Summary
เมื่อตอนที่ THE POWER BAND 2025 SEASON 5 เดินทางมาถึงรอบโซนนิ่งกรุงเทพฯ แน่นอนว่าเราอยากจะพาผู้อ่านไปรู้จักกับนักร้อง นักดนตรี ที่มีฝีมือจัดจ้าน ลีลาจัดเต็มเหมือนอย่างสนามก่อนๆ ซึ่งเวทีนี้ดุเดือด เข้มข้น และมีวงดนตรีมากกว่าทุกสนาม ไปรู้จักกับ 14 นักร้อง นักดนตรี ตัวเด็ด ตัวโดน…รุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class: Road to Artists) กันดีกว่า…
14 นักร้อง – นักดนตรี
รวมวงประกวดจากรุ่นบุคคลทั่วไป
สนามกรุงเทพฯ
ที่รอบโซนนิ่งกรุงเทพฯ สนามสุดท้าย ยังคงร้อนแรง ดุเดือด มีนักร้องและนักดนตรี ที่โดนใจ จนเราต้องคว้าตัวมาพูดคุยทำความรู้จักกันมากมาย เช็กผลตัดสินสนามกรุงเทพฯ พร้อมเก็บตกบรรยากาศเวทีการแสดงในวันนั้น คลิกที่นี่
บนเวทีแห่งความฝันและโอกาส อย่าง THE POWER BAND 2025 SEASON 5 จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเหล่าพันธมิตรค่ายเพลงชั้นนำ อาจเป็นจุดกำเนิดและแรงบันดาลให้นักดนตรีได้มากมาย อย่างน้อยบทความนี้ก็พา 14 นักร้อง นักดนตรี ที่ได้มาทำตามความฝันของพวกเขาแล้วมาบอกเล่าถึงความรักและทางดนตรีกับเรา
สนามนี้มีวงดนตรีจำนวนมากกว่าทุกสนามที่ผ่านมา Thaipower.co มีนักร้อง นักดนตรี เป็นตัวแทนของวงมาให้ทำรู้จักหลายคนเลย ไม่ว่าจะเป็น อั๋น มือกีตาร์โซโล วง 11Night, ออโต้ มือเบสสายไหล วง A Pocket, ต้าร์ นักร้องนำเสียงหล่อ วง BLUERAYS, เพลง ทรัมเป็ตแซ่บที่สุด วง Bob Off-White, ศิลปินแสดงงานศิลปะอย่างดิว นักร้องนำ วง COCAIN, เปรม มือกีตาร์สุดเฟี้ยว วง Dr.Jull, ปัน แซกโซโฟนสุดอบอุ่น วง Gathering Sky, ตะวัน ผู้มีกีตาร์เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย วง HDMI1, เป๊ะ มือกลองตีดัง วง Munchkin, กาฟิวส์ นักร้องที่มีมูฟเมนต์สุดดึงดูด วง Satellite kiss, กัส มือกลองสุดหิน วง Someway, น้ำ นักร้องที่ไม่เหมือนใคร วง The JAE’s, ต้า มือกีตาร์สายหวาน วง The Monkey’ s Band และ โอ้ คีย์บอร์ดผู้เป็นสีสัน วง ศายายา บรรเทิงจิ๋น
THE POWER BAND 2025 SEASON 5 รอบโซนนิ่งสนามกรุงเทพฯ นั้น มีวงผ่านเข้ารอบการแสดงสดด้วยกันถึง 15 วง โดยเราเคยพาไปรู้จักกับ วง เอมิกา จากสนามขอนแก่นกันมาแล้วก่อนหน้านี้ อ่านเรื่องของสมาชิกวงเอมิกาได้ที่นี่ หรือคลิกที่นี่ และอ่านเรื่องราวของวงเอมิกาได้ที่นี่
• อั๋น – จักรพันธุ์ ขันแก้ว
มือกีตาร์ วง 11Night (มหาสารคาม)
“ผมสะพายกีตาร์ มองตัวเองในกระจก
แล้วรู้สึกว่า นี่แหละทางของเรา”
แต่พอได้มาเล่นกีตาร์จริงจัง อั๋นก็พบว่าการเล่นกีตาร์ไม่ใช่แค่ความเท่ “มันต้องเล่นให้เป็นธรรมชาติด้วย ผมชอบสำเนียงบลูส์ แจ๊ส ที่ไม่ต้องหวือหวา ช้าๆ สำเนียงเยอะๆ หรือ Fingerstyle ที่มีความเป็นคลาสสิกอยู่
แม้ตอนเด็กๆ อั๋นจะโตมากับเพลงของศิลปินไหมไทย ใจตะวัน ที่ทำให้เขาอยากเล่นดนตรี แต่วันนี้อั๋นมีไอดอล 2 คน 2 สไตล์… “ไอดอลของผมคือ พี่เชา – ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย (กีตาร์) วง Cocktail ผมไม่ชอบตีคอร์ด จะชอบโซโลมากกว่า” อีกคนคือ Guthrie Govan (นักกีตาร์ระดับโลกชาวอังกฤษ เล่นดนตรีให้กับหลายวงที่มีชื่อเสียง) “เพราะเขาเล่นไปด้วยฮัมเพลงไปด้วย เหมือนกีตาร์เป็นเสียงร้องเสียงหนึ่ง ไม่ใช่แค่เครื่องดนตรี แต่เป็น ‘คำ’ ที่มีความหมาย”
การโซโลกีตาร์ของอั๋นบนเวทีในวันนั้นเป็นที่ถูกใจและได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อย แต่กว่าจะมีวันนี้…สำหรับเขาไม่ง่ายเลย “ผมเคยท้อและรู้สึกว่าตัวเองเล่นไม่ดี เพราะตอนซ้อมเราอยู่แค่ในกรอบสี่เหลี่ยม แต่พอขึ้นเวทีเราออกจากกรอบ มุมมองเลยเปลี่ยนไป พอมีคนชมก็ดีใจ” วันนี้อั๋นเล่นกีตาร์ได้เป็นธรรมชาติและดูสบายใจบนเวที เพราะเขาพยายามหาพื้นที่และเวทีเพื่อแสดงออก “การขึ้นเวทีบ่อยๆ เราจะนิ่ง ไม่ตื่นเวที โฟกัสกับการเล่นมากกว่าไปกังวงลว่าคนอื่นจะว่ายังไง เพราะแค่จับกีตาร์ผมก็มีความสุขแล้ว” แม้ว่าเวทีนี้จะเป็นเวทีใหญ่เวทีแรกของอั๋น แต่เขาก็สู้!!!
