Summary
THE POWER BAND 2025 SEASON 5 สนามภูเก็ต มีความพิเศษซ่อนอยู่ตรงเรื่องของการกลับมา “สู้” อีกครั้งของวงที่เคย ‘แพ้’ ไม่ว่าจะผิดหวังจากซีซันก่อนหน้าหรือที่กลับมาแก้มือใหม่หลังพลาดตั๋วใบสุดท้ายที่สนามอื่นๆ ในซีซันนี้ Thaipower.co ชวนไปติดตามเรื่องคุณค่าของความพ่ายแพ้ พร้อมแนวคิดดีๆ จากน้องๆ “นักร้องนำ” ทั้ง 9 คน จากทั้งหมด 8 วงในรุ่นมัธยมศึกษา กันได้เลย!!!
เผลอแป๊บเดียว THE POWER BAND 2025 SEASON 5 การประกวดดนตรีสากลประจำปี 2568 จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับพันธมิตรจากหลายๆ ค่ายเพลงชั้นนำระดับประเทศ และ Multiply by Eight ภายใต้คอนเซปต์ MUSIC CREATES MORE POSSIBILITIES พลังดนตรี เป็นไปได้ ไม่สิ้นสุด เดินทางขับเคี่ยวอย่างดุเดือดจนมาใกล้รอบตัดสินแล้ว
มินา วง SOUL SYNC
มาย วง SoundScuplt
ที่สนามภูเก็ตมีวงดนตรีที่พร้อมเปล่งประกายดั่งเพชรเม็ดงามอยู่หลายวง ทั้งวงที่มาจากภาคใต้และภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสุดยอดวงดนตรีระดับรุ่นมัธยมศึกษา (High School Class) ที่ผ่านเข้าสู่รอบการแสดงสดมีทั้งหมด 8 วงด้วยกัน เช็กผลตัดสินสนามภูเก็ตพร้อมเก็บตกบรรยากาศเวทีการแสดงในวันนั้น คลิกที่นี่
ซ้าย: มาตา วง Environment กลาง: ธันวา วง Penmanship
ขวา: พริม กับม่านไหม วง The Humble
ส่วนใหญ่พอได้เห็นชื่อวงเข้ารอบหรือชื่อนักร้องนำที่วงมาแสดงสดกันในรอบโซนนิ่ง บอกได้เลยว่าหลายวง “มีประสบการณ์” เคยผ่านการแข่งขัน THE POWER BAND ในซีซันก่อนหน้ามาแล้วไม่น้อย และก็ยังมีวงดนตรีอีกส่วนหนึ่งที่เพิ่งมาชิมลางในรายการประกวดดนตรีสากลระดับประเทศครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทุกวงต่างแสดงฝีไม้ลายมือทางด้านดนตรีกันไว้แบบ “ไม่ใช่มือใหม่“ อย่างแน่นอน
ซ้าย: แพรว วง OZONE กลาง: ปลาวาฬ วง Z1NITH ขวา: จันทน์กะพ้อ วง Destiny
ไม่มีใครที่แพ้ตลอดไป
และไม่มีใครที่ชนะตลอดไป
แพ้หนึ่งครั้ง ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างต้องพังทลายลง บางครั้งเราได้เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ มากกว่าเรียนรู้จากชัยชนะเสียอีก ไม่มีใครที่แพ้ตลอดไป และไม่มีใครที่ชนะตลอดไป ต้องมีสักวันที่เป็นของเรา เพราะฉะนั้นการ “แพ้ให้เป็น” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงไม่ท้อถอย เราลองไปฟังกันดีกว่าว่าแต่ละคนมีวิธี “มูฟออน” ไปสู่เป้าหมายต่อไป อย่างไรกันบ้าง?
• จันทน์กะพ้อ – วัลชนก รุจิเทศ
นักร้องนำ วง Destiny
สถาบันดนตรี JP MUSIC นนทบุรี
เริ่มต้นกันที่วงน้องใหม่สำหรับ THE POWER BAND สนามภูเก็ตอย่างวง Destiny ที่เป็นการรวมตัวกันของเหล่าสมาชิกเด็กมัธยมต้นและประถมที่มีความหลงใหลในดนตรี
วงที่มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อคุณแม่ของพี่น้อง 3 ใบเถา – จันทน์กะพ้อ จามจุรี และ ชมจันทร์ ที่มีชื่อเล่นสุดเก๋เป็นดอกไม้ชนิดต่างๆ อยากสนับสนุนให้ลูกได้เล่นดนตรี และทำตามความฝัน จึงเปิดเป็นสถาบันสอนดนตรี JP MUSIC ขึ้นมา และหลังจากนั้นก็เริ่มชวนเพื่อนๆ อีก 2 คนให้เข้ามาร่วมทีมทำวง Destiny เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด
“ก่อนจะมาร้องเพลง หนูเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ สามารถเล่นเครื่องดนตรีในวงได้ทุกชิ้นเลย แต่ตอนที่รวมวงนี้กันตำแหน่งเครื่องดนตรีทั้งหมดเต็มแล้ว ขาดนักร้องนำอยู่ ก็เลยโอเคเป็นนักร้องนำก็ได้ เพราะร้องเพลงได้ด้วย ส่วนตัวชอบพี่เจฟฟ์ ซาเตอร์มาก ก็เลยเลือกเพลง ซ่อน (ไม่) หา ของพี่เขามาใช้ประกวด ตอนที่กรรมการชมว่าเราร้องเพลงนี้ได้ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นการร้องเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ ยิ่งรู้สึกดีใจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าค่ะ” อ่านเรื่องของเจฟฟ์ ซาเตอร์ คลิกได้ที่นี่
“วง Destiny เพิ่งรวมตัวกันได้ประมาณ 1 ปี ไม่ได้คาดหวังว่ามา THE POWER BAND แล้วจะต้องคว้าแชมป์ได้เลย อยากมาหาประสบการณ์มากกว่า เพราะการแข่งขันทำให้เราได้เปิดโลกให้กว้างขึ้น ได้เจอคนเก่งๆ ในวงการนี้มากมาย ได้พัฒนาตัวเองค่ะ ที่สำคัญอยากไปเข้าค่าย MUSIC CAMP มากๆ เลยค่ะ จริงๆ นี่คือจุดประสงค์หลักที่พวกหนูมาประกวดในครั้งนี้”
“เป็นคนชอบออกกําลังกาย
จะวิ่งไปด้วยร้องเพลงไปด้วย
เพื่อเพิ่มความอึดให้กับร่างกาย
ไม่ให้เหนื่อยง่ายเวลาร้องเพลงหรือโชว์บนเวที”
“ความที่หนูเป็นพี่คนโต และเป็นหัวหน้าวงด้วย เรื่องทั่วไปส่วนใหญ่จะยอมน้องๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องของวงก็จะค่อนข้างดุ ค่อนข้างฟิกซ์นิดหนึ่ง เพราะอยากให้ทุกคนตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด (น้องของชมจันทร์นั่งสัมภาษณ์อยู่ข้างๆ พอได้ยินคำว่า ดุนิดหนึ่ง ถึงกับกรอกตาบนพร้อมส่ายหน้าเบาๆ – หัวเราะ)
สุดท้ายแล้ว ช่วยเป็นกําลังใจให้พวกหนูด้วยนะคะ วง Destiny พวกเรามาไกลใจสู้ ขอบคุณค่ะ”
• มาตา – ชนม์นิภามาตุ พึ่งพราย
นักร้องนำ วง Environment
สังกัดอิสระ ราชบุรี
ที่มาของชื่อวง Environment มาจากที่ชื่อเล่นของสมาชิกแต่ละคนในวงดูมีความเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (น้องๆ บอก) ไม่ว่าจะเป็น น้อยหน่า (กีตาร์) โอปอล (กลอง) หลิว (เบส) ทิกเกอร์ (กีตาร์) จี๊ด (คีย์บอร์ด) และ มาตา (นักร้องนำ)…
สมาชิก 6 คนมาจาก โรงเรียนดรุณาราชบุรีวิเทศศึกษา ราชบุรี ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งโรงเรียนนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง “ขาประจำ” สำหรับการประกวด THE POWER BAND ไม่ว่าจะวง Rainbow Car (ซีซัน 2) วง Bussoap (ซีซัน 3) หรือ วง Kamen Vii (ซีซัน 4) ภายใต้การดูแลของครูโน้ต – มารุต ยอแซฟ (ครูผู้คุมวง) อ่านเรื่องราวของครูผู้คุมวงดนตรีจากโรงเรียนดรุณาราชบุรีวิเทศศึกษา คลิกที่นี่
วง Environment สมาชิกจากโรงเรียนดรุณาฯ กลับมาประกวดอีกครั้งในซีซันนี้ ยังคงกลิ่นอายของดนตรีร็อกไว้อย่างครบถ้วนหนักแน่น ไม่ต่างจากวงรุ่นพี่ในปีก่อนหน้า แม้ว่าน้องมาตา เจ้าของเสียงร้องสุดหวานใสจะแอบกระซิบบอกว่า ความจริงเธอชื่นชอบการร้องเพลงสไตล์ป็อปหวานๆ มากกว่าก็ตาม แต่เมื่ออยู่บนเวทีจากสาวหวานสุดน่ารักก็กลายเป็นสาวร็อกสุดมั่นได้เหมือนกัน
“โรงเรียนของเราส่งประกวดทั้งหมด 2 วงค่ะ วงหนูกับวงรุ่นพี่ชื่อว่า Kamen Vii ตอนส่งคลิปไป ไม่นึกว่าวงเราจะผ่านมารอบแสดงสด เพราะคิดว่าวงรุ่นพี่ต้องเข้ารอบแน่ๆ และถ้าวงรุ่นพี่เข้ารอบครูโน้ตบอกว่าจะพาพวกเรามาหาประสบการณ์ด้วย ตอนที่รู้ผลก็คือทุกคนช็อกหมดเลย วงรุ่นพี่ก็ช็อกที่ตัวเองไม่ผ่าน พวกเราก็ช็อกที่ผ่านเข้ารอบได้ ตอนนั้นเป็นช่วงพักก็คือร้องไห้กันกลางโรงอาหารเลย”
“หนูเพิ่งจะร้องเพลงจริงจังประมาณ 1 ปีเองค่ะ ตอนแรกไม่รู้จักคีย์เสียงเลยด้วยซ้ำ ติดร้องเพี้ยน และชอบร้องเสียงหลบ จะร้องเบาๆ ไม่ค่อยมีพลังส่งออกมา ทำให้ถูกหลายๆ คนกดดันว่า ‘ไม่เห็นจะร้องเพราะเลย’ ทําไมถึงได้มาอยู่จุดนี้ เพราะที่โรงเรียนจะไม่ค่อยมีนักร้องนำที่มาจาก ม.1 สักเท่าไร แต่ก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้าง เพื่อนๆ ในวง คุณพ่อคุณแม่
