Product

SILK MASTER ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม
และความภูมิใจของชุมชน

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว 23 May 2022
Views: 984

ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากผ้าไหมเป็นสัญลักษณ์และของที่ระลึกยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะซื้อฝากผู้คนที่เขาระลึกถึง และเป็นสินค้าที่พอถึงมือผู้รับทุกคนจะทราบทันทีว่า นี่คือของขวัญจากประเทศไทย

ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่มีอยู่ในทุกอณูของเนื้อผ้าและลวดลายที่สื่อถึงประเทศที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะตัว และกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่ทาง ซิลค์ มาสเตอร์ ได้เป็นตัวแทนในการส่งและแสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยนี้ไปทั่วโลก คุณณัฐธีร์ วงศ์เธียรชัย ทายาทรุ่นที่ 2 ของ ซิลค์ มาสเตอร์ ได้เล่าให้เราฟังถึงความเป็นมาของแบรนด์นี้ว่าถือกำเนิดมาได้อย่างไร

“ซิลค์ มาสเตอร์ เป็นชื่อที่ทางลูกค้าตั้งให้เมื่อสัก 30 ปีมาแล้ว ช่วงแรกๆ ที่คุณแม่ทำมาประมาณ 20 ปี ยังคงใช้ชื่อเดิมคือ สมรไหมไทย แล้วมีตัวย่อคือ SM นั่นเลยเป็นที่มาของ ซิลค์ มาสเตอร์ และกิจการผ้าไหมนี้เกิดจากคุณแม่ผมเป็นคนอำเภอปักธงชัย โคราช โดยพื้นฐานคนปักธงชัยในสมัยนั้นทำผ้าไหมกันอยู่แล้ว มีอาชีพทอผ้าไหมกันทั้งหมู่บ้าน เพราะมีโรงงานจิม ทอมป์สันตั้งอยู่ตรงนั้น และผ้าไหมของปักธงชัยจะขึ้นชื่อเรื่องผ้าพื้น มีแบบผ้า 1 เส้น 2 เส้น 4 เส้น แล้วก็ที่เรียกว่าผ้าไหมไทยลักษณะจะออกขนหน่อยๆ คุณแม่ทำผ้าไหมมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ก็เลยเห็นมาตลอด”

ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลิตเส้นไหมเอง เพราะทางกรมหม่อนไหมมีการพัฒนาเส้นไหมไทยที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว  ซิลค์ มาสเตอร์จึงซื้อเส้นไหมมาจากทางผู้ผลิต นำมาย้อมสี ฟอกกาว และทอเองในโรงงาน เพื่อส่งขายให้กับทางร้านขายของที่ระลึกหรือร้านของบริษัททัวร์ในกรุงเทพฯ เสียเป็นส่วนใหญ่

การเป็นผู้ผลิตเองตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของซิลค์ มาสเตอร์ “เราเป็นผู้ผลิตตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง เราจึงสามารถปรับหรือเปลี่ยนแปลงตัวสินค้าได้ง่าย ถ้าทางลูกค้าอยากได้สินค้าพิเศษอะไร สามารถให้โจทย์เรามาได้เลย เราจะปรับตัวสินค้าได้ไวตามความต้องการและความนิยมที่เปลี่ยนไป”

เพราะดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานทาง ซิลค์ มาสเตอร์ ก็พบกับความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยที่เปลี่ยนไปหรือเจอกับสถานการณ์โลกต่างๆ จึงต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าตามกลุ่มลูกค้ามาตลอด “ตั้งแต่อดีตในช่วงแรกๆ นักท่องเที่ยวก็จะเป็นลูกค้ายุโรป ยกตัวอย่าง คนอิตาลีจะชอบผ้าไหม ส่วนใหญ่ก็ชอบสีสดๆ สีชมพู สีเขียว ต่อมาก็เป็นทัวร์ญี่ปุ่น สีก็จะเรียบร้อยขึ้น เริ่มเอาผ้าพื้นมาแปรรูปเป็นเสื้อเชิ้ต เป็นผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า อันนี้เป็นสินค้ายอดนิยมเลย คนญี่ปุ่นชอบมาก

หลังๆ มานี้จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้น ทางเราก็ปรับสินค้าให้ชิ้นเล็กลง เป็นกระเป๋าที่ระลึกใบเล็กๆ เพิ่มมากขึ้น และจากผ้าพื้นเราเริ่มมีการพิมพ์ลายลงไป ทำให้ผ้ามีความหลากหลายขึ้น ข้อดีของเราคือ เรามีโอกาสได้เจอลูกค้าโดยตรง เราจึงได้รับความคิดเห็นและทำการปรับรูปแบบหรือการตกแต่งสินค้าได้เร็ว เราเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็พยายามทำการตลาดให้ผ้าไหมเป็นที่สนใจในกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นด้วย”