• ออโต้ – ดุลยุตม์ ตันติเฉลิม
มือเบส วง A Packet (กรุงเทพฯ)
“ผมเป็นมือเบสสายไหล
ไหลไปตามเพลงเหมือนกับน้ำ”
วง A Pocket ในวันนี้เกิดจากการที่ออโต้อยากกลับมาเวที THE POWER BAND อีกครั้ง จึงชักชวนเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันที่โรงเรียนหอวัง (มีโอ๊ค นาธาน และเอิร์น) และยังชวนเพื่อนอีก 2 คนที่เจอกันที่เรียนมหาวิทยาลัยรังสิตด้วยกันมารวมวง อ่านเรื่องของออโต้กับเพื่อนๆ ตอนทำวง Savvy คลิกที่นี่
ออโต้เล่าถึงการออดิชันลับของวงนี้ให้ฟังว่า “ผมแกล้งชวนเพื่อนๆ มาเล่นดนตรีแจมๆ กัน แล้วเลือกจากตรงนั้นว่าใครเข้ากับเราได้หรือเปล่า แล้วค่อยบอกเขาตอนที่เลือกเข้ามาแล้ว” เป็นแผนการที่แยบยลมากทีเดียว นอกจากแผนนี้แล้ว ออโต้ยังวางแผนสำหรับอนาคตของวงไว้ด้วย “ผมตั้งฐานไว้ว่า วงนี้ไม่ใช่แค่วงสำหรับแข่ง แต่เป็นวงที่สามารถก้าวต่อไปเป็นศิลปินได้ อย่างน้อยก็จะมีเพลงให้ทุกคนฟัง และได้ทำตามที่ตัวเองต้องการมากที่สุด”
ส่วนความรักในทางดนตรีของออโต้นั้นไม่ได้เริ่มที่เบส เครื่องดนตรีชิ้นแรกสุดที่เขาได้จับคือ กลอง เพราะเห็นพี่สาวไปเรียนก็เลยสนใจ แต่มันยังไม่ลงล็อกกับตัวเขาเท่าไร เขาจึงเปลี่ยนมาเป็นสายเต้น “ผมได้แรงบันดาลใจจาก ไมเคิล แจ็คสัน ผมดูคลิปเขาแล้วชอบมาก” ก่อนจะพบว่ามันไม่คลิก แล้วจุดเริ่มต้นบนเส้นสายของเบสของออโต้นั้นมาจากโซเชียลมีเดียที่ได้ดู
“ผมได้ดู YouTube ช่อง Davie504 เป็นช่องมือเบสครับ รู้สึกว่าคนนี้เล่นเบสเก่งมาก เครื่องดนตรีนี้น่าสนใจมาก ผมเลยไปลองเล่นดู” และมันลงตัวที่สุดแล้ว เพราะเสียงเบสก็เหมือนกับตัวออโต้นั่นแหละ “ความที่เบสเป็นเสียงต่ำและเป็นจุดตรงกลางระหว่างกลองและความเป็นแบนด์ทั้งหมด รวมทุกคนเข้าด้วยกัน เป็นขั้วกลางเหมือนกับผมที่พยายามเป็นตัวกลางตลอด” นี่คือเสน่ห์ของเบสและของออโต้ด้วย
• ต้าร์ – สุธิเมฆ ศรีโสภณ
นักร้องนำ วง BLUERAYS (กรุงเทพฯ)
“คนชมว่าผมเสียงหล่อ”
การแสดงของต้าร์บนเวทีมันช่างเป็นธรรมชาติและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนดูไม่อาจละสายตา “ถ้าอยู่บนเวที ผมจะจินตนาการว่า กำลังเล่นคอนเสิร์ตของตัวเอง แล้วคนดูก็ร้องเพลงของเรา”
“เมื่อกี้ก็รู้สึกแบบนั้น ผมเลยใส่ทุกอย่าง ผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ชอบสื่อสารด้วยท่าทางและเพลงมากกว่า” ต้าร์ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก และคิดว่าตัวเองเสียงเหมือน ปั๊บ POTATO (ฮา) ก่อนที่เขาจะห่างดนตรีสากลไปอยู่ในส่วนของดนตรีไทยคือการขับร้องและเล่นซออู้ โดยมีสิ่งที่ทำให้ต้าร์กลับมาบนเส้นทางดนตรีสากลคือแรงบันดาลใจของการเพอร์ฟอร์ม “ผมอยากเป็นศิลปิน เวลาที่เห็นเขาแสดงบนเวที ผมมองจากข้างล่างแล้วมันโคตรเท่”
ต้าร์ฟอร์มวงกับเพื่อนตอน ม.5 และเคยส่งคลิปเข้ามาที่ THE POWER BAND อยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบ จนในวันนี้ต้าร์ทำสำเร็จแล้ว “ตอนเราทำวงกันก็เริ่มจากศูนย์เลย ไม่มีใครรู้จักทฤษฎีอะไรเลย แค่มีความสนใจดนตรีเหมือนกัน เราก็เขียนเพลง ซ้อมกันมาเรื่อยๆ ผมเล่นกีตาร์บ้าง ชอบร้องมากกว่า” ต้าร์และเพื่อนขึ้นเวทีประกวดกันมาตั้งแต่ ม.ปลาย และสิ่งดีๆ ที่เขาได้รับ นับเป็นสิ่งที่หาจากที่ไหนไม่ได้ “คือความรู้เรื่องเครื่องดนตรี การเพอร์ฟอร์มกับคนดู กับกรรมการ ให้เรารู้ว่าการเตรียมตัวก่อนขึ้นเวทีต้องทำอย่างไร” จากประสบการณ์ที่ผ่านแสดงให้เห็นผ่านโชว์วันนั้นว่า ต้าร์และวงทำได้ดีขนาดไหน