โอกาสที่จะได้มายืนอยู่จุดนี้มีไม่มาก เราได้มาอยู่แล้วควรทำให้ดีที่สุดเลยฮึดสู้อีกครั้ง แม้ที่ผ่านมาจะเคยรู้สึกร้องไม่ได้ รู้สึกเครียด รู้สึกแพ้มาตลอดก็ตาม ตอนนี้ฟังออกแล้วว่าต้องร้องคีย์ไหน มีความเข้าใจทางด้านดนตรีมากขึ้นค่ะ”
“ตั้งแต่วันนั้นที่ครูโน้ตมาชวนให้เข้าร่วมชมรมดนตรี
และได้มาเป็นนักร้องนำของวง
รู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วค่ะ ที่มาอยู่จุดนี้”
“อยากฝากถึงทุกคนที่มีความฝันเหมือนกับหนู ถ้าอยากทำให้ลงมือเลยค่ะ เพราะเราจะไม่สามารถย้อนมาอีกรอบได้แล้ว อนาคตจะหันกลับมารู้สึกเสียดายว่าทําไมตอนนั้นเราไม่ทำ ทั้งที่จริงๆ อยากทำสิ่งนี้มากๆ ระหว่างทางก็มีทั้งเรื่องยาก เรื่องที่กดดัน แต่ก็ยังมีเรื่องราวสนุกๆ อีกด้วย อยากให้ทุกคนทำตามเสียงหัวใจตัวเอง ไม่ต้องกลัวแพ้ แต่กลัวไม่ได้ลงมือทำดีกว่าค่ะ”
Suggestion
• ธันวา – ฌณาวุฒิ จันทรปรรณิก
นักร้องนำ วง Penmanship
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ
จากสนามที่แล้วมาจนสนามนี้ เราได้พบกับธันวาอีกครั้ง…ความผิดหวังที่สนามขอนแก่น ผลักดันให้วง Penmanship ขอสู้ต่ออีกสักตั้งที่สนามภูเก็ต อ่านเรื่องวง Penmanship อย่างเต็มอิ่ม คลิกที่นี่
ด้วยความที่วงมีสไตล์ป็อปร็อกชัดเจน ดนตรีแน่นและมีลูกเล่นให้ติดตาม ทำให้วง Penmanship มีความโดดเด่น และแล้วความตั้งใจจริงและความมุ่งมั่นก็ไม่เคยทำร้ายใคร เมื่อวงได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย ความไม่ยอมแพ้ ความใจสู้ และความอดทนเฝ้ารอวันที่เป็นของเรา ได้ผลิดอกออกผลเป็นอย่างดี ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม
“ที่เห็นชัดๆ เลยระหว่างที่แข่งขันทั้ง 2 สนาม ก็คือ ผมตื่นเต้นน้อยลงครับ ทำให้สามารถควบคุมเสียงร้องได้ดีขึ้น รวมถึงการแสดงต่างๆ บนเวทีก็ทำได้ลื่นไหลมากขึ้น อาจเพราะแข่งมา 2 สนามแล้ว ก็รู้สึกว่าเพลงที่ร้องมันเข้าปากมากขึ้น เพื่อนๆ ในวงก็เล่นดนตรีเข้ามือเพิ่มขึ้นด้วยครับ ครั้งนี้กรรมการชมว่า ภาพรวมดู ‘หล่อขึ้น’ (หัวเราะ)…อาจจะหมายถึงดนตรีฟังแล้วดูหล่อขึ้น รู้สึกว่าผมร้องด้วยความมั่นใจขึ้น” อ่านเรื่องของธันวาและเพื่อนๆ นักร้องนำจากสนามขอนแก่น คลิกที่นี่
“หลังจากผิดหวังที่สนามที่แล้ว ก็ซึมๆ นิดหนึ่งครับ โดยปกติทุกคนในวงจะช่วยกันออกไอเดีย ช่วยกันฟัง ช่วยกันแก้ไข จนกว่าจะออกมาเห็นตรงกันว่าดีแล้ว ทุกคนยังมีกำลังใจที่ดี ยังอยากสู้ต่อ เลยลองปรับพาร์ตดนตรีของทั้ง 2 เพลงที่เลือกมาประกวด เพื่อไม่ให้ซ้ำกับรอบสนามขอนแก่น กลัวคนดูหรือกรรมการจะรู้สึกเบื่อว่าเล่นแบบเดิม เลยลองหาอะไรที่เราคิดว่าจะทำให้มันดีขึ้นได้ แล้วก็เปลี่ยนตรงจุดนั้นให้มันดีขึ้นเลยแบบไม่รอช้า ช่วยกันคอมเมนต์จนออกมาได้ในที่สุดครับ”
“เป้าหมายของวงอื่นเป็นยังไงไม่รู้
แต่ของพวกเรา คือเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้
ผมอยากไปเข้าค่าย MUSIC CAMP
อยากไปเจอเพื่อนๆ วงอื่นๆ ด้วยครับ”
“โดยส่วนตัวผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง ออกจะเขินๆ เก่งด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังท้าทายตัวเองด้วยการมาเป็นนักร้องนำ ทำตามความฝันอยากเป็นศิลปินอาชีพ อยากมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ได้โชว์เสียงร้อง โชว์สไตล์ที่เป็นของตัวเองให้ทุกคนได้ฟัง เลยอยากให้ทุกคนลองท้าทายตัวเองเหมือนผมดู เพื่อค้นหาสิ่งที่ชอบ พอเจอสิ่งที่ชอบแล้วก็ไปให้สุดครับ แพ้ได้แต่อย่ายอมแพ้”