 

เอกลักษณ์และความเป็นไทยในลายผ้า

นอกจากเนื้อผ้า ความเงางาม และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของผ้าไหมไทยแล้ว ยังมีลวดลายบนผืนผ้าที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยอย่างเด่นชัด แน่นอนว่าถ้าพูดถึงประเทศไทย ไม่ว่าใครหรือนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็คงนึกถึงช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเราเป็นสิ่งแรก ลายช้างบนผืนผ้าไหมจึงมาคู่กันอย่างแยกออกจากกันไม่ได้เลย ลายช้างบนสินค้าประเภทต่างๆ จึงเป็นขายดีที่สุด

“อย่างผ้าพันคอเราก็ผลิตลายช้างมาขายนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ชอบลายช้างกันอยู่แล้ว ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ของ ซิลค์ มาสเตอร์ จะมีลายช้างเยอะมาก ทั้งช้างนั่ง ช้างยืน ช้างทรงเครื่อง ช้างเด็ก ช้างโต ลายที่นิยมรองลงมาก็จะเป็นลายกล้วยไม้ และก็มีลายไทยแซมบ้าง เช่น พวกลายกำแพงวัดหรือลายเบญจรงค์ ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม”

นอกจากลวดลายแล้ว วิธีการผลิต การย้อมสี หรือการทอของผ้าไทยก็ยังคงเอกลักษณ์และความสวยงามไว้เสมอ ทาง ซิลค์ มาสเตอร์ เองก็ยังคงยึดถือวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ “เรายังคงเอกลักษณ์ของผ้าไหมไทยไว้ เพราะการทอผ้าไหมนั้นมีเอกลักษณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีคนทำผ้าไหมน้อยลง เราก็จะยังคงวิธีการผลิตไว้เหมือนเดิม

ที่สำคัญผ้าไหมไทยจะมีความเงางามกว่าผ้าไหมชนิดอื่นๆ เพราะผ้าไหมไทยทอจากเส้นด้าย ย้อมสีจากเส้นด้าย เช่น วิธีการทอถ้าเราใช้เส้นยืนเป็นสีดำ เส้นพุ่งมีสีที่เหลื่อมน้ำเงิน ก็จะทำให้ผ้าของเรามีความเหลื่อมของสองสี ดูเงางามแปลกตา อันนี้มันอยู่ที่การผลิตของเรา ถ้าเป็นผ้าขนสัตว์ต่อให้ฟอกอย่างไรก็ไม่ละเอียดเท่าผ้าไหม เพราะผ้าไหมออกมาจากใยข้างในเลย มีความละเอียด ความเงางาม สวยมาก และผ้าไหมของเราก็จะเป็นผ้าไหมที่ค่อนข้างเป็นทรง นำไปทำเป็นอะไรก็สวย”

อีกหนึ่งหน้าตาของสินค้าไทย

เพราะผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นสินค้ายอดนิยมและเชิดหน้าชูตาประเทศอยู่ไม่น้อย ในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ จึงต้องมีสินค้าและผ้าไหมไทยอวดโฉมอยู่เสมอ และทาง ซิลค์ มาสเตอร์ ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าคุณภาพใน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ด้วย

“เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับ คิง เพาเวอร์ มานานแล้ว เพราะผ้าไหมเป็นสินค้ายอดนิยมอันดับต้นๆ ของไทย เราได้ไปขายตั้งแต่ยังอยู่ที่ดอนเมือง และตอนนี้ก็ยังคงมีสินค้าของเราอยู่ในทุกสาขา รวมถึงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ เช่น กระเป๋าที่ระลึกทรงต่างๆ กล่องใส่ลิปสติก แล้วในช่วงโควิดเราก็ทำแมสแจก และทางผู้ขายให้ความสนใจเราก็เลยทำจำหน่าย ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะเราใช้ผ้าไหมทั้งตัวข้างนอกและซับด้านใน ผ้าไหมจะช่วยลดอาการแพ้หรือช่วยไม่ให้เกิดสิว เวลาที่เราใส่แมสนานๆ ก็ระคายเคืองน้อย คนมักคิดว่าผ้าไหมใส่แล้วร้อน แต่จริงๆ แล้ว ผ้าไหมเป็นเส้นใยที่โปร่งที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับคอตตอนผ้าไหมจะระบายอากาศได้ดีกว่า”