Suggestion
• เพลง – ฉัตรพร พวงมาลัย
มือทรัมเป็ต วง Bob Off-White (กรุงเทพฯ)
“เพลงเป็นมือทรัมเป็ต
ที่แซ่บที่สุดในประเทศ”
เพราะสิ่งที่เพลงวาดไว้คือ “ถ้านึกถึงผู้หญิงที่เป่าทรัมเป็ตก็น่าจะนึกถึงเพลงเป็นคนแรกๆ” เพลงเคยมาประกวดใน THE POWER BAND 2022 และได้แชมป์รุ่นบุคคลทั่วไป ในนามวง Jazz Passion อ่านเรื่องการทำเพลงและ MV ตอนได้แชมป์ของวง คลิกที่นี่ (นอกจากนี้ยังมีแบงค์ มือเบส ที่วงของเขาเคยได้แชมป์ รุ่นบุคคลทั่วไป เมื่อ THE POWER BAND 2023 SEASON 3 ในนามวงหน้าโรงเรียนอีกด้วย อ่านเรื่องการทำเพลงและ MV ตอนได้แชมป์ของวงหน้าโรงเรียน คลิกที่นี่
มาปีนี้เมื่อ “มือเปียโน” ของวงอยากมาแข่งจึงชักชวนรุ่นพี่รุ่นน้องมารวมวงกัน ในฐานะที่ทั้ง 2 คนมีประสบการณ์มาแล้วจึงมาด้วยกัน “เผื่อฟลุคได้แชมป์รอบสอง ก็ดูเท่ดี” จากปีนั้นที่เพลงเพิ่งมาครั้งแรก จนถึงวันนี้ สิ่งที่คิดว่าเปลี่ยนไปที่สุดสำหรับตัวเองคือ เธอรู้ว่าจะเล่นให้ดีที่สุดได้อย่างไร “ตอนนี้มั่นใจมากขึ้น ไม่กลัวที่จะเป่าออกมา มั่นใจว่าโน้ตที่เลือกเป่าออกมาคือ ดีที่สุดสำหรับเราและเพื่อนร่วมวง”
นอกจากที่ได้เรียนทรัมเป็ตมากขึ้น การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งที่เพลงคิดว่าสำคัญมากอีกอย่างสำหรับการพัฒนาฝีมือคือ “การมีผู้นำฝึกซ้อมที่ดีนั่นก็คืออาจารย์ เพราะเขาสามารถชี้ทางให้เราได้ ถ้าไม่มีอาจารย์เราก็จะซ้อมไปเรื่อย มันพัฒนาแต่ไม่ได้เร็วเท่าที่ควร แต่ถ้าเรามีโค้ช เขาเป็นคนที่มองเข้ามา เขาจะเห็นว่าเราเด่นหรืออ่อนด้านไหน”
ตอนนี้เพลงเรียนอยู่ปี 4 เธอจึงมองหาเส้นทางและโอกาสสำหรับอนาคต “การประกวดให้โอกาส ทำให้มีคนเห็นเรามากขึ้น หนูกำลังจะเรียนจบ และควรจะไปอยู่ในจุดสูงสุดได้แล้ว การมาเวทีนี้ทำให้จุดสูงสุดของเรามันใกล้ขึ้น” เราจะเป็นกำลังใจให้เพลงก้าวสู่เส้นทางสายอาชีพและเป็นมือทรัมเป็ตที่แซ่บที่สุดต่อไป
• ดิว – กรธม ณ สงขลา
นักร้องนำ วง COCAIN (กรุงเทพฯ)
“ผมเป็นศิลปิน
ผมกำลังทำงานศิลปะ”
ดังนั้น บนเวที THE POWER BAND 2025 SEASON 5 วง COCAIN จึงเลือกนำเสนอเพลงของตัวเอง “วงเราเพิ่งสร้างมา เราต้องการเวทีแสดงผลงาน” และสิ่งที่ได้คือ ดิวและวงได้สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้ชมโชว์นี้…แบบไม่มีใครเหมือน
ดิวสื่อสารเพลงออกมาได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง “ผมไม่ได้อยากร้องเพลงคนอื่น ร้องในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ก็เลยเลือกร้องเพลงของตัวเอง” เป็นเพลงที่ดิวแต่งขึ้นมาตั้งแต่มัธยมด้วยความรู้สึกหลากหลายในชีวิต “เคยรู้สึกว่าบางอย่างมันพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ไหมครับ ผมเลยเลือกร้องเพลง แต่งเพลง เพื่อนำเสนอความคิดออกไป สื่อสารด้วยเพลงแทนคำพูด” นั่นทำให้คนเข้าใจและเข้าถึงความคิด จิตวิญญาณของดิวได้มากขึ้น