• ม่านไหม – ธัญภรณ์ จินดาพันธ์
• พริม – ญาณิษชา คัญทะชา
นักร้องนำ วง The Humble
โรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา
เชื่อว่าใครที่ติดตามการประกวด THE POWER BAND มาตลอด ต้องเคยได้ยินชื่อวง The Humble จากสงขลา ที่ก็มีประวัติของวงดนตรีประจำโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา มายาวนานอย่างแน่นอน วง The Humble สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่การแข่งขันซีซันที่ 2
จากวงขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกถึง 12 คนครั้งนั้น มาในซีซันนี้ วง The Humble กลับมาแบบอัปเดต…ปรับไซส์ให้กะทัดรัดลง เน้นที่เครื่องดนตรีสากลพื้นฐานอย่าง เบส กีตาร์ กลอง กับคีย์บอร์ด พร้อมนักร้องนำสองสาวทำหน้าที่ฟรอนต์แมน อ่านเรื่องของวง The Humble ครั้งนั้น คลิกที่นี่
ม่านไหม ถูกวางตัวไว้เป็นนักร้องหลัก และยังได้ พริม เข้ามาร่วมทีมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเสียงร้องให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น เด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้เข้ามาเป็นสมาชิกหลังจากที่เพื่อนๆ ในวงเริ่มฝึกซ้อมกันไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ท้อ พยายามเรียนรู้และตามติดเพื่อนๆ ในวงทุกคนให้ทัน
ม่านไหม: ตอนแรกครูสิงห์ – อรุณ สมบัติทอง (ครูผู้คุมวง) วางไว้ให้หนูร้องคนเดียว แต่รู้สึกว่ามันยังสุดได้มากกว่านี้ เลยเพิ่มน้องพริมเข้ามา คิดว่าน้องน่าจะรู้สึกกดดันอยู่เหมือนกันเพราะเข้ามาช่วงระหว่างที่พวกเราซ้อมกันไปเยอะแล้ว แต่น้องเป็นคนที่เรียนรู้เร็วมาก แบบเข้ามาแล้วซิงก์ได้เลย การมีน้องพริมเพิ่มเข้ามา มันทำให้วงดูเต็มมากขึ้น ภาพรวมของวงดีขึ้นค่ะ
พริม: หนูอยากให้ผลลัพธ์มันออกมาดี แต่ช่วงแรกๆ ที่เพิ่งเข้ามาร้องก็รู้สึกว่าทําไมเราทำไม่ได้ แถมเวลาซ้อมยังน้อยมาก หนูก็กังวลว่าจะทำให้งานนี้มันเสียหรือเปล่า พอทำออกมาได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ก็เสียใจมากกลับบ้านไปร้องไห้เลย แต่ว่าพี่ม่านไหมเป็นกําลังใจสำคัญของหนูมาโดยตลอด ทำให้มีพลัง มีใจฮึดสู้ขึ้นอีกครั้งค่ะ
ม่านไหม: ระหว่างทางที่ฝึกซ้อม มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่ามันผ่านไปได้ยากมากๆ เลย ท้อใจมาก เพราะร้องเท่าไรก็ยังไม่ดี ไม่เพอร์เฟกต์สักที แต่ทุกคนในวงช่วยเหลือกันดี ซัปพอร์ตกันดีมากๆ ทำให้เราไม่ยอมแพ้กลางทางและเดินทางมาจนถึงวันนี้ได้ ตอนอยู่บนเวทีก็เลยรู้สึกสนุกมากและดีใจมากๆ ด้วย แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ ด้วย ความรู้สึกมันผสมกันไปหมดเลย ตอนที่แสดงเสร็จ แล้วกรรมการชมว่าฟังเพลินเลย เพอร์ฟอร์มดีเหมือนศิลปินมาร้องเอง ได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเลยค่ะ
“ระหว่างทางอาจมีท้อบ้าง มีหมดไฟบ้าง
มีเหนื่อยบ้าง แต่อยากให้ทุกคนสู้ๆ นะคะ
เพื่อความฝันของตัวเราเอง”
