป็นนักวาดรูป ตอนนี้ผมกำลังวาดรูปอยู่ในห้อง วาดไว้เต็มไปหมด แล้วผมจะเลือกชิ้นผลงานไปจัดแสดง งานที่เป็นตัวของผมเอง และการไปประกวดครั้งนี้ (THE POWER BAND) ก็เหมือนเป็นประตูบานหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ผมได้ไปแสดงงาน รวมถึงเอางานไปกระจายต่อได้”

เดินหน้าตามความฝันต่อไป

หากคิดทบทวนตั้งแต่วันที่ขอคุณพ่อคุณแม่ออกมาตามหาความฝันเรื่องดนตรีจนถึงวันนี้ ก้องพบว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลง แตกต่าง และพัฒนามากยิ่งขึ้น

“วันนี้เรามีความเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เรื่องสกิลผมคิดว่าตัวเองพัฒนาจากตอนเริ่มต้นมาก  รางวัลที่เราได้รับเป็นสิ่งที่บอกว่า ผมจริงจังและไม่ได้เลือกผิดทาง”

แต่เส้นทางในฐานะนักดนตรียังอีกยาวไกล ก้องยังคงมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนพัฒนาตัวเองต่อไป “การที่จะเก่งดนตรีได้ มันไม่มีฟลุก จะต้องขยัน ต้องแบ่งเวลา ต้องจัดการตัวเอง ความมีวินัยเป็นพื้นฐานของคนที่จะประสบความสำเร็จ” และ “จะต้องมีความรักในสิ่งที่ทำ มันจะเพลิดเพลิน สนุก ถ้ารักมากพอ เราจะยอมเปลี่ยนตัวเอง เคยเป็นคนขี้เกียจ เราก็จะขยัน ไม่มีเวลา เราก็จะหาเวลา”

ในเรื่องดนตรี ก้องบอกว่าเขาไม่เคยรู้สึกหมดไฟ “มีบางเวลาที่ขี้เกียจซ้อมบ้าง” สิ่งที่ต้องทำคือ ทบทวนตัวเองถึงสิ่งที่เป็นอยู่และเป้าหมายที่จะมุ่งไป “สิ่งที่เราควบคุมได้ก็คือตัวเราเอง การเอาชนะใจตัวเองยาก แต่ต้องทำให้เป็นนิสัย ไม่ใช่ว่าผมทำได้ดีแล้วนะ แต่ผมก็พยายามควบคุมให้ให้อยู่บนเส้นทางให้ได้ ผมคิดตลอดว่ากำลังเดินทางอยู่ ทำให้ผมเซย์โน (กับสิ่งยั่วยวนต่างๆ) ได้ง่ายขึ้น แล้วเวลาที่เราพลั้งพลาดหรือล้มก็จะลุกขึ้นมาได้ แบบไม่ยากเย็น”

ถ้าหากจะให้คำแนะนำกับคนที่กำลังเริ่มต้นกับดนตรี ก้องบอกว่า “ขอให้ทำจริงๆ ขะมักเขม้น คนที่จริงจังจะมีแผน มีวินัย เรียนรู้ ในอนาคตแม้เราจะไม่ได้เป็นนักดนตรี แต่สิ่งที่เราทำอย่างจริงจังในวันนี้ก็จะไม่หายไป”

เพราะในดนตรีมีความหวังและแง่บวกอยู่เสมอ การทุ่มเทให้กับดนตรีจะไม่สูญเปล่า แค่หนึ่งคนฟังชื่นชอบหรือหนึ่งคนบรรเลงสุขใจ นั่นก็นับว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว

 

วิ่งเพื่อดนตรี วิ่งเพื่อความสำเร็จ

“ถ้าไม่ได้เป็นนักดนตรี คุณคิดว่าจะเป็นอะไร”

ณ วันนี้ ก้องบอกว่าเขาไม่มีตัวเลือกอื่นสำหรับคำถามนี้ ที่ผ่านมาเขาเคยลองทำงานอื่นๆ มาหลายอย่าง แม้จะเป็นงานซึ่งสร้างรายได้มากกว่าการเป็นนักดนตรี แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ไปต่อ เพราะงานเหล่านั้นไม่ตอบโจทย์ความต้องการของหัวใจนัก แต่การวิ่งดูจะเป็นส่วนหนึ่งของแพสชันของเขาอยู่เหมือนกัน