COCAIN วงนี้เพิ่งรวมตัวกันได้ไม่ถึงปี และกว่าจะหาคนที่เข้ากันได้ก็ยากไม่ใช่เล่น “การหาเพื่อนในวงตอนแรกมีปัญหาเยอะมาก บางครั้งเพื่อนก็ไม่เข้าใจว่าเราเล่นอะไร บางคนก็ไม่ชอบ แต่พอผมเข้ามหาวิทยาลัยก็มาเจอพวกพี่ๆ วงนี้ พี่เขาก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ตอนแรกเราไม่มีมือเบสก็เลยชวนน้องเข้ามา เพราะเราฟังเพลงคล้ายกัน ไปในทิศทางเดียวกัน” นั่นเป็นโชคดีที่ทำให้เราได้รู้จัก COCAIN ในวันนี้ ตอนนี้ดิวกำลังเรียนอยู่ที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังคงแต่งเพลง ร้องเพลง หาเวทีแสดงตัวตนและดนตรีของวง COCAIN เพื่อให้พวกเขาได้เดินทางไปในแบบที่ฝันไว้
• เปรม – ธนยศ เจี่ยสกุล
มือกีตาร์ วง Dr. Jull (นครปฐม)
“ดีดกีตาร์โปร่งมันไม่เฟี้ยว”
เพราะตั้งแต่แรกเปรมก็เริ่มต้นจากกีตาร์ไฟฟ้าเลย “ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์พ่อไปเจอร้านขายกีตาร์ แค่อยากจะไปดูเล่นๆ แต่จริงๆ แล้วที่นั่นเป็นร้านสอนดนตรีด้วย ไม่ใช่แค่ขายกีตาร์ เขาพาไปดูคอร์สให้ลองเล่นดู ผมเลยติดใจ” เพราะเปรมรู้สึกว่าเสียงกีตาร์มันเพราะ “เสียงกีตาร์มันได้ทั้งดุดัน หรือจะหวานก็ได้ ได้ทุกอย่างทุกอารมณ์” นั่นคือเสน่ห์ของกีตาร์สำหรับเปรม ส่วนตัวเขาเองนั้นมีใจให้กีตาร์อย่างแน่นอน “ผมก็ไม่แน่ใจนะ ผมแค่มีความสุขกับการเล่นกีตาร์ เสน่ห์มันอาจจะออกมาเอง และผมเล่นเข้ากับวงมากๆ เท่านั้นเอง” ถ่อมตัวจริงเลย
ถือว่าเปรมเป็น “ศิษย์เก่า” THE POWER BAND อีกคนก็ว่าได้ เพราะเขาเคยมาแข่งแล้วในซีซันก่อนหน้า ตอนนั้นวงคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และตัวเขาในเวลานั้นก็ยังเป็นเด็ก ม.5 ที่คว้า 1 ใน 3 รางวัลนักดนตรี Outstanding ของรุ่นมัธยมศึกษา จาก THE POWER BAND 2023 SEASON 3 ควบด้วย อ่านเรื่องของเปรมตอนคว้ารางวัล หรือ อ่านเรื่องของวง Chada Band เมื่อซีซัน 3 คลิกที่นี่
ไม่ใช่แค่เปรม แต่ในวงก็ยังมีศิษย์เก่าโครงการอีก 2 คน คือ ข้าวหอม นักร้องนำ วง Chada Band และ ภูมิ มือเบส ที่มาจากวง Aliceman ซึ่งมารู้จักกันที่ THE POWER BAND MUSIC CAMP 2023 ชื่อวงมาจากรุ่นพี่ชื่อจูน ผู้ทำหน้าที่เป็นสมาชิกเบื้องหลัง…เหมือนเป็น “หมอ” ของวง อ่านเรื่องของวง Dr.Jull คลิกที่นี่ หรือ อ่านเรื่องของวง Aliceman คลิกที่นี่
และเหตุผลที่พวกเขาก้าวขึ้นเวทีอีกครั้ง คือ “คิดถึงบรรยากาศเดิมๆ เลยชวนเพื่อนๆ กลับมาอีกครั้งครับ” ตอนนี้เปรมก็กำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหลังจากที่ได้เรียนดนตรีจริงจัง เขาก็รู้สึกว่า “ผมว่าตอนนี้ผมเข้าใจดนตรีมากกว่าตอนนั้น (เมื่อซีซันที่ 3) พอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีรุ่นพี่ที่เก่งๆ คอยแนะนำ รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะ” เปรมกำลังเรียนรู้ ฝึกฝน เพื่อเส้นทางในอนาคตที่เขาอยากเป็น “ผมอยากเป็นนักดนตรีแบ็กอัป เล่นให้ศิลปินดังๆ”
Suggestion
• ปัน – ปรันตวัฒน์ มารวิชัย เทเนอร์
มือแซกโซโฟน วง Gathering Sky (นครปฐม)
“ผมไม่ใช่คนเก่ง
การไม่ใช่คนเก่งนี่แหละคือเสน่ห์”
ปันเคยลองเล่นเครื่องดนตรีมาแล้วหลายอย่าง อาทิ เปียโน…ที่เขาเล่นไม่ได้เลยเลิกไป “ผมเห็นพี่เสก โลโซ แล้วชอบมาก ก็ขอแม่เรียนกีตาร์ เล่นไม่ได้อีกเจ็บนิ้ว สักพักเห็นพี่ปิ๊ด Bodyslam เท่มาก ต้องอันนี้แหละ เลยเปลี่ยนมาเล่นเบส ก็เล่นไม่ได้ สุดท้ายก็มาจบที่แซกโซโฟน” อ่านบทสัมภาษณ์วง Bodyslam คลิกที่นี่