พริม: ตัวหนูเองมีฝันอยากเป็นแบบพี่ลิซ่าหรือพี่เจนนี่ Blackpink ทุกวันนี้พอมีเป้าหมายชัดแล้ว เลยไม่เคยยอมแพ้ พยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ทั้งเรื่องเต้นและร้องเพลง อย่าไปคิดว่าเป้าหมายมันไกลเกินเอื้อม หนูว่ามันไม่ไกลค่ะ ถ้าเราพยายามให้มาก และหนูเชื่อว่าคนเราไม่ว่าจะทำอะไร อย่างน้อยจะต้องมีสักคนหรือสองคนที่คอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอ ต้องมีคนที่ชื่นชอบในตัวเรา ภูมิใจในตัวเราอย่างแน่นอน ทำตามฝันในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นค่ะ เหมือนกับหนูที่กำลังทำตามความฝันของตัวเองอยู่ค่ะ
ม่านไหม: ขอเสริมอีกนิดหนึ่ง อย่าซ้อมหักโหมจนเกินขีดจํากัดของตัวเอง ถ้าเกิดรู้สึกว่าทุกอย่างมันตัน ลองพักก่อน แล้วค่อยกลับมาสู้ใหม่ อย่างตอนที่หนูท้อมากๆ พอได้พักแล้วกลับมาอีกครั้ง กลายเป็นว่าเหมือนเราได้รีเซตตัวเอง แถมทำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
Suggestion
• มินา – จันทรรัตน์ วิจิตรโกเมน
นักร้องนำ วง SOUL SYNC
สังกัดอิสระ กรุงเทพฯ
วง Nothing Matters จาก THE POWER BAND 2024 SEASON 4 กลับมาอีกครั้งในนามของวง SOUL SYNC ที่ยังคงสมาชิกเดิมไว้อยู่ 2 คน คือ มินา (นักร้องนำ) และ เอเธนส์ (กลอง) พร้อมด้วยสมาชิกใหม่ในตำแหน่งกีตาร์ เบส และคีย์บอร์ด อ่านเรื่องวง Nothing Matters คลิกที่นี่
แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ มาพร้อมเซอร์ไพรส์ด้วยการนำเสนอ 2 เพลงที่ต่างกันมาก เพลงหนึ่งสดใสน่ารัก ส่วนอีกเพลงพาทุกคนไปดำดิ่งสู่อารมณ์เศร้า ทำให้ได้โชว์เทคนิคและเสียงร้องอย่างเต็มที่ ด้วยเสน่ห์และเสียงร้องอันทรงพลัง ทำเอาไม่อาจละสายตาจากนักร้องนำของวงได้เลย
“ถึงจะมาแข่งที่นี่เป็นปีที่ 2 แล้ว ก็ยังตื่นเต้นค่ะ ยังสั่นๆ ยังเกร็งๆ เวลาขึ้นเวที แต่ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองมีไฟมากขึ้น ตอนขึ้นเวทีของปีที่แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หนูลืมท่อนแร็ปแล้วรู้สึกว่ามันฝังใจมาก ตั้งแต่นั้นเลยคิดไว้ว่าปีนี้จะกลับมาอีกครั้งเพื่อคลายปมในใจของตัวเองให้ได้ แบบมาซ้ำให้มันหายอะไรแบบนี้ พอกลับมาแข่งอีกครั้งก็เลยไม่ลืมที่จะใส่ท่อนแร็ปลงไปในเพลงที่ใช้ประกวดด้วย” (เพลง ชอบอยู่คนเดียว ของ INK WARUNTORN อ่านเรื่องคูมอิ้งค์เคยให้สัมภาษณ์เรา คลิกได้ที่นี่
“จริงๆ แล้วพวกหนูเป็นวงที่เจอกันน้อยมาก ตัวหนูเองอยู่โรงเรียนประจำ และเพื่อนๆ ก็มีภารกิจไม่ค่อยว่างตรงกัน พอเจอกันแต่ละทีก็จะแบบโบ๊ะบ๊ะหน่อยค่ะ
ปกติพวกเราจะมีห้องซ้อมประจำกันอยู่แล้ว แต่บางอาทิตย์ก็จะมีเปลี่ยนที่ซ้อมบ้าง ซึ่งหนูกับแม่เป็นคนขี้ลืมมาก บางทีเราไปถึงห้องซ้อมแล้วก็นั่งรอนานไม่มีใครมา จนเจ้าของห้องซ้อมเขาก็เดินมาถามว่าวันนี้มีซ้อมเหรอลูก ไม่มีจองห้องไว้นะ สรุปว่าไปผิด ก็คือเสียเวลา พอไปเจอเพื่อนๆ ในวงก็จะโดนล้อหนักมาก เป็นแบบนี้ตลอด ขี้หลงขี้ลืมสุดๆ (หัวเราะ)” อ่านเรื่องการซัปพอร์ตของครอบครัวมินาและครอบครัวเพื่อนๆ ในวงครั้งนั้น คลิกที่นี่
“ทุกคนให้การซัปพอร์ตหนูดีมากๆ
เลยอยากทําออกมาให้ดีที่สุด
อยากทำให้ครอบครัวภูมิใจในตัวหนูค่ะ”
“ส่วนตัวรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก แป๊บๆ จบม.ต้นแล้ว ถ้าเรามีเป้าหมายก็อยากให้ลุยไปเลย อย่างมาแข่งที่นี่ ก็มีเป้าหมายว่าอยากชนะผ่านเข้ารอบแหละ แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะมันคือประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ เป็นความทรงจำที่ได้มีกับเพื่อนในวงเราที่ได้สู้ไปด้วยกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน ร้องไห้ก็ร้องด้วยกัน เหนื่อยก็กอดให้กำลังใจกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดี เลยอยากให้ทุกคนคว้าไว้ถ้ามีโอกาสค่ะ”