สินค้ายอดนิยมของ ซิลค์ มาสเตอร์ ในตอนนี้จะเป็นกระเป๋าใบเล็กๆ ทรงต่างๆ ที่เหมาะกับการซื้อไปเป็นของขวัญของฝาก เพราะทั้งสวยงาม มีเอกลักษณ์ และใช้งานง่าย ใครได้รับก็ประทับใจ ดูเหมือนเป็นของที่หาซื้อง่าย แต่ขั้นตอนในการผลิตสินค้าเหล่านี้แต่ละชิ้นนั้นไม่ง่ายเลย ผ่านการคิด การวางแผนการทำงาน และการปรับปรุงมาหลายขั้นตอนไม่ใช่เล่นๆ

“ขั้นตอนการทำงานของเรา เริ่มจากการตีโจทย์ของลูกค้าก่อน บางทีลูกค้าให้ผ้ามาเราก็ไปดูว่าผ้าแบบนี้เหมาะกับกระเป๋าทรงไหน ลูกค้าเป็นกลุ่มไหน ถ้าทำกระเป๋าทรงมาตรฐานเราก็จะไปเพิ่มการตกแต่ง เพิ่มลูกเล่น ถ้าเป็นยุคนี้ก็อาจจะเพิ่มเพชร เพิ่มคริสตัลเข้าไป กระเป๋าที่เราเห็นนั้นด้านนอกเป็นผ้าไหม แต่ด้านในจะมีซับในหลายชั้น ต้องมีการวางโครงของกระเป๋าก่อน

ด้วยความที่เราทำมานาน เราก็จะได้รับความคิดเห็นจากลูกค้า เช่น กระเป๋าผู้หญิงต้องมีซิป หรือมาถึงยุคของมือถือเราก็ต้องเพิ่มช่องใส่มือถือ ในสมัยก่อนช่องนี้ก็จะเป็นช่องใส่ตลับแป้งหรือลิปสติก มันจะเปลี่ยนตามยุคสมัย บางทีก็ต้องมีสายคล้องพวงกุญแจหรือกระเป๋าเศษสตางค์ หากในอนาคตคนอาจจะไม่ใช้มือถือแล้ว ช่องตรงนี้ก็จะหายไป

หลักๆ ก็คือ ดูโจทย์ลูกค้า ดูลายผ้า เพราะบางทีลูกค้าอยากได้แบบนี้ แต่ตัวผ้าหรือลายอาจจะไม่ลงตัว ก็ต้องมาคุยกันใหม่”

 

ผ้าไหมไทยต้องจับต้องได้

ในช่วงหลายปีมานี้ ซิลค์ มาสเตอร์ต้องเจอกับโจทย์หลายอย่างในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องมีการแก้โจทย์และพัฒนา เพื่อให้สินค้ายังคงได้รับความนิยมและไม่สูญหายไปตามกาลเวลา อย่างเช่น การเพิ่มช่องทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น หรือแม้แต่การจูงใจให้คนไทยหรือกลุ่มวัยรุ่นหันมาสนใจใช้ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมมากขึ้น

“โจทย์ตอนนี้ของเรา คืออยากให้ผ้าไหมจับต้องได้ เรากำลังพยายามคิดกันอยู่ และก็จะมุ่งช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่ก็ต้องทำการบ้านให้มากกว่านี้ ให้พร้อมกว่านี้ และวันนี้เราจะต้องเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่แค่ร้านขายของที่ระลึกหรือนักท่องเที่ยว

สิ่งที่ผมคิด คืออยากให้วัยรุ่นมาใช้หรือมาใส่ผ้าไหมแล้วไม่รู้สึกว่าแก่ เคยมีลูกค้ายกเลิกแมสของเรา เพราะเขาไม่อยากใช้ผ้าไหม เขารู้สึกว่ามันแก่ เรื่องนี้ทำผมเจ็บปวดมาก ก็เลยมีความฝันว่าอยากให้วัยรุ่นมองมุมใหม่ ว่าจริงๆ แล้ว ผ้าไหมไม่ได้แก่ ผมคิดเล่นๆ ว่า อาจจะเอาผ้าไหมไปใส่ลายมิกกี้เมาส์ด้วยซ้ำ หรือลวดลายก็อาจจะไม่ใช่ช้างทรงเครื่องแล้วจะต้องปรับ ตอนนี้ก็ดูทิศทางอยู่ว่าเราจะไปในทิศทางไหน เพราะเราอยากให้วัยรุ่นใช้ ตอนนี้งานของเราก็จะมีเด็กๆ ที่เรียนทางด้านการออกแบบเข้ามาช่วย เราก็จะได้ไอเดียตรงนี้เพิ่มเข้ามาด้วย”