แม้แต่แซกโซโฟนเอง เขาก็เล่นๆ เลิกๆ มาหลายครั้งหลายหน “เพราะผมไม่เก่ง ผมโดนด่าทุกวัน” แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดแรงบันดาลใจ “ในคอนเสิร์ตของวง Safeplanet ที่ได้ดู ผมเห็นมีมือแซกโซโฟนออกมาโซโลข้างหน้าเวที… น่าสนใจมาก เป็นซาวนด์ที่ไม่เหมือนใครเลย เทคนิคแพรวพราว คุมเครื่องได้เก่งมาก สืบไปสืบมาเขาคือ อาจารย์อั๊ส มนต์คเนศวร์ สิริปภัสสรา สอนอยู่ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล” ปันตื๊อขอเรียนด้วยอยู่ 2 ปี กว่าอาจารย์อั๊สจะใจอ่อน แล้วเขาก็เดินบนเส้นทางสายแซกโซโฟนมาตลอด อ่านเรื่องของ Music Camp 2025 ที่มีอ.อั๊สอยู่ในทีมวิทยากร Instrumental Clinic คลิกที่นี่
ปันเรียนอยู่ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาดนตรีแจ๊ส (แหล่งสร้างคนดนตรีคุณภาพอีกแล้ว) เขาหลงรักดนตรีแจ๊สก็เพราะว่า “ถ้าเป็นดนตรีคลาสสิกเราจะรู้สึกว่ามันต้องตามโน้ต แต่แจ๊สมันเป็นความสนุกที่ไร้พรมแดน ไม่มีถูกผิด มันมีกฎแต่เราออกจากกฎได้ เป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด” แม้ว่าปันจะไม่ค่อยชอบการแข่งขันเท่าไร แต่เขาก็ชอบขึ้นเวที “ผมไม่ชอบแข่ง แต่ชอบสถานการณ์บนเวที ชอบความสดใหม่” นั่นทำให้เข้าได้ขึ้นเวทีและคว้ารางวัลระดับประเทศมาไม่น้อย “ผมได้รางวัลชนะเลิศรายการ Thailand Jazz Competition ปี 2023, 2024 และปีล่าสุดก็ได้รางวัลนักดนตรีโดดเด่นมา” แม้จะมีรางวัลการันตีฝีมือ แต่ใดๆ คือ ความสุขและความสนุกในดนตรีต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ
• ตะวัน – ปณิธาน จุลเสน
มือกีตาร์ วง HDMI1 (กรุงเทพฯ)
“กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ผมสนิทที่สุด
เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย”
เพราะตะวันถนัดสื่อสารเรื่องราวของดนตรีออกมาทางกีตาร์ได้ดีกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น สิ่งที่เขารู้สึกในทุกครั้งที่ดีดกีตาร์คือ “ผมว่าโน้ตที่ผมเลือกดีดมาจากเสียงในหัว แล้วมือมันก็ไปเอง อาจเป็นเพราะผมฝึกจนสนิทกับสายกีตาร์จนกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้”
แรกเริ่มตะวันไม่ได้ชอบกีตาร์เลย แต่เขาหันมาสนใจเพราะได้แรงบันดาลใจจากพ่อ “พ่อผมไม่ได้เป็นนักดนตรี แต่เขาสนใจและชอบเล่นดนตรี พ่อฟังเพลงบลูส์ ผมก็ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก มุมมองด้านดนตรีของพ่อสุดยอดมาก” ตะวันเล่าว่า เพลง Back In Black ของ AC/DC มันเท่มาก จึงทำให้เขาเล่นกีตาร์
ตะวันเคยทำวงกับเพื่อนมาตั้งแต่ประถมก่อนจะแยกย้ายกันไป “ผมไปเห็นเขาอยู่ดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เขาพัฒนาขึ้นมาก” เลยจุดประกายให้พวกเขากลับมารวมวงกันเป็น HDMI1 (“เอชดีเอ็มไอวัน”) อีกครั้ง และตัดสินใจมาประกวดรายการนี้เพราะวงเห็นว่าเป็น ‘สนามแข่งปราบเซียน’
ตะวันไม่ได้เรียนด้านดนตรี เขาเรียนวิศวะฯ เครื่องกล “ผมว่าอาชีพหลักของผมน่าจะเป็นวิศวะฯ มากกว่า แต่ผมอยากให้ดนตรีเป็นงานอดิเรกมากกว่าเป็นอาชีพ มันน่าจะมีความสุขกว่าสำหรับผม” เพราะเขายังคงชอบบรรยากาศและการได้ไปกระโดดโลดเต้นและดีดกีตาร์อยู่บนเวที “การอยู่บนเวทีมันรู้สึกสวยงามและ บรรยากาศบนเวทีมันหาจากที่อื่นไม่ได้” ในอนาคตเราน่าจะมีวิศวกรที่เป็นนักดนตรีที่เก่งกาจอีกคนหนึ่ง