• ปลาวาฬ – ฐิตารีย์ ศรีวัฒนโกศล
นักร้องนำ วง Z1NITH
สังกัดอิสระ กรุงเทพฯ
อีกหนึ่งวงที่บอกได้เลยว่า กัดฟันสู้ไม่ถอยจริงๆ ก็คือวง ZENITH จากสนามขอนแก่น ที่กลับมาในชื่อว่า Z1NITH เราเคยเจอกับปลาวาฬเมื่อสนามขอนแก่นครั้งหนึ่ง และอีกครั้งที่สนามภูเก็ตนี้ อ่านเรื่องปลาวาฬจากรวมนักร้องนำที่สนามขอนแก่น คลิกที่นี่
ที่ชื่อวงเปลี่ยนไปเล็กน้อยนั้นมีที่มาจากคุณแม่ของริว มือเบส ลองเอาชื่อวงไปตั้งคำถามกับ ChatGPT และพบว่าตัว E ไม่เหมาะ ให้ใช้เป็นตัว “I” แทนจะดีกว่า แต่เพื่อความเป็นสิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัย เลยเปลี่ยนตัวอักษร I เป็นเลข 1 แทน ให้ชื่อวงดูมีกิมมิกมากขึ้น…เห็นว่าแอบมูเรื่องความเชื่อและโชคลาภแบบนี้ แต่ฝีมือทางด้านดนตรีของวง Z1NITH คงต้องบอกว่ามาด้วยความสามารถของวงล้วนๆ ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด อ่านเรื่องของริว มือเบสและนักร้องดนตรีจากวงอื่นๆ ที่สนามขอนแก่น คลิกที่นี่
“ที่สนามภูเก็ตรู้สึกว่าตัวเองมีสติมากขึ้นถ้าเทียบกับตอนแข่งสนามขอนแก่น ตอนนั้นทั้งเครียดและกังวล รู้สึกว่าตัวเองยังซ้อมมาไม่ดีพอ ก็เลยขาดความมั่นใจ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ค่อนข้างจะฝืนธรรมชาติตัวเองด้วยซ้ำ พอผลออกมาว่าไม่ผ่านที่สนามขอนแก่น รู้สึกเหมือนเราร้องเพลงไม่เก่ง ไม่ดีพอ เลยไปกลับคุยกับตัวเองใหม่ ก็เปลี่ยนความคิดมาว่าเราจะเอาใหม่ สู้ใหม่ รอบนี้ก็ลองปล่อยจอยมากขึ้น แต่ซ้อมหนักมากนะ วางตารางกับตัวเองเลยว่าต้องทำให้ได้ มีวินัยสุดๆ รอบนี้รู้สึกเหนื่อยเหมือนเดิม แต่สนุกมากขึ้น”
“ตอนกรรมการชมว่าวงเราทำได้ดีกว่ารอบที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด Oh my gosh! ฟังแล้วหนูจะร้องไห้ เพราะตั้งแต่จบสนามขอนแก่นไปหนูเครียดมากรู้ตัวเลย กลัวจะทำผิดพลาดหรือทำให้เพื่อนต้องผิดหวังอีก แต่พอได้รับคำชมแบบนี้คือดีใจนะ ดีใจมากเลย”
“ถ้าวันหนึ่งได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
อยากเป็นนักร้องเท่ๆ เฟียสๆ เซ็กซี่หน่อยๆ
คอสตูมเก๋ๆ แต่งหน้าเลิศๆ มีแดนเซอร์
ซิงเกิลแรกต้องเป็นเพลงเต้นๆ เพลงเร็วแน่นอน”
“ช่วงเวลาท้อหรือดาวน์เวลาที่ร้องเพลงไม่ได้ หรือเครียดกับเรื่องร้องเพลงมากๆ หนูจะนึกถึงพี่เจฟฟ์ ซาเตอร์ ลองคิดดูว่าขนาดเขาร้องเพลงเก่งขนาดนี้ กว่าพี่เขาจะเปล่งประกายอย่างทุกวันนี้ได้ เขาต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะโด่งดังเป็นพลุแตกได้อย่างทุกวันนี้ พอมาเทียบกับตัวเราคือ เรายังไม่ได้ผ่านอะไรมาเท่าไรเลย จะมายอมแพ้อะไรตอนนี้ รู้สึกมันไม่เมกเซนส์นะ…พอคิดแบบนี้ก็จะมีกำลังใจ มีไฟ มีแรงฮึดขึ้นมาสู้อีกครั้ง”
Suggestion
• แพรว – รัตติกานต์ อำลอย
นักร้องนำ วง OZONE
โรงเรียนดนตรียามาฮ่านครภูเก็ต ภูเก็ต
ถ้าถามว่าในบรรดา 8 วงในรุ่นมัธยมศึกษา วงไหนเท่ ขอยกนิ้วโป้งอวยยศให้กับวง OZONE วงเจ้าถิ่นเพียงหนึ่งเดียวจากจังหวัดภูเก็ต ที่โชว์การเล่นดนตรีในรอบการแสดงสดเอาไว้ดีมาก ทั้งฝีมือที่เฉียบขาดในด้านดนตรี ร็อกแบบดนตรีหนักหน่วงถึงใจที่นั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ต้องโยกหัวตามไปด้วย บวกกับการดีไซน์การแสดงละครเล็กๆ เข้าไป ถือเป็นการนำเสนอที่ชาญฉลาดและลงตัว ให้ความบันเทิงกับคนดูได้อย่างครบรส ทำความรู้จักวง OZONE คลิกที่นี่
ถึงขนาดกรรมการยังเอ่ยปากชมน้องแพรว นักร้องนำว่า เหมือน “พี่เสก โลโซ เวอร์ชันผู้หญิง” อาจจะด้วยลุคผมยาวสยายของน้องแพรว บวกกับทั้งร้องเพลงและเล่นกีตาร์ได้แบบ 2 in 1 นั่นเอง