ส่งต่อ สืบสาน ไม่ให้สูญหาย

การสืบสานและส่งต่อภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหมไทยรูปแบบดั้งเดิมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่เห็นคุณค่าเข้ามาเรียนรู้และอนุรักษ์วัฒนธรรมการทอผ้า และปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อให้ยังคงมีการใช้ผ้าไหมกันในยุคปัจจุบัน

“ก็มีเด็กๆ รุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ผมว่าไม่หมดไปอย่างแน่นอน และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการประกวดดีไซน์เนอร์ไทยตลอดมา ที่จะต้องมีโจทย์ของผ้าไทย ดีไซน์เนอร์เก่งๆ มีเยอะและเกิดใหม่ทุกวัน ยังมีคนกลุ่มนี้อยู่และยังมีคนที่เห็นเสน่ห์ของผ้าไหมไทย รวมทั้งคนที่เคยใช้และได้สัมผัสผ้าไหมจะหลงเสน่ห์ของผ้าไหม และเขาก็จะไปสานต่อตรงนี้ต่อไปไปเรื่อยๆ เอง”

ตัวคุณณัฐธีร์เองที่ดูแลทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจและทางครอบครัว รวมถึงทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของ ซิลค์ มาสเตอร์ ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจผลิตผ้าไหมที่มีคุณภาพและสืบสานให้ผ้าไหมไทยให้ยังคงอยู่ต่อไป

“ทุกวันนี้ความสุขของผมก็คือยังเห็นว่ามีคนใช้ผ้าไหม จะรู้สึกปลื้มมาก และเวลาไปต่างประเทศผมจะชอบไปเดินดูที่แผนกของแต่งบ้าน แล้วถ้าเห็นว่าเป็นงานผ้าไหมไทยก็มีความภูมิใจนะ ภูมิใจที่เรายังได้ทำ ได้อนุรักษ์ และได้ช่วยผู้ที่ยังคงทำและทอผ้าไหมอยู่” และเราก็เชื่อว่าของดีมีคุณภาพ ของที่เป็นวัฒนธรรมหนึ่งของชาติ ของที่ยังคงมีคนรุ่นใหม่เห็นในคุณค่า ก็จะยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน

 

SILK MASTER

ที่ตั้ง : 7 ซอยลาดพร้าว 128 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310

 

Facebook: SILK MASTER

 

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย

คลิก: SILK MASTER

 

สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา

 

ปักหมุดจุดเช็กอิน–แชะรูป–ท่องเที่ยวใกล้เคียง

• วัดปทุมคงคา (นกออก) สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาและเป็นวัดของชุมชนชาวมอญ ศาสนสถานที่สำคัญและเก่าแก่ของวัดแห่งนี้คือ หอไตรกลางน้ำและสิมโบราณอายุกว่า 200 ปี ภาพเขียนบนเพดานเป็นภาพจิตรกรรมที่เขียนด้วยฝุ่น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ และเป็นโบราณสถานชุมชนมอญของชาวโคราช

• พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน อาคารพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียและเป็น 1 ใน 7 แห่งของโลก จัดแสดงพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่อายุประมาณ 8 แสนปี – 150 ล้านปีก่อน มีทั้งส่วนจัดแสดงและห้องฉายแอนิเมชัน 5 มิติ ที่แสดงเรื่องราวของจักรวาลและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก และแสดงไม้กลายเป็นหินอัญมณีที่มีสีสันที่สวยงาม และมีพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์อีกด้วย

• จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เที่ยวชมวิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แปลงผักปลอดสารพิษ ชมความงดงามของธรรมชาติ ทุ่งดอกไม้นานาพรรณ ท่ามกลางภูเขาและทุ่งหญ้า เปิดให้เข้าชมปีละ 1 เดือนเท่านั้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้นักท่องเที่ยวและเลือกซื้อผักปลอดสารพิษ พร้อมเรียนรู้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวอีสาน

Author

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว

Author

นักเล่าเรื่อง ผู้มีหนังสือและการเดินทางเป็นดั่งลมหายใจ นิยมชมชอบท้องฟ้า กาแฟ และแมว