• เป๊ะ – กันตธีร์ ศรีชาย
มือกลอง วง Munchkin (กรุงเทพฯ)
“ผมน่าจะเหมือนคิงคองตีกลอง”
“แต่อาจารย์นิยามผมว่า ผมคือควายแห่งจันทร์เกษม เพราะว่าแรงเยอะ ตีดัง” ไม่ใช่แค่ดังนะ มีพลังด้วย พลังแห่งความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบเรื่องจังหวะของวงเลยนะนั่น “กลองมันคือถ้วยของวง ถ้าผมรั่วหรือแตกขึ้นมา บทเพลงที่วงกำลังเล่นอยู่มันก็จะหายไปหมดเลย มันจะเป็นแผลที่ใหญ่ที่สุด ผมเลยอยากท้าทายตัวเองโดยการแบกรับทั้งวงไว้”
และเป๊ะ ก็รับผิดชอบได้เป็นอย่างดีในการแข่งขันล่าสุด เคล็ดลับที่ทำให้เป๊ะมีพลังในวันนั้นก็คือการสร้างบาลานซ์ที่สำคัญในชีวิตเพื่อการเล่นกลอง “การซ้อมข้อมือครับ อีกอย่างที่สำคัญคือ การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ต่อให้เราเล่นดีแค่ไหนแต่ถ้านอนไม่พอ มันก็ล้มเหลวได้เหมือนกัน” นี่คงพักผ่อนมาเต็มที่ละซิ
วง Munchkin มีเป้าหมายเดียวกันคือ อยากหาโอกาสให้ตัวเองที่จะไปให้ไกลกว่านี้ ไปให้ไกลถึงการเป็นศิลปินเลย “พวกเราเลยหาเวทีในการแสดงตัวตน” เป๊ะบอกเล่าถึงการก้าวขึ้นเวทีในครั้งนี้ และเขาเคยขึ้นเวทีมาแล้วมากมายหลายเวที “การขึ้นเวทีประกวดมันให้ทั้งประสบการณ์ที่ดีและความเสียใจ ถ้าแพ้ก็แค่เริ่มใหม่เท่านั้นเอง” เพราะบางทีเป้าหมายอาจไม่ใช่ชัยชนะเสมอไป “พวกเราแค่ต้องการมาเล่นดนตรีกับเพื่อน และให้คนอื่นเห็นว่าสไตล์พวกเราเป็นอย่างไร พวกเราบ้าได้แค่ไหน” Munchkin ทำสำเร็จแล้ว เพราะบนเวทีนี้มีคนเห็นฝีมือของพวกเขามากมายเลย
• กาฟิวส์ – ภาณุวิชญ์ บูรณะสิงห์
นักร้องนำ วง Satellite kiss (กรุงเทพฯ)
“เสน่ห์บนเวทีของผมคือ Movement”
จริงอย่างที่กาฟิวส์กล่าว เมื่อวง Satellite kiss ก้าวขึ้นเวทีมีใครไม่มองบ้าง ด้วยคอสตูมวิบวับที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีทั้งวง ทั้งแนวดนตรีที่แตกต่าง ทั้งน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มละมุนของกาฟิวส์ พวกเขาตั้งใจเตรียมโชว์มาฝากทุกคน “เราตั้งใจทำโชว์นี้ขึ้นมาประกวด และเพื่อคนคนหนึ่ง เลยร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์” กาฟิวส์และนนท์ (กีตาร์) เคยส่งคลิปเข้าประกวด THE POWER BAND มาแล้ว (ในนามวงชื่อนมเปรี้ยว) “ตอนนั้นส่งสนามภาคใต้แต่ยังไม่ผ่าน มันเลยเป็นแรงผลักดันว่าอยากจะผ่านเข้ามาให้ได้ อยากทำให้สำเร็จ” เย้! สำเร็จแล้ว
กาฟิวส์ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านเปิดเพลงลูกทุ่งทั้งวัน เขาเลยซึมซับมาไม่น้อย เขาเริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่ 4 ขวบ (เด็กขนาดนั้นเลย) จากนั้นมาเขาก็ขึ้นเวทีประกวดมาตลอด “การประกวดทำให้เราพัฒนา ทำให้เห็นว่ายังมีบาร์ที่สูงกว่าเราอีก ไม่ใช่เราที่เก่งที่สุด”
วันนี้กาฟิวส์เรียนดนตรีโดยตรงอยู่ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (อีกคนหนึ่งแล้ว) “ผมรู้สึกว่าการได้เรียนดนตรีโดยตรง ทำให้ผมร้องเพลงได้ดีขึ้น ได้รู้วิธีการร้องเพลง การใช้เสียง ทำให้เราเพอร์ฟอร์มดีขึ้นไปด้วย” และอีกอย่างที่สำคัญสำหรับนักร้องคือ “ผมจะวอร์มเสียงทุกวัน เพื่อให้เสียงทำงานสม่ำเสมอ มันเหมือนเวลาที่ร่างกายไม่ได้ขยับมันก็จะเมื่อย ถ้าเสียงไม่ได้ขยับก็จะเป็นคล้ายๆ กัน”
Suggestion
• กัส – นภัทร คล้ายเผือก
มือกลอง วง Someway (นนทบุรี)
“ผมคือมือกลองโมอาย”
“หมายความว่าเป็นมือกลองที่หินครับ แข็งแกร่ง” Moai ที่เขาหมายถึงรูปสลักหินโบราณลึกลับของโลก…ก็เป็นจริงตามนั้น พอเราได้ยินกัสหวดกลอง เสียงในหัวก็บอกว่า ‘ทรงพลัง’ กัสคิดว่ากลองเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว “ผมชอบกลองเพราะความบ้าพลัง การตีกลองมันใช้พลังเยอะมาก ผมก็บ้าพลังพอตัวมันเลยตอบโจทย์ เวลาตีกลองมันได้ปลดปล่อย ได้ระบายความรู้สึก”
กัสจึงใส่เต็มที่เวลาอยู่บนเวที “ตอนอยู่บนเวทีผมคิดอย่างเดียวคือ หวดให้ยับ อยากส่งพลังให้คนดู ลุยให้เต็มที่ ลงจากเวทีมาจะได้ไม่เสียใจ” เราเชื่อว่ากัสไม่เสียใจ เพราะเราเห็นถึงความเต็มที่ของกัสผ่านเสียงกลองที่หนักแน่น
กัสและเพื่อนเคยมา THE POWER BAND แล้ว (แซ็ก มือกีตาร์ ตอนนั้นเป็น วง Small Light) แต่เขาอยากกลับมาอีก เพราะตั้งใจทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น “คราวที่แล้วพวกผมทำไว้เต็มที่แล้ว แต่รู้สึกว่ายังสามารถทำได้ดีกว่าเดิมอีก และเวทีนี้ก็เหมือนบ้านหลังหนึ่งครับ” อ่านเรื่องวง Small Light คลิกที่นี่
Someway คาดหวังอยากผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ (แน่นอนว่าคราวนี้พวกเขาทำสำเร็จ) พวกเขาอยากโชว์ศักยภาพที่มี “การแข่งขันครั้งนี้จะมีค่ายเพลงมาด้วยใช่ไหมครับ ผม ‘แค่’ อยากโชว์เพลงตัวเองให้ค่ายได้เห็น เผื่อเขาจะอยากหยิบพวกผมใส่ตะกร้า” เป้าหมายของกัสในวันนี้เขายังไม่ได้เป็น “แค่” แต่เขาอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคน… “อยากเป็นคนที่คนอื่นมองมาแล้วมีกำลังใจมากขึ้น ไม่ได้อยากเป็นไอดอลนะครับ แต่อยากให้เขามองว่า ถ้าคนนี้ทำได้ เขาก็ต้องสู้สิวะ เพราะผมก็เคยกดดันตัวเองมาก่อน พอเห็นพี่ๆ รุ่นใหญ่ทำได้ ผมเลยอยากส่งต่อความรู้สึกแบบนี้ให้คนอื่นบ้าง”
• น้ำ – ฐิติรัตน์ ซึ่งพรม
นักร้องนำ วง The JAE’s (กรุงเทพฯ)
“น้ำเป็นนักร้องที่ไม่เหมือนใคร”
ใช่เลย เรื่องนี้เราเห็นด้วย น้ำเสียงของน้ำมีเอกลักษณ์ ฟังแล้วสบายใจ นอกจากการร้องเพลงแล้ว น้ำยังเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง “ตั้งแต่เด็กก็เล่นเปียโน เข้าวงโยธวาทิตไปก็เป่าแซกโซโฟน บางครั้งก็เล่นคีย์บอร์ด บางครั้งก็ร้องเพลง แต่ไม่เคยร้องหลัก ร้องประสานมาตลอด วงนี้มีแต่เพื่อนผู้ชาย ไม่มีใครร้อง เลยต้องไปร้องเพลง”
และน้ำทำได้สมบูรณ์แบบสุดๆ “ตอนขึ้นเวทีก็ตื่นเต้นมาก กลัวทำพลาด กลัวร้องเพี้ยน แล้วเพื่อนจะโอเคไหม พอขึ้นเวทีก็มีความสุขขึ้น” ที่น้ำร้องเพลงได้เข้าถึงอารมณ์ขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะเธอมีเทคนิคพิเศษ “เคยมีคนบอกว่า ให้หลับตาฟังเพลงและจินตนาการว่าเราอยู่ในเพลงนั้น เราเป็นตัวละครไหน แล้วเราจะรู้ว่า เราต้องรู้สึกอย่างไรเวลาร้องเพลงนั้น” เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก
น้ำไม่ค่อยได้ประกวดแต่มัก(ต้อง)ร้องเพื่อสอบเกรดทางดนตรีมากกว่า นี่เป็นเวทีแรกที่ได้ประกวดจริงจัง “ตอนที่กรรมการคอมเมนต์ก็กลัวว่ามันจะไม่ดี เพราะเป็นการแข่งที่เราไม่สามารถแก้อะไรได้แล้ว แต่พอได้ฟังคอมเมนต์กรรมการวันนี้ก็รู้สึกดีมากๆ หายเหนื่อยเลยที่ซ้อมมา”
เราถามน้ำว่าการเป็น “เจ้” คนเดียวในบรรดาหนุ่มๆ ทั้งวงยากหรือเปล่า “ไม่เลยค่ะ พวกเราสนิทกัน และทุกคนเป็นเพื่อนที่ดี เวลาทำงานจริงจัง ทำงานกันได้ง่าย” The JAE’s (พวกเขาบอกชื่อวงอ่านว่า เดอะ เจ้ส์) ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ “เรามีแผนสำหรับรอบชิงชนะเลิศ แต่ยังไม่เสร็จ กลัวทำไปแล้วเก้อถ้าไม่เข้ารอบ” ไม่เก้อแล้วนะ เพลงที่ทำไว้จะได้ใช้แล้ว
• ต้า – ธนภัทร ปาระมีศรี
มือกีตาร์ วง The Monkey’s Band (พิจิตร)
“ผมคือมือกีตาร์หน้าโหดที่เสียงหวาน”
ต้าบอกเราว่า “แค่ได้มาแสดงที่นี่วันนี้ก็สุดยอดแล้วครับ เพราะเป็นรายการประกวดที่อยากมามากๆ บนเวทีมันเลยมีความสุข เหมือนทุกคนตั้งใจมาดูวงเรา” เพราะว่าต้าอยากมาแข่งที่ THE POWER BAND มาตลอด แต่ก็พลาดมาหลายครั้ง “บางทีก็รวมวงไม่ได้ บางทีก็ทำเพลงไม่ทัน มีครั้งนี้ที่ลงตัว และผมอยากพิสูจน์ตัวเองด้วย”
ต้าเติบโตมาในครอบครัวนักดนตรี “พ่อผมเป็นนักดนตรี พ่อจะพาผมไปดูพ่อเล่นดนตรีทุกงาน ผมเห็นพ่อเท่ดี เลยอยากเล่นบ้าง พ่อก็สอนกีตาร์ผมมา” นอกจากพ่อแล้ว เต มือกลอง คือน้องชายแท้ๆ ของเขา ส่วนโต้ง มือเบสก็เป็นอา “เราเล่นดนตรีกันในครอบครัวอยู่แล้ว”
เหตุผลที่ต้าชอบกีตาร์นั้นก็เรียบง่าย แต่จริง “เล่นกีตาร์แล้วคลายเครียด เสียงมันเพราะ ทำให้อยากเล่นตลอดเวลา กีตาร์เล่นแล้วสวยงาม ทำให้คนอื่นสนุกได้ด้วยกีตาร์ตัวเดียว” เป้าหมายของต้าในอนาคตคือ เขาอยากทำเพลง อยากเป็นศิลปิน และสิ่งที่ต้าทำในวันนี้คือ พยายามเดินทางตามฝัน และ “ผมซ้อมเรื่อยๆ ซ้อมซ้ำๆ ซ้อมไปอย่างช้าๆ แบบที่ถูกต้องมันจะช่วยพัฒนาตัวเองได้” ต้าเชื่อและทำแบบนั้น ด้วยความมุ่งมั่นแบบที่ต้ามี สักวันมันจะสัมฤทธิ์ผล
Suggestion
• โอ้ – เป็นเอก สุนทรเลขา
มือคีย์บอร์ด วง ศายายา บรรเทิงจิ๋น (กรุงเทพฯ)
“ผมเป็นมือคีย์บอร์ดตัวจบของเพื่อน”
โอ้บอกว่า ตัวเขาและคีย์บอร์ดมีความคล้ายคลึงกันอยู่ “คีย์บอร์ดเป็นเครื่องชิ้นเดียวที่สามารถเล่นเพลงด้วยตัวเองเลยก็ได้ หรือสามารถเล่นให้เครื่องอื่นก็ได้เหมือนกับเปียโน แค่คีย์บอร์ดมีฟังก์ชันมากกว่านั้น คีย์บอร์ดสามารถซัปพอร์ตสิ่งที่ขาดให้กับวงได้ เหมือนผมเวลาที่อยู่บนเวที ผมสามารถซัปพอร์ตให้กับทุกคน เติมเต็มให้วง และเป็นสีสันให้วงได้”
วง ศายายา บรรเทิงจิ๋น มีสมาชิกที่หลากหลาย “พวกเรามาจากหลายสาขา มีป็อป แจ๊ส คลาสสิก เวลาซ้อมก็จะเอาไอเดียจากเพื่อนๆ มาผสมผสานกัน” เลยออกมาเป็นความบันเทิงแบบที่พวกเขามอบให้บนเวทีวันนี้
นี่คือการมา THE POWER BAND ครั้งแรกของโอ้ “เพื่อนชวนมาครับ จริงๆ การประกวดให้ความตื่นเต้นแน่ๆ แสง สี เสียง บางทีแสงก็มีผลต่อความตื่นเต้น เกร็งไปหมด แต่บนเวทีผมก็เอนจอยกับเพื่อน แถมเจอวงอื่น ก็เพื่อนๆ กันทั้งนั้นเลยครับ” โอ้เริ่มเล่นดนตรีเพราะรุ่นพี่ที่โรงเรียน “ผมได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ตอนมัธยม ตอนนี้พี่เขาก็เป็นแบ็กอัปให้ศิลปินไปแล้ว” ความฝันในตอนแรกของเขาคือ การเป็นแบ็กอัปคอยซัปพอร์ตให้ศิลปิน “แต่พอเอาเข้าจริงๆ ถ้าเป็นศิลปินได้ก็จะดีกว่า” แปลว่าความฝันของโอ้เริ่มเติบโตแล้วสินะ