“จุดเริ่มต้นของการเล่นดนตรี คือ ที่ช่วงซัมเมอร์ทางโรงเรียนให้เลือกวิชาเลือกมา 1 วิชา ตอนแรกหนูไม่ชอบดนตรี ไม่รู้จักเรื่องดนตรีเลยด้วยซ้ำ เลยเลือกลงวิชาการไป แต่ครูบอกว่าเต็ม สุดท้ายเหลือแค่วิชาดนตรีหนูก็เลยลงเรียนไป พอเข้าไปในคลาส ปรากฏว่าเหลือแต่กีตาร์…ที่ยังลงเรียนได้ อย่างอื่นเต็มหมด หนูก็ อะ..กีตาร์ก็ได้เพราะมันไม่มีให้เลือกแล้ว กลับมาคิดดู ก็น่าจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้ได้มาเล่นดนตรี…ดนตรีเลือกเรา เราเลือกดนตรี อะไรประมาณนี้ เรียนกีตาร์ไปก็ชอบมากๆ สนุกมาก”
“หนูเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบได้ หลังๆ พอไปเดินตลาดนัดกับพ่อแม่ จะชอบเห็นคนเล่นคีย์บอร์ด เล่นกีตาร์แล้วร้องเพลงไปด้วย แล้วที่เห็นส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชาย ก็รู้สึกว่า…แบบนี้ผู้หญิงก็ทำได้นะ ก็เลยลองดู พอลองทำ อ้าว หนูก็ทำได้เหมือนกัน มีเสน่ห์เหมือนกัน แถมยังเท่ด้วย (หัวเราะ – ชมตัวเอง) เลยได้ร้องเพลงและเล่นกีตาร์ไปด้วยมาจนถึงทุกวันนี้”
“เพลงในลิสต์ที่ฟังอยู่ตอนนี้
ส่วนใหญ่เป็นเพลงร็อกหมดเลย
คลาสสิกร็อก ฮาร์ดร็อก เมทัลร็อก นูเมทัล
ร็อกทุกแบบหนูชอบหมดเลย”
“ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะมาแข่ง THE POWER BAND วง OZONE เพิ่งได้รองแชมป์ รายการ Yamaha Music Festival มา กับอีกรายการหนึ่งชื่อ บทเพลงเพื่อชาติและราชบัลลังก์ ก็ได้รองแชมป์ เหมือนกัน พอดีว่าเราล็อกมงไว้ที่รองแชมป์ ไม่เคยได้แชมป์เลยค่ะ (หัวเราะ)”
“จริงๆ ใครมาแข่งขันก็อยากได้แชมป์กันทั้งนั้น แต่อย่าไปคิดมาก พยายามทำให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ ถือว่ามาศึกษาคู่แข่งเพราะแต่ละวงฝีไม้ลายมือก็ไม่ได้น้อยไปกว่าวงพวกเรา ทุกวงก็เก่ง และมีเอกลักษณ์ มีความหลากหลายทางด้านดนตรี เลยคิดว่าเราก็นําเสนอความเป็นตัวเรานั่นแหละ โชว์ความเป็นตัวเราออกไปให้ได้มากที่สุด ถึงไม่ผ่านเข้ารอบก็ไม่เป็นไร ไม่เสียใจ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว”
• มาย – เพลินพิชชา ทางธนกุล
นักร้องนำ วง SoundScuplt
โรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล นครปฐม
อีกวงที่น่าจับตามองในสนามภูเก็ต คงจะหนีไม่พ้น วง SoundScuplt ที่มีแนวดนตรีผสมผสานกลิ่นอายแบบไทยๆ เข้าไป ด้วยเครื่องสายพื้นบ้านทางภาคอีสาน อย่าง พิณ ที่คล้ายกีตาร์แต่จำนวนสายน้อยกว่า บวกกับเสียงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของมาย นักร้องนำ ทำให้แนวทางดนตรีของวง SoundScuplt มีรสชาติกลมกล่อม อร่อยถูกปากผู้ชมเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นการรวมตัวของสมาชิกที่ฝีมือของแต่ละคนเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เป็นตัวซีเคร็ตประจำโรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เลยก็ว่าได้ ย้อนอ่านเรื่องของวงไข่ดาว วงจากโรงเรียนนี้ คลิกที่นี่
“เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หมดไฟ เพราะกดดันตัวเองมากไป แม้จะรักการร้องเพลง แต่อะไรที่มันมากเกินไป บางครั้งกลับเป็นผลเสียมากกว่า ตอนนี้เราเอาความชอบของเรามาเป็นการเรียนด้วย เลยรู้สึกว่าหนักไปในบางครั้ง แต่เพราะได้พี่ๆ ในวงช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ก็เลยกลับมาร้องเพลงต่อไปได้