• ก้องก็เหมือนคนทั่วไปซึ่งอยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากร่ำรวย มีความเป็นอยู่สุขสบาย
“แต่ผมมองหาสิ่งที่สามารถตอบสิ่งที่อยู่ในใจ ถ้าเรามีบ้านมีรถมันก็อาจจะหายไปได้ แต่ว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเราจะยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน ผมคิดว่าดนตรีเป็นแพสชันเดียวที่ผมมี ผมมีความสุข ผมไม่คิดที่จะร่ำรวยจากทางด้านอื่น อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้”

• เกือบทุกอย่างในชีวิตของก้องล้วนเกี่ยวข้อง และ “เป็นการต่อยอดทางด้านดนตรี”
แม้กระทั่ง “การวิ่ง” ซึ่งเป็นกิจกรรรมที่เขาใช้เวลามากที่สุดรองมาจากการทำงานดนตรี ซ้อมกีตาร์ และแต่งเพลง

• เริ่มต้นวิ่งเมื่อราว 1 ปีก่อน หลังหายป่วยจากโควิด-19
ทำให้ก้องหันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น “ตอนนั้นผมน้ำหนักมากกว่านี้ประมาณ 10 กว่ากิโล พออ้วนแล้วก็ซ้อมกีตาร์นานไม่ได้เพราะมือชา หมอบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากไขมันไปอุดตันตามเส้นต่างๆ ให้ไปออกกำลังกายดู ผมก็ไปเตะบอล ไปวิ่ง แล้วมือก็หายแบบปลิดทิ้ง”

• จากนั้น เขาจึงรับการวิ่งมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ก้องวิ่งวันละ 2 มื้อ…เช้า-เย็น วิ่งวันละประมาณ 10-15 กิโลเมตร และกว่า 20 กิโลเมตรในวันหยุด “วิ่งขึ้นภูเขา วิ่งในป่า ทำให้จิตใจและสมองโล่ง ผ่อนคลาย วิ่งกับเพื่อนๆ ก็ได้คุย ได้หัวเราะ” ก้องลงสนามแข่งขันวิ่งบ้าง เป็นเหมือนกิจกรรมสนุกๆ ที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ ไม่ได้จริงจังนัก

• การวิ่งมีประโยชน์หลายอย่างในความคิดของก้อง
ที่สำคัญคือทำให้เขาเป็นนักดนตรีที่ดีขึ้นด้วย “วิ่งแล้วเหงื่อออกทำให้ความเครียดลดลง ด้วยวิถีชีวิตทำให้เรานอนดึก ฮอร์โมนก็เปลี่ยน พอออกกำลังกายมันก็ไปรีเซ็ตร่างกาย วิ่งแล้วเหนื่อย เราก็จะนอนพักผ่อน เมื่อนอนพอ ฮอร์โมนก็ทำงานได้ดีขึ้น ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่า คิดงานออก เราใช้สมองได้ดีขึ้น ใช้ประสิทธิภาพร่างกายได้ 100%

• การวิ่งคือส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จ
ผมคิดว่าการเริ่มสนใจสุขภาพเป็นเหมือนประตูบานหนึ่ง ผมอยากมีความสุขด้วย แข็งแรงด้วย  “ถ้าสุขภาพดี คิดอะไรก็ออก ไปซ้อมก็เพลิน มันว้าวมาก”

Author

เพ็ญแข สร้อยทอง

Author

เชื่อในพลังของตัวอักษรและการเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ นอกเหนือจากบ้านแล้ว ใช้เวลาส่วนใหญ่ในร้านกาแฟ ชอบเที่ยว ชิมอาหาร อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ ฟังเพลง แคคตัส และแมว

Author

บริษัท เอ็กเปิร์ดคิด จำกัด

Photographer

การรวมตัวของคนโปรดักชั่น ที่ยังเชื่อในพลังสร้างสรรค์ เราจึงคิดและผลิตงานศิลปะทุกรูปแบบ