Summary
มาฟัง “เบลล์ ขอบสนาม” เล่าถึงความสำเร็จที่เริ่มต้นด้วยตัวเอง ก้าวข้ามผ่านดรามาสู่หนังสือ “บทใหม่” ของชีวิต จากนักศึกษานิเทศศาสตร์ สาวกแมนยู เห็นโอกาสในโซเชียลมีเดีย หอบความมุ่งมั่น กล้าคิด กล้าทดลอง สร้างเพจ “ขอบสนาม” สำเร็จเป็นเพจหลักล้าน ยืนหยัดมาถึงหนึ่งทศวรรษ แต่แล้วช็อกวงการประกาศอำลา “ขอบสนาม” ไปเริ่มต้นโพรเจกต์ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ด้วย “แบรนด์ Spotz” โดยนำร่องด้วยเพจเฟซบุ๊ก
หนึ่งในคนที่ประสบความเร็จสายคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือ KOL สายสปอร์ต แน่นอนว่าต้องมีชื่อ “เบลล์ ขอบสนาม” ผู้ก่อตั้งเพจ “ขอบสนาม” และ “ขอบสหนัง” รวมอยู่ด้วย แต่การประกาศอำลา “ขอบสนาม” เมื่อไม่นานมานี้ของเขาได้สร้างกระแสความสนใจไปทั้งโลกโซเชียล เมื่อเบลล์ ขอบสนาม จะไม่อยู่ขอบสนามอีกต่อไป
Thaipower.co: มองชีวิตเหมือนฟุตบอลไหม
เหมือนแบบว่าคือชีวิตมันต้องมีถอยบ้าง รุกบ้าง
เบลล์: ถูกต้องๆ ครับ รุกอย่างเดียวตาย รับอย่างเดียวก็รอโดน
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2552 ตอนเจ้าตัวยังเป็นนักศึกษา ชั้นปี 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ยุคนั้นกำลังมีการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิทัล เรื่องของโซเชียล เน็ตเวิร์กกำลังมา ผู้คนเริ่มฟังเพลงจากยูทูบ ดูคอนเทนต์ผ่านคอมพิวเตอร์ ทำให้เบลล์เห็นโอกาสการเติบโตในวงการโซเชียลมีเดีย และคิดว่าต้องมีความพร้อมทุกอย่างก่อนเรียนจบ เพื่อจะพร้อมลงสนามการทำงานจริงได้ในทันที เขาได้ลองทำเพจอยู่ 2-3 เพจ ทำให้เรียนรู้วิธีสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดผู้ชม ทำให้เข้าใจการวางแผนกลยุทธ์ และเข้าใจพฤติกรรมของชุมชนในโซเชียลมีเดีย
“เราต้องเก่งกว่าคนอื่น สกิลต้องมากกว่า ถ้าเราตัดต่อได้ ก็คิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะถ่ายกล้องได้ด้วย เขียนสคริปต์ได้ด้วย อยู่หน้ากล้องได้ด้วย ถ้าคุณเก่งรอบด้าน คุณอาจจะเป็นตัวเลือกเหนือกว่า ผมใช้เวลา 4 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เก็บสะสมความรู้ เรียนวิธีพูด เมื่อก่อนพูด ร.เรือ ล.ลิง ไม่คล่อง ก็ฝึกพูดคนเดียวหน้า ทํายังไงก็ได้ไม่ให้ dead air เกิดขึ้นในการพูดของเรา”
เริ่มต้นก้าว…ด้วยสิ่งที่รัก
แนวคิดที่พูดมาคือสิ่งที่ทุกบริษัทต้องการในยุคนี้นะ
“บางคนอาจมี mindset ว่าเฮ้ย กูเป็นตัดต่อ จ้างกูตัดต่อ แต่ก็ใช้กูทํานั่นนี่ มองว่าองค์กรที่จ้าง เขาเอาเปรียบ แต่ผมกลับมองว่าเขากําลังขุนคุณให้เก่งขึ้นหรือเปล่า ถ้าคุณทําได้รอบด้าน ความไว้ใจของเขากับคุณก็จะมากขึ้น คุณจะมีสิทธิ์เรียกค่าเหนื่อย เรียกเงินเดือน เรียกสวัสดิการเพิ่มขึ้น ผมมี mindset ว่ายิ่งองค์กรให้คุณทําอะไรเยอะ ยิ่งบริษัทเขาไว้ใจคุณในการจ้างงานคุณ ให้โอกาสทําอะไรใหม่ๆ คุณอย่าคิดว่าเขากําลังใช้คุณทำฟรีๆ แต่มันคือการเชื่อใจคุณมากๆ”
ด้วยแนวคิดที่เขาเล่ามา จึงไม่แปลกที่หลังเรียนจบในปี พ.ศ. 2555 เบลล์จะได้งานเป็นครีเอทิฟรายการของ บี้ เดอะสกา ยูทูเบอร์ชื่อดัง ที่นั่นคือสนามที่ทำให้เขาเข้าใจวิธีทำงานในโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น การทำงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า การสร้างคอนเทนต์ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยใจรักในฟุตบอล เบลล์ ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อไปสร้างเพจ “ขอบสนาม” ในปี พ.ศ. 2558 เขาใช้เวลา 6 เดือนไม่ออกจากบ้าน ท่ามกลางคำถามตัวโตๆ ของครอบครัวว่าทำไมถึงทิ้งเงินเดือน 20,000 บาท มาทำ “เพจฟุตบอล” ในยุคที่คนไทยยังไม่เชื่อว่าการทำโซเชียลมีเดียจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืน แต่ผลจากการทุ่มเท “ขอบสนาม” ก็ประสบความสำเร็จภายใน 3 เดือน หลังเพจก่อตั้งขึ้น
“บางคนไอเดียเยอะมาก ความฝันความต้องการเยอะ
แต่ไม่ลงมือทําเลย แล้วจะไปรู้ได้ไงว่าไอเดียที่คุณคิด มันจะสําเร็จไหม”
เบลล์ ขอบสนาม
เจ้าของแบรนด์ Spotz
6 เดือนที่อยู่แต่ในห้องตอนนั้น สะท้อนความเชื่อมั่นในตัวคุณเอง ก็ดูสุดโต่งเหมือนกัน
“สุดโต่งครับ แต่เราได้เรียนรู้ว่าที่เราตัดสินใจมันถูกแล้ว กล้าออกมาพิสูจน์ความสามารถ พิสูจน์ความเชื่อ มันคือการแลกทุกอย่าง แต่ก็พิสูจน์แล้วว่า 10 ปีมานี้ ทุกคนรู้จักผมในชื่อนี้แล้ว อีกอย่างผมมีความโรคจิตอย่างหนึ่ง ผมชอบคิดมากเรื่องของชื่อ เรื่องของแบรนดิ้ง ผมมองว่าชื่อยาก ชื่อยาว ชื่อตัวสะกดเยอะ มีวรรณยุกต์ ไม้โท ไม้เอก ไม้ตรี ไม้จัตวา มีโอกาสสูงมากที่คนจะพิมพ์ชื่อเพจชื่อแบรนด์เราผิด ดังนั้น ชื่อแบรนด์ที่เราสร้าง ถ้าไม่มีวรรณยุกต์ ไม่มีสระมาก และออกเสียงไม่เกิน 3 พยางค์ จําง่าย ก็น่าจะเป็นชื่อที่ทรงพลัง”
“ผมลงมือทำ “ขอบสนาม” อย่างเต็มที่ อุทิศชีวิต อุทิศเสียง อุทิศทุกอย่าง ลองดูสักตั้ง ผมคิดว่าหนึ่งปีไม่เกิด ก็แยกย้ายไปทําอย่างอื่น แต่โชคดี ไอเดีย รีเสิร์ช แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ มาพร้อมๆ กัน เราทําการบ้านมาดีมาก ทําให้สิ่งที่เราคิดมาประสบผลสําเร็จตั้งแต่ 3 เดือนแรก วันที่ผมคลิกเมาส์สร้างเพจ “ขอบสนาม” ผมอายุ 24 แต่วันนี้ผมจะคลิกเมาส์สร้างเพจใหม่สร้างแบรนด์ดิ้งใหม่ ผมอายุ 34 มันคือเวลา 10 ปี มันก็นิ่งขึ้น มันก็คมขึ้น แล้วมันก็อาจจะเผ็ดขึ้น สนุกขึ้น กว้างขึ้น”
ขอบคุณภาพจากเบลล์ ขอบสนาม
Suggestion
จากอรรถพล ไข่ทอง…มาเป็น เบลล์ ขอบสนาม
ความผูกพันกับคำว่า “ขอบสนาม” ได้ทำให้ เบลล์ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลในบัตรประชาชนจาก อรรถพล ไข่ทอง มาเป็น เบลล์ ขอบสนาม พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้ชื่อ-สกุลนี้ตลอดไป
“ผมมาเปลี่ยนนามสกุลในปีที่ 7-8 ของการทํางาน คือพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นแล้วว่าสิ่งที่ลูกชายเชื่อในวันนั้น ออกจากงานมาทําสิ่งนี้ ก็เลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ลําบาก สบายใจได้เลยว่าเกษียณมา มีลูกคอยดูแล มีความมั่นคง ผมรู้สึกว่าพ่อแม่ผมภูมิใจ ผมก็ภูมิใจ เชื่อว่าลูกผมโตมา เขาก็จะภูมิใจ”
แต่ชีวิตของคนเราใช่ว่าจะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง อาจพลาดพลั้งสะดุดล้ม เบลล์ ก็เช่นกัน เขาเผชิญดรามาครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยตกเป็นข่าวหมิ่นพระเกจิดังแห่งภาคอีสาน ถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งในและนอกโซเชียล
“สาหัสที่สุดครับ ผมรู้สึกว่าให้ผมตายๆ ไปเหอะ ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าเข้าอินเทอร์เน็ต ได้รับการเกลียดชังแบบทั่วถึงจริงๆ ผมเลยตกผลึกว่า เท้าคนไหนบ้างที่ต้องกราบ ทําให้เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้สํานึกแล้วจริงๆ บวชที่ไหนให้บอก บอร์ดบริหารเรียกผมมาด่า ไม่มีคําหยาบสักคํา แต่น้ำตาตกเลย
ก็ได้เรียนรู้ว่า เบลล์ ขอบสนาม ยืนอยู่บนลําแข้งตนเองก็จริง แต่ข้างหลังมีบริษัท มีพนักงาน มีองค์กร มีแบรนด์ มีลูกค้า ที่ควรแคร์เขา และผมยอมรับที่คนอื่นจะด่าผม ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ผมต้องรักษาคือความดี คิดดี ถ้าทำพลาด ทำผิดจริง ๆ ก็ต้องขอโทษ เราก็ผ่านเรื่องนั้นมาได้”
ชีวิต เหมือนอย่างเกมฟุตบอล
มองชีวิตตัวเองเหมือนเล่นฟุตบอลไหม? มีถอยบ้าง มีรุกบ้าง…
เขาพยักหน้ารับก่อนเล่าต่อ “ถูกต้องครับ รุกอย่างเดียวตาย รับอย่างเดียวก็รอโดน คุณต้องรู้จังหวะว่า ไอ้จังหวะนี้เราควรต้องบุก ไอ้จังหวะนี้มันต้องนอบน้อม ถ้าคุณรู้จังหวะ รู้เวลา รู้แทคติก วางแผนปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอีโก้ในการทำงาน คุณทำงานอะไรก็จะประสบความสำเร็จ”
ขอบคุณภาพจากเบลล์ ขอบสนาม
นั่งพูดคุยกันมาถึงค่อนทาง เราเลยจูงเข้าเรื่องการประกาศอำลาเพจ “ขอบสนาม” จริงอยู่ที่หลายคนรับรู้จากข่าวคราวในปี พ.ศ. 2560 ว่า เบลล์ ขายหุ้น 80% ให้กับมาดามเดียร์ – วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปีในขณะนั้น และเก็บหุ้นไว้เพียง 20% ด้วยเหตุผลถึงจุดอิ่มตัว
“หลังจากทำมา 3 ปี ผมไม่ตื่นเต้นแล้ว ผมได้ไปดูบอลแมนยู ได้เป็นแขกรับเชิญไปพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลาลีกา สเปน มันเกินฝันของเด็กผู้ชายที่ชอบบอลคนหนึ่งแล้ว ตอนนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้มาแห่ที่เมืองไทย ผมได้ทำงานร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ซึ่งถ้าขอบสนามอยู่ในมือเรา มันสุดแค่นี้ ไม่มีทางใหญ่ไปกว่านี้ แต่ถ้ามีคนมาผลักดัน มีเงิน มีเวลา มีหน้าตาในสังคม น่าจะไปได้ไกลนะ ส่วนจะ go on ไปแบบไหนเมื่อไม่มีผม ผมตอบไม่ได้”
ไม่เปลี่ยนนามสกุล
แต่สร้างแบรนด์ใหม่…ใหญ่และหลากหลายกว่าเดิม
“อยากสร้างเพจกีฬาและยูนิตที่สร้างแรงบันดาลใจ ผลักดันแคมเปญลูกค้า เป็นเรื่องของสื่อกีฬา สื่อออนไลน์ ความบันเทิงในแขนงใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่นั่งดูอยู่ในมือถืออย่างเดียว” เขาเล่าจุดมุ่งหมาย
“แล้วก็เกิดขึ้นแล้วฮะ อาจจะออกไปเจอคนในรูปอิเวนต์ เจอกันในโรงภาพยนตร์ รอบนี้มีพันธมิตรเป็นอินฟลูเอนเซอร์ มีพันธมิตรเป็นแบรนด์ดิ้งต่าง ๆ แม้กระทั่งสปอนเซอร์ที่เรามองไว้ก็อย่าง Founding Sponsor หรือ Founder Sponsor 5 เจ้าที่ไปด้วยกันแบบสุดๆ นี่คือพาร์ตต่อไปในชีวิตผม ซึ่งเดือน กรกฎาคมนี้ก็จะเปิดตัวให้ได้รู้กัน ว่าคอนเซปต์จะเป็นแบบไหน ทีมงานมีใครบ้าง ส่วนเพจใหม่ของผมที่ใช้ชื่อว่า Spotz ก็จะเป็นเรื่องของกีฬาและภาพยนตร์ครับ”
เบลล์ ขอบสนาม กับ รถถัง จิตรเมืองนนท์
ขอบคุณภาพจากเบลล์ ขอบสนาม
แน่นอนว่า เบลล์ ขอบสนาม มีพลังงานเหลือล้น ทำงานที่หลากหลายเกี่ยวกับกีฬาและบันเทิงที่เขารัก ถ้าใครติดตามทางเพจเฟซบุ๊ก จะเห็นว่าเขายังทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ รถถัง จิตรเมืองนนท์ นักมวยชื่อดังด้วย “ฟ้าส่งมาละกันฮะ ผมไม่เคยรู้จักรถถัง แต่รถถังเป็นแฟนคลับผม เขาชอบที่ผมพากย์ เขาชวนผมไปงานแต่งงาน มีโอกาสสนิทกัน จนผมได้เห็นว่าไม่มีใครดูแลรถถังเลยเหรอวะ ช่วยดูแลให้แบบว่างานนี้ควรรับหรือไม่ควรรับ งานนี้ควรรับเท่าไร ถ้าปฏิเสธ ควรจะปฏิเสธแบบไหน จะไปนั่นไปนี่ ไม่มีใครสกรีนให้เลย”
เมื่อมีโอกาส เขามักใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นเสมอ นี่คือหัวใจสำคัญของการช่วยเหลือสังคม และหลายๆ ครั้งที่ เบลล์ ขอบสนาม ไปร่วมกิจกรรมส่งต่อลูกฟุตบอลให้เด็กๆ กับ โครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” ที่จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
“ผมชอบเรื่องนี้ ซึ่งผมเคยคิดนะแต่ไม่มีปัญญา” หยุดหัวเราะนิดหนึ่งและกล่าวต่ออย่างไม่ลังเล เขาหมายถึงโครงการแจกลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูก
“ผมว่าลูกบอลคือพื้นฐานที่สุด คุณอยากให้เด็กเก่ง อยากให้เด็กในประเทศได้ไปบอลโลก ไปดูตามโรงเรียนภูธรสิ ไม่มีลูกบอลให้เด็กเตะ แล้วจะหาช้างเผือกรุ่นใหม่มาได้ยังไง” เบลล์สนับสนุนกิจกรรมที่เกิดจากแนวคิดของโครงการฯ ด้วยความรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยคิดถึงโพรเจกต์แห่งการ “ให้” ในทำนองแบบนี้มาก่อน “แต่ผมไม่มีปัญญา จะรอเมสซี่ เจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) อายุ 38 ปี พาไปบอลโลกตลอดไปเหรอ ต้องวนรุ่น มีรุ่นใหม่ขึ้นมา
สิ่งที่ คิง เพาเวอร์ สร้างนอกจากเรื่องบอลหรืออะไร คือการสร้างรากฐาน สนามฝึกซ้อมซีเกรฟ ที่ คิง เพาเวอร์ สร้างให้เลสเตอร์ ซิตี้ ถ้าเรามีสิ่งนั้นในไทย เรามีหลักสูตรชัดเจน มีการทํางานที่ชัดเจน ผมว่า คิง เพาเวอร์ สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบที่คาดไม่ถึง นั่นจะทําให้เยาวชนไทยเป็นหนึ่งในผลผลิตของวงการกีฬาโลก”
Suggestion
เป็น #แฟนบอลแมนยู
ที่เป็น #เฟรนด์บอลเลสเตอร์ ซิตี้
เมื่อไม่ได้เป็นแฟนก็เป็นเฟรนด์ก็แล้วกัน เบลล์ ชื่นชมว่านี่เป็นแคมเปญที่ดี แม้จะยากที่จะให้คนที่เชียร์แมนยู เชียร์ลิเวอร์พูล เปลี่ยนใจมาเชียร์จิ้งจอกสยาม
ในขณะที่ทีมแมนยูที่เขาเชียร์ น่าจะต้องเปลี่ยนคนดูแลบ้าน “เราเปลี่ยนแม่บ้านมาหลายรอบแล้ว จากแม่บ้านเมื่อก่อน ใช้ไม้กวาดนี้ เราเปลี่ยนแม่บ้านมาใช้ไม้กวาดนี้บ้าง กวาดท่านี้ ถูได้ทีละ2 ข้าง ก็ลองมาหมดทุกท่าแล้ว มันไม่เห็นดีขึ้น ผมว่ารอบนี้มันอาจจะเป็น นอตในตัวบ้านหรือเปล่า คือบ้านมันไม่แข็งแรงหรือเปล่า หลังคารั่วยังไงก็เปียก อย่างนี้หรือเปล่า แมนยูทีมมีปัญหามากกว่านักเตะ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้กําลังใจแมนยูกันด้วยนะ”
“แต่ #เฟรนด์บอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแคมเปญที่เหมาะมาก โอเค ทีมคงไม่ได้เป็นเบอร์ 1 ในใจใครหลายคน แต่เราเป็นเฟรนด์กันได้ไง เป็นเพื่อนร่วมให้กําลังใจ และคิดว่าเราไม่ได้เชียร์ด้วยความสงสารหรือเห็นใจ แต่เชียร์ด้วย หนึ่ง-นั่นคือทีมของคนไทย สอง-เลสเตอร์ ซิตี้ มีแพสชัน…นี่คือแคมเปญที่ทําให้คนเกิดการรับรู้ และหันมาสนใจทีมเลสเตอร์ ซิตี้ มากขึ้น เขาอาจเหลียวมาดูประวัติศาสตร์ ศึกษาข้อมูลเลสเตอร์ ซิตี้ และเรียนรู้เลสเตอร์ ซิตี้มากขึ้น” แน่นอนว่าความคิดเห็นต่อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลหน้า เรียกว่า “มีความหวัง”
“ผมว่าอินฟลูเอนเซอร์ ทุกคนรู้ดีว่า คิง เพาเวอร์ ให้ใจกับวงการฟุตบอลมากแค่ไหน” เบลล์ กล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับบทสนทนาของเรากับเขายุติลงตรงนี้ พร้อมกับเสียงฝนที่ขาดเม็ดไปแล้วที่ด้านนอกอาคาร
ติดตามผลงานของ เบลล์ ขอบสนาม ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
FACEBOOK: เบลล์ ขอบสนาม
INSTAGRAM: bellkhobsanam