เวลาที่อยู่บนเวทีหนูจะไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าที่ตรงนี้มันคือโลกของเรา ถ้าเรายังไม่ฟีล แล้วคนดูจะฟีลตามไปได้อย่างไร หนูรู้สึกว่าเราต้องฟีลก่อนถึงจะสื่อสารสิ่งนั้นออกมาได้ ปล่อยไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ ให้มันเป็นไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นดีกว่า”
“ส่วนตัวไม่ใช่คนฟังเพลงเยอะมากมายขนาดนั้น เมื่อก่อนก็เคยมีไอดอล ลองนึกภาพว่าตัวเองเป็นคนคนนั้น แต่เหมือนช่วงหลังๆ นี้เราเริ่มรู้สึกอยากเป็นตัวเองมากกว่า ก็เลยไม่ได้มีไอดอลหรือใครบุคคลต้นแบบ เพราะสุดท้ายเราก็ต้องหาสิ่งที่เป็นตัวเองอยู่ดี ก็เลยพยายามมองหาแนวทางที่เป็นของตัวเองไม่ได้ทำตามใคร ไม่ต้องมองภาพว่าเราเป็นใครดีกว่า เพราะเราคือเรา”
“การร้องเพลงก็เหมือนวาดรูป
คือวาดไปตามที่เรารู้สึก ร้องไปตามที่เรารู้สึก
อย่าไปกะเกณฑ์อะไรมาก
ปล่อยไปตามฟีลในตอนนั้นจะดีกว่า”
“เมื่อก่อนเคยแข่งกับคนอื่นอยู่ช่วงหนึ่งแล้วพบว่ามันเหนื่อยมาก ทุกวันนี้เลยไม่อยากไปแข่งกับใคร เอาที่เรารู้สึกว่าเราโอเค พอดีกับตัวเองจะดีกว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง “เก่ง” กับ “มีเอกลักษณ์” หนูเลือกมีเอกลักษณ์ร้องแล้วคนจำได้มากกว่านะ ลองสังเกตจากหลายๆ ศิลปินในบ้านเรา ก็ไม่ได้ว่าต้องร้องเก่งมีสกิลขั้นเทพแตะโน้ตสูงปรี๊ดแบบ Diva ขนาดนั้น แต่เขายังร้องเพลงได้อย่างมีความสุข มีแฟนคลับชื่นชอบเขามากมาย หนูมองว่าเอกลักษณ์ตรงนี้สำคัญกว่าค่ะ”
“ตอนกรรมการชมว่าเป็นคนที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์มาก ไม่เหมือนใคร ถ้าใช้ถูกต้องจะโดดเด่นกว่านี้ ให้ลองไปหาดูว่าจะร้องออกมาอย่างไร ไม่เคยมีใครชมหนูแบบนี้มาก่อนและเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอยู่แล้วด้วย เลยดีใจมากค่ะ แต่กรรมการก็เตือนเรื่องร้องแฟลต* ว่าให้ระวังให้ดี (ร้องแฟลต* คือ การร้องเสียงต่ำกว่าระดับเสียงที่ถูกต้อง โดยเสียงที่ร้องออกมาจะต่ำกว่าโน้ตจริงครึ่งเสียง) ก็จะนำคำติชมที่ได้รับไปปรับปรุงการร้องให้ดีขึ้นค่ะ”
วงประกวด THE POWER BAND 2025 SEASON 5 รุ่นมัธยมศึกษา สนามภูเก็ต
กับเพลงที่พวกเขาใช้ขึ้นเวทีประกวด มีดังนี้…
• วง Destiny สถาบันดนตรี JP Music – นนทบุรี:
เพลง ซ่อน (ไม่) หา (Jeff Satur) และเพลง เอาปากกามาวง (Bell Warisara)
• วง Environment สังกัดอิสระ – ราชบุรี:
เพลง DAY ONE (PUN) และเพลง จงเรียกเธอว่านางพญา (SILLY FOOLS)
• วง Penmanship โรงเรียนเซนต์คาเบรียล – กรุงเทพฯ:
เพลง รู้กันแค่นี้ (BOWKYLION) และเพลง หยดน้ำตา (4EVE)
• วง The Humble โรงเรียนมหาวชิราวุธ – สงขลา:
เพลง ขาหมู (TATTOO COLOUR) และเพลง ข้อความรูปยิ้ม (POLYCAT)
• วง SOUL SYNC สังกัดอิสระ – กรุงเทพฯ:
เพลง ชอบอยู่คนเดียว (INK WARUNTHORN) และเพลง ความทรงจำ (Musketeers)
• วง Z1NITH สังกัดอิสระ – กรุงเทพฯ:
เพลง ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Jeff Satur) และเพลง I Like Boys (4EVE)
• วง OZONE โรงเรียนดนตรียามาฮ่านครภูเก็ต – ภูเก็ต:
เพลง บันไดสีแดง (HUGO) และเพลง จงเรียกเธอว่านางพญา (SILLY FOOLS)
• วง SoundSculpt โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล – นครปฐม:
เพลง Dum Dum (Jeff Satur) และเพลง ถ้าฉันเป็นเขา (Indigo)
THE POWER BAND 2025 SEASON 5 THE SERIES EP.6 ‘Destiny – Penmanship’ “ดนตรีทